เข้าสู่ระบบ

3038 Words
"กรุณาสวมเครื่องมือเพื่อทำการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบด้วยค่ะ" เมื่อเดินเข้ามาภายในห้อง หญิงสาวในชุดรัดรูปสีขาวก็เดินเข้ามาแนะนำผมในทันที เธอพาผมมายังตัวเครื่อง มันเป็นเก้าอี้ขนาดพอดีตัวที่มีสายไฟระโยงระยางที่ด้านหลัง ตัวเครื่องมีถุงมือสีขาวและหมวกครอบหัวที่มีลวดลายสีดำดูทันสมัย แต่มันไม่มีสายไฟเชื่อมต่อเหมือนกับเก้าอี้ "สวมถุงมือและหมวกเพื่อทำการเชื่อมต่อได้เลยค่ะ" เธอผายมือไปยังตัวเครื่องเพื่อชักชวนให้ผมนั่งลง ผมทำตามที่เธอต้องการ สวมถุงมือสีขาวและหมวกครอบหัว "...!!" ในทันทีที่ผมสวมอุปกรณ์พวกนี้จนครบ ภาพตรงหน้าของผมก็เปลี่ยนไปในทันที ตอนนี้ภาพที่ผมเห็นคือสิ่งรอบตัวที่ค่อยๆ ไหลผ่านตัวไปอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเส้น ความรู้สึกตอนนี้เหมือนผมกำลังพุ่งตัวไปข้างด้วยความเร็วสูง จนสุดท้ายมันก็หยุดลง ผมลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง เมืองที่มีผู้คนพลุกพล่านเดินขวักไขว่ไปมา พวกเขาสวมเกราะและเครื่องแบบแตกต่างกัน รวมทั้งถืออาวุธที่ไม่คิดว่าจะมีบนโลกนี้อีกด้วย ตัวเมืองเหมือนกับโลกในเทพนิยาย มันถูกสร้างออกมาอย่างประณีตจนใครเห็นก็ต้องเผลออุทานออกมา "สุดยอด..." ผมอุทานออกมาโดยไม่ทันได้รู้ตัว ก่อนจะหันไปเห็นอาคารใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มันเห็นได้ชัดจากมุมนี้และทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของผู้ที่ครอบครองมัน ปราสาทสูงใหญ่ที่ก่อสร้างด้วยวัสดุอันส่องประกาย มีทั้งสีทองและเงินที่เรืองออกมาจากที่แห่งนั้น "นี่น่ะเหรอ..โลกใบใหม่..." สิ่งที่ทำให้ผมอุทานแบบนั้นออกมาไม่ใช่แค่เพียงภาพตรงหน้า แต่มันเป็นเพราะสิ่งที่ผมกำลังรู้สึก สายลมที่พัดผ่านตัว เสียงของผู้คนที่ผ่านเข้ามาภายในหูซ้ายและขวา หรือแม้กระทั่งความเจ็บปวดตอนที่ถูกใครบางคนหยิกแก้ม "อ๊ะ..!!" ผมสะดุ้งก่อนจะหันมองไปด้านหลัง คนที่อยู่ตรงนั้นคือเด็กหนุ่มในชุดเกราะเต็มตัว แต่ที่ส่วนหัวเว้นเอาไว้ทำให้ผมจำเขาได้ "นายคือ พล?" พลทำหน้าอึ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา "ตกใจนิดหน่อยนะเนี่ยที่นายเรียกชื่อฉัน" เรียกชื่อ..? ผมเรียกชื่อของเขางั้นเหรอ เป็นเพราะบรรยากาศในเกมรึเปล่านะที่ทำให้สบายใจพอที่ผมจะเรียกชื่อใครสักคน "เอาเถอะ อยู่ในโลกใบใหม่ก็ต้องเป็นคนใหม่ละนะ" พลเข้ามาโอบไหล่ของผมก่อนจะพาเดินไปรอบเมือง "เป็นไง สุดยอดใช่ไหมล่ะ" พลพาผมมายังด้านบนของกำแพงเมือง ทำให้ผมเห็นวิวของเมืองทั้งเมืองโดยมีเจ้าปราสาทอันส่องประกายอยู่ตรงกลาง มันคือภาพอันสวยงามที่ผมไม่อาจเห็นได้เลยในโลกใบเก่า ผมคิดแบบนั้นในตอนที่ได้เห็นมัน "อา..สุดยอดจริงๆ" พลหันมายิ้มให้กับผมทันทีที่ได้รับคำตอบ ก่อนที่เขาหันมองไปอีกด้าน "ถ้างั้น พร้อมรึยัง?" "พร้อม? สำหรับเรื่องอะไรล่ะ?" "ฉันบอกแล้วว่านี้คือเกม MMORPG เพราะฉะนั้นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยของเกมประเภทนี้มันคืออะไรล่ะ" ผมตาลุกวาวเมื่อได้ฟัง ก่อนจะหันมองไปด้านตรงข้ามของเมือง ตรงนั้นคือทุ่งโล่งกว้างสีเขียวขจี ที่รอบด้านมีป่าใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ปกคลุมอยู่ "อย่าบอกนะว่า.." "อย่างที่นายคิดเลย" พลยื่นดาบเล่มหนึ่งมาให้ผม มันเป็นดาบเหล็กขนาดพอดีที่ดูแข็งแรง "ได้เวลาออกล่ากันแล้ว" ช๊วก!! เสียงของเหล่ามอนสเตอร์ท่อนไม้ถูกเฉือนจนขาดสะบัด พวกมันไม่อาจต้านทานดาบใหญ่ของพลได้เลยสักตัว แต่กับผมนั้นแตกต่าง ผมไม่สามารถฟันมันให้ขาดเหมือนกับเขาได้เลยสักตัวเดียว "ย้าก!!" ฟุบ.. ท่อนไม้มีชีวิตพวกนี้หลบหลีกคมดาบของผมไปอย่างง่ายดาย พวกมันเริ่มหัวเราะราวกับกำลังเยาะเย้ยตัวของผม "พวกท่อนไม้นี่!!" ผมตวัดดาบไปมาหาตัวมันอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังไม่โดนเหมือนเดิม ผมกัดฟันด้วยความโมโห ก่อนจะพุ่งตัวไปหาแล้วแทงดาบใส่มันโดยตรง ครั้งนี้แหละ!! ปลายดาบจ่อไปที่ลำตัวของท่อนไม้ หมายจะปลิดชีวิตของมัน ฟุบบ... ผลลัพธ์นั้นเหมือนเดิม แถมมันทำให้ผมเหนื่อยมากอีกด้วย "ก็คิดอยู่หรอกว่านายเล่นเกมไม่เก่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะไม่มีเซนส์ขนาดนี้" พลเดินเข้ามาหาผมก่อนจะแตะไหล่ เขาจับมือของผมให้ยกดาบขึ้น บรรยากาศตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงจัง พลบังคับมือของผมให้จับดาบทั้งสองมือ "เอาล่ะ ที่นายทำเมื่อกี้มันคือการฟาด ไม่ใกล้เคียงกับการฟันด้วยซ้ำ" ผมตั้งใจฟังสิ่งที่พลพูด เสียงของเขาดังอยู่ที่หูข้างขวาของผม "จ้องมองไปยังสิ่งที่นายกำลังจะฟัน กำดาบให้แน่นแล้วลองตวัดมันใหม่อีกครั้งดู" ผมสูดหายใจเข้าก่อนจะจ้องมองไปยังท่อนไม้ที่กำลังเต้นรำเยาะเย้ยอยู่ตรงหน้า ก่อนจะกำดาบบนมือเอาไว้แน่น ฉับ!! ผมพุ่งตัวเข้าไปฟันท่อนไม้นั่นอีกครั้ง มันยังคงหลบคมดาบของผมได้ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป "ดี!! รุกต่อไปเลยอรัญ" ผมกำดาบบนมือแน่น ก่อนจะฟันเข้าไปอีกครั้งที่กลางลำตัวของมัน ช๊วกก!! เมื่อคมดาบได้ตัดผ่าน ร่างของท่อนไม้นั่นก็ถูกแยกออกเป็นสองท่อน "เป็นไง ความรู้สึกตอนจัดการพวกมันได้น่ะ" "อืม..รู้สึกดีใช้ได้เลย" ท่อนไม้นั่นล้มลงก่อนจะสลายหายไปเป็นแสงสีเหลือง ก่อนที่แสงเหล่านั้นจะลอยเข้ามาภายในร่างกายของพวกเรา "นี่มัน.." ผมตกใจที่แสงพวกนั้นลอยเข้ามาในร่าง มันให้ความรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนกับผมดูดกลืนบางสิ่งเข้ามาผ่านผิวหนัง "กะแล้วว่านายต้องตกใจ สิ่งที่ลอยเข้าไปในร่างของนายเมื่อกี้คือค่าประสบการณ์" "ค่าประสบการณ์" "ใช่ มันคือตัวบ่งบอกว่านายเล่นเกมไปถึงระดับไหนแล้ว เป็นสิ่งพื้นฐานของเกมแนวนี้เลย" ค่าประสบการณ์งั้นเหรอ ผมที่ไม่ใช่พวกชอบเล่นเกมยังตื่นเต้น แสดงว่ามันคือระบบที่สุดยอดงั้นสินะ "ว่าแต่ มีตัวบ่งบอกไหมว่าตอนนี้พวกเราอยู่ระดับไหนแล้ว" พลนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะทำท่าราวกับเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้ "อ๋อ เพิ่งจำได้ นายสามารถเช็กข้อมูลของตัวเองได้ที่แขนขวานะ" "แขนขวางั้นเหรอ?" ผมยกมือขวาของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเห็นว่ามีบางอย่างที่แปลกไปตรงข้อมือ ลักษณะเหมือนปุ่มสีขาว มันติดอยู่บนข้อมือราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย "ลองกดดู" ผมกดปุ่มสีขาวนั่นตามที่เขาบอก ก่อนจะมีหน้าต่างบางอย่างผุดขึ้นมา มันเป็นหน้าต่างกรอบสี่เหลี่ยมสีเหลือง ภายในมีข้อความเขียนเอาไว้ 'ชื่อ อรัญ อาชีพ ผู้ถูกอัญเชิญจากต่างแดน เลเวล 3 ความชำนาญสูงสุด ดาบเล็ก ค่าสติสัมปชัญญะ 100%' หืม? เหมือนมีข้อมูลแปลกๆ บางอย่างงอกขึ้นมาด้วย ข้อความอื่นๆ ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก แต่ไอ้ค่า 'สติสัมปชัญญะ' มันคืออะไรกันนะ? ไม่มีข้อมูลพวกนี้ในเอกสารทั้ง 15 หน้าด้วยสิ คงจะเป็นข้อมูลปกติของเกมพวกนี้รึเปล่านะ "นี่ พล?" "ว่าไง มีอะไรอยากถามฉันงั้นเหรอ" "ค่าสติสัมปชัญญะ มันคืออะไร?" พลที่ได้ยินก็ทำท่านิ่งไป เขากอดอกก่อนจะถอนหายใจออกมา "ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่วันนี้มันเพิ่งจะแค่วันแรก พวกเขาคงจะบอกเราทีหลังก็ได้มั้ง" คำตอบของพลทำให้ผมเริ่มกังวล มันรู้สึกไม่ดีราวกับมีเรื่องบางอย่างที่พวกเราควรจะรู้ถูกปกปิดเอาไว้อยู่ "ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะพานายไปยังที่จำเป็นในขั้นต่อไปเอง" "ที่จำเป็นในขั้นต่อไป?" "ใช่แล้ว ร้านค้าไงล่ะ" พลพาผมกลับเข้าไปเมืองเพื่อที่จะพาไปยังร้านค้า แต่ก่อนที่จะไปถึงกลับมีบางอย่างเกิดขึ้น "นี่มันไม่ใช่แล้ว หมายความว่าไง!!" "จะไปรู้เหรอ แกลองไปถามผู้ดูแลเอาเองสิวะ!!" "มันความผิดแกไม่ใช่รึไงที่ชวนฉันมา" "อย่าโบ้ยมั่วสิวะ!!" เสียงเอะอะโวยวายดังไปทั่วบริเวณเมือง แถมมันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะคนกลุ่มเล็กๆ "เกิดอะไรขึ้น...?" พลกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย เขาพยายามเข้าไปยังฝูงคนเพื่อสอบถามสถานการณ์ แต่ท่ามกลางความสับสนของผู้คน ก็ได้มีคนบางกลุ่มที่ยังใจเย็นกับเหตุการณ์นี้อยู่ บางคนจ้องมองการลุกฮือนี้พร้อมกับหัวเราะ บางคนก็ทำหน้าเฉยชา หนึ่งในนั้นก็คือผม.. ไม่ต้องเดาเลยว่าสิ่งที่พวกเขากำลังโวยวายนั้นเกี่ยวกับอะไร มันคือข้อตกลงที่เขียนเอาไว้ในเอกสาร 15 หน้าดีอยู่แล้ว "เฮ้ย ออกมาสิวะไอ้คนสร้าง อธิบายมาเดี๋ยวนี้ว่ามันหมายความว่ายังไง!!" ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นไปบนฟ้า หลังจากนั้นก็ได้มีคนทำตามเขาเป็นจำนวนมาก "ใช่ บอกมาเลยนะว่ามันคืออะไร!!" "พวกเราไม่ยอมแน่ถ้าไม่ได้รับคำตอบที่ดี" "แกคิดจะทำอะไรกับพวกเรากันแน่หา!!" เสียงตะโกนของชายหญิงดังขึ้นไปบนฟ้า เป็นภาพอันวุ่นวายอย่างที่สุดในสายตาของผม "น่าตลกเนอะว่าไหม ที่พวกเขาไม่ได้อ่านกฎก่อนจะตกลงเข้าร่วมการทดสอบ" เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นข้างตัวของผม เขาสวมผ้าคลุมสีดำทำให้ผมมองเห็นเขาได้ไม่ชัดนัก แต่ภายใต้ผ้าคลุมนั่น ...ผมเห็นว่าเขากำลังยิ้มอยู่ "คุณเป็นใคร?" ผมเอ่ยถามเขาอย่างตรงไปตรงมา แต่สิ่งที่เขาทำคือการขำในลำคอก่อนจะตอบคำถาม "หึๆๆ เดี๋ยวนายก็รู้เอง ดูจากที่นายไม่เป็นบ้ากับคนพวกนั้น แปลว่าเราคงจะเป็นคนประเภทเดียวกัน" สิ้นเสียง ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำก็เดินหันหลังกลับก่อนจะหายไปท่ามกลางฝูงชน เป็นคนที่แปลกชะมัด...ผมคิดแบบนั้น.. "เมื่อกี้ใครงั้นเหรอ อรัญ" พลเดินออกมาจากฝูงชนพร้อมกับความเหนื่อยหอบ การจะฝ่าฝูงชนขนาดนั้นมาหาผมได้คงลำบากทีเดียว "เปล่าหรอก ไม่รู้จัก" "งั้นเหรอ เออๆ เรื่องนั้นช่างมันก่อน เหมือนว่าเราจะเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้วล่ะ" พลเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล เขามองหน้าผมด้วยอารมณ์ที่ร้อนรนใจ ต่างกับผมที่ทำหน้านิ่งเฉยมองเขา เพราะตัวผมนั้นรู้ดีอยู่แล้ว ว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดคืออะไร "ฉันเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นเหมือนกันในตอนแรก แต่เหมือนตอนนี้จะชัดเจนแล้วนะ" พลสูดหายใจ ก่อนจะจับไหล่ของผมทั้งสองข้าง "ฟังนะอรัญ ตอนนี้พวกเราน่----" "เฮ้ย!! บนท้องฟ้านั้นมันอะไรวะน่ะ" ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาทำให้ทุกคนเงียบปากลง ก่อนที่พวกเขาจะเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าตามที่ชายคนนั้นเอ่ย ร่างของบางอย่างเริ่มก่อตัวท่ามกลางความว่างเปล่า เส้นสีดำรวมตัวจนหลอมรวมเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์เพศหญิง เธอสวมชุดรัดรูปสีขาวที่มีลวดลายสีดำ ก่อนจะลอยตัวลงมาบนพื้นท่ามกลางฝูงชน "สวัสดีค่ะ ฉันชื่อโซเฟีย เป็นผู้ดูแลหลักของผู้เล่นทั้งหมด" "อธิบายเดี๋ยวนี้นะว่ามันคืออะไร ทำไมพวกเราถึงไม่มีปุ่ม 'ออกจากระบบ' ในหน้าเมนูกันละหา!!" นั่นคือสิ่งที่ชายคนหนึ่งพูดโพล่งขึ้นมา ก่อนที่ฝูงชนจะเริ่มตั้งคำถามตาม เสียงของฝูงชนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ โดยมีเป้าตรงไปยังบุคคลที่เพิ่งจะลงมาจากฝากฟ้า แต่เมื่อเธอเอ่ยปากพูด มันก็ทำให้ทุกคนเงียบลงไปในทันที "พวกคุณ ได้อ่านเอกสารทั้งหมดก่อนจะยืนยันการเข้าร่วมทดสอบหรือยังคะ" หญิงสาวคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับทรงพลังอย่างน่าประหลาด สิ่งที่เธอพูดคือสิ่งที่ผมคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว คงจะมีคนเพียงแค่ส่วนน้อยแน่ๆ ที่ได้อ่านเอกสารครบทุกหน้า พวกเขาคงอ่านถึงแค่บรรทัดจำนวนเงินที่กำลังจะได้ก็คงตอบตกลงกันทุกคนอยู่แล้ว "การที่พวกคุณตอบตกลง แสดงว่าคุณยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดอยู่แล้ว" คำพูดของโซเฟียแทงใจดำเหล่าฝูงชนที่ต่อต้าน พวกเขารู้ตัวดีว่าไม่ได้อ่านมันอย่างละเอียดเลยสักนิด "ต..แต่ฉันไม่ยอมรับหรอก การทดสอบบ้าอะไรที่จะขังพวกเราเอาไว้ในเกม ฉันขอถอนตัว ไม่เอาแล้ว" "ใช่ ฉันก็ไม่เอาหรอก!!" "ผมเองก็มีงานที่ต้องทำอีก ไม่มีเวลาเหลือขนาดมาเล่นเกมทั้งวันหรอก" เสียงโวยวายดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่เหมือนครั้งนี้จะเบากว่าครั้งก่อนๆ คงเพราะพวกเขารู้ว่า ถ้าเถียงอะไรไปตอนนี้คงจะมีเพียงความโง่เง่า "ถ้าอยากออกไปก็ไม่ยากหรอกค่ะ มันวิธีอยู่.." หญิงสาวผู้ดูแลเปิดปากเอ่ยหนทาง ทำให้ฝูงชนรอบข้างเธอเริ่มมีความหวัง "งั้นก็บอกกันตั้งแต่แร---" "แต่หนทางนั้น ไม่ได้มีอยู่เยอะนักหรอกนะคะ" คำตอบนั้นทำให้ผมเดาได้ว่าเธอกำลังจะพูดอะไรต่อ "การจะออกไปจากเกมนี้ได้.." การจะออกไปจากเกมนี้ได้ "มีเพียงแค่.." มีเพียงแค่ "สองวิธีเท่านั้นค่ะ" วิธีเดียวเท่านั้...เอ๋..? "คำตอบของฉันคงทำให้ผู้ที่อ่านเอกสารรู้สึกตกใจ แต่เป็นเพราะเราไม่สามารถเผยอะไรได้มากนักทำให้ต้องปกปิดเอาไว้ค่ะ" ผมอึ้งไปหลังจากที่ได้ยินคำพูดแบบนั้น และผู้ที่อ่านเอกสารจนครบทุกคนคงจะรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเช่นกัน "เอาเถอะ บอกมาได้แล้ววิธีที่ว่าน่ะ" หญิงสาวผู้ดูแลถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยขึ้น "วิธีแรกคือคุณจะต้องช่วยดินแดนแห่งนี้จากการรุกรานของบางสิ่งให้ได้ก่อนค่ะ ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเพราะจะเป็นการเปิดเผยเนื้อหา" เสียงซุบซิบของผู้คนเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง พวกเขาคงกำลังมโนไปต่างๆ นานา เกี่ยวกับบางสิ่งที่ว่า แต่ผมพอจะทำความเข้าใจวิธีการแรกได้อยู่แล้ว สิ่งที่อยากจะรู้คือวิธีการที่สองต่างหาก "แล้ววิธีการที่สองล่ะ" "ค่ะ.." หญิงสาวผู้ดูแลโน้มตัวลง ก่อนจะเริ่มเผยรอยยิ้มออกมา "วิธีสอง เกี่ยวกับค่าสติสัมปชัญญะของตัวผู้เล่นเองค่ะ ถ้ามันลดลงจนเหลือ 0 เมื่อไหร่ ผู้เล่นจะออกมาจากโลกนี้ทันทีค่ะ" "แล้วจะลดได้ยังไงล่ะเนี่ย ไอ้ค่าสติสัมปชัญญะอะไรเนี่ย" "นั้นถือเป็นการเปิดเผยเนื้อหาของเกมมากเกินไปค่ะ" สิ้นเสียงนั่น ผู้ดูแลก็ค่อยๆ สลายตัวหายไปต่อหน้าต่อตาของทุกคน "อะไรวะนั่น แล้วจะทำไงล่ะเนี่ย" "เวรเอ๊ย ฉันยังมีสุนัขที่ต้องเลี้ยงอยู่นะเว้ย" "ส่วนฉันยังไงก็ได้ ตกงานแล้ว" "นั่นมันเรื่องของแกโว้ย!!" การโวยวายเริ่มก่อตัวที่ครั้ง แต่มันก็เกิดขึ้นไม่นานก่อนที่ฝูงชนจะเริ่มสลายตัวไป "น่าตกใจจริงๆ เลยนะ ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้แทนแล้ว" หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น พลก็พาผมมายังด้านบนของกำแพงเมืองอีกครั้ง "ว่าแต่ นายได้อ่านเอกสารพวกนั้นหมดรึเปล่า อรัญ" หลังจากที่ได้ยินคำถาม ผมเตรียมที่จะเปิดปากตอบไปตามความจริง แต่บางอย่างในใจของผมมันกลับบอกอีกอย่าง บางที.. "ไม่..ฉันอ่านมันไปแค่นิดเดียว" "งั้นพวกเราก็เหมือนกันสินะ เฮ้อ..ซวยชะมัดได้มาติดอยู่ที่นี่" "นายคิดว่า...จะมีคนมาช่วยเรารึเปล่า?" ผมเอ่ยปากถามพลไปแบบนั้น ก่อนจะคาดเดาคำตอบว่าเขานั้นยังมีความหวังหรือไม่ "ฉันไม่คิดขนาดนั้นหรอก การที่พวกเขาทำแบบนี้ได้แสดงว่าคงมั่นใจพอสมควร" พลยืนขึ้นก่อนจะมองไปยังทิศของดวงอาทิตย์ ในตอนนี้มันกำลังลับขอบฟ้าไปอย่างช้าๆ เป็นภาพที่น่าประทับใจ "สิ่งที่พวกเราทำได้ คือเล่นไปตามเกมของพวกเขาเพียงเท่านั้น" สายตาของพลมุ่งมั่น แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่สามารถทำใจได้อย่างรวดเร็ว แปลว่าผมคงจะเลือกทางเดินได้ถูกต้องแล้วสินะ บางทีการได้มาอยู่ที่แห่งนี้อาจจะเป็นชะตาก็ได้ ถ้าผมเลือกที่จะหนี..ก็คงต้องหนีไปให้สุดทาง... "งั้นแปลว่าพวกเรากำลังทิ้งโลกใบเก่าไปแล้วใช่ไหม" "นายคิดแบบนั้นเหรอ อืม..จะว่างั้นก็คงใช่ล่ะมั้ง" ผมลุกขึ้นก่อนจะหันมองไปยังด้านของดวงอาทิตย์ แสงของมันส่องตรงมาที่ดวงตาของผม แต่ครั้งนี้มันกลับไม่รู้สึกแสบใดๆ เลย "ยินดีต้อนรับ สู่โลกใบใหม่"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD