โลกาหวลคืน (1)

2251 Words
"โลกาหวลคืน" สิ่งที่ผู้ดูแลระบบโซเฟียพูดมีเพียงเท่านั้น เธอไม่ได้กล่าวอะไรต่อก่อนจะหายไปจากผืนฟ้า การประกาศของเธอทำให้ผู้คนลุกฮือขึ้นอีกครั้ง บางคนก็กล่าวดีใจอย่างมีความหวัง บางคนก็รู้สึกสิ้นหวังเมื่อได้ยินประกาศการอัพเดตระบบ แต่คนส่วนน้อยกลับเฉยชา ทำราวกับว่ามันเป็นเพียงสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว หนึ่งในนั้นคือตัวของผมเอง เพียงแต่ตอนนี้.. "แปลว่า พวกเรากำลังจะได้ออกไปจากโลกแห่งนี้แล้วสินะ" นั่นคือเสียงของอัญชัน เธอกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไปจากทุกที น้ำเสียงนั่นเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรต่อโลกที่เธอจากมา มันทำให้ผมนึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ และผมไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย มันให้ความรู้สึกราวกับผมว่าผม.. ...กำลังจะถูกทิ้งอีกครั้ง เมื่อประกาศการอัพเดตจบลงไปได้สักพัก คนส่วนใหญ่ก็รีบเดินทางออกไปจัดการมอนสเตอร์เพื่อทำภารกิจอย่างรวดเร็ว จากที่เห็นพวกเขาคงตื่นเต้นเอามากๆ เกี่ยวกับอัพเดตใหญ่ในครั้งนี้ ส่วนผมกับอัญชันก็แยกทางสักพัก เธอว่าตัวเองมีธุระต้องไปทำกับกลุ่มของเธอเอง ผมก็ไม่ใช่ว่าจะติดเธออะไรขนาดนั้นก็เลยตกลง ทำให้ตอนนี้ผมเดินไปในเมืองอย่างไร้จุดหมาย พอได้มาอยู่คนเดียวอีกครั้งก็เคว้งไปเลยแฮะ.. บรรยากาศในเมืองตอนนี้นั้นไร้ผู้คน เพราะคนส่วนใหญ่นั้นออกมาจากเมืองไปกันหมดแล้ว ที่จะเหลือก็แต่ผู้เล่นที่เป็นพ่อค้า ไม่ก็พวกที่หมดอาลัยตายอยาก "เฮ้อ..." ผมถอนหายใจให้กับความสงบแบบนี้ ก่อนจะตัดสินใจเปิดหน้าต่างสถานะของตัวเองขึ้นมาดู 'ชื่อ อรัญ อาชีพ ผู้ใช้คุณไสย เลเวล 57 ความชำนาญสูงสุด ดาบเกล็ดอสรพิษสามเศียร (เล็ก) สกิล มนต์ดำสูบชีพ,เพลิงทมิฬ ค่าสติสัมปชัญญะ 100%' ตอนนี้เลเวลของผมเพิ่มขึ้นมากจากแต่ก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่ได้สูงมากนักถ้าเทียบกับเลเวลพื้นฐานในปัจจุบัน ผมได้ดาบและสกิลใหม่มา ดาบนี่ได้มาจากการเอาเกล็ดงูสามเศียรไปสร้าง ส่วนสกิลเพลิงทมิฬได้มาตอนที่เลเวล 55 เหมือนอัญชันก็กลับไปหากลุ่มของเธอเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้านี่เหมือนกัน พรึบ.. ผมร่ายสกิลเพลิงทมิฬขึ้นมาเพื่อทดสอบอีกครั้ง ก่อนจะเห็นว่ามันเป็นสกิลที่จะดูดกลืนพลังงานตลอดเวลา แต่ปกติสกิลต่างๆ ที่ผู้เล่นเปิดใช้จะทำการดูดกลืนพลังกาย หรือมานา แต่สกิลเพลิงทมิฬของผมมันกลับ 'คำเตือน พลังชีวิตของคุณกำลังสูญเสีย' สิ่งที่มันดูดไปเพื่อใช้สกิลกลับไม่ใช่พลังกาย แต่เป็นพลังชีวิตแทนซะงั้น ผมลองถามข้อมูลนี้กับอัญชันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอก็ไม่เข้าใจหลักการทำงานของมันเหมือนกัน ฟุบ.. ผมดับไฟนั่นลงก่อนจะตัดสินใจตรงไปยังร้านขายยา เพราะที่นั่นมียาฟื้นฟูขายอยู่จำนวนมาก ถ้าหาคำตอบไม่ได้ก็หาทางอยู่กับมันแทนก็แล้วกัน.. ไม่นานผมก็มาถึงป่าลึก สถานที่ที่ปกติแล้วจะเงียบเหงาแต่ตอนนี้มันกลับเต็มไปเหล่านักล่า งูสามเศียรที่ปกติจะหาได้ง่าย ตอนนี้มันกลับถูกกำจัดไปจนเกิดไม่ทันแล้ว "รู้แบบนี้น่าจะอยู่ฟาร์มนานกว่านี้แฮะ" ผมเอ่ยกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะหันไปเห็นปาร์ตี้กลุ่มหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับงูสามเศียรตัวหนึ่งอยู่ ปาร์ตี้นั้นมีผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน ทำให้รู้สึกเดจาวูแปลกๆ "รีบร่ายสกิลสกัดมันเอาไว้เร็ว!!" "พยายามอยู่ ใจเย็นๆ สิ!" ชายหนุ่มที่ถือโล่ยืนต้านการโจมตีของเจ้างูสามเศียรเอาไว้พร้อมกับสั่งให้หญิงสาวที่ถือคทาร่ายสกิลหยุดการเคลื่อนที่ "ธรณีตรึงร่าง!!" หญิงสาวเอ่ยชื่อสกิลก่อนที่ดินบนพื้นจะเริ่มจับกลุ่มกันแล้วตรงไปที่ลำตัวของเจ้างูยักษ์ ทำให้ตอนนี้มันไม่สามารถขยับตัวได้ "ตอนนี้แหละ!!" ชายถือโล่สั่งการ ก่อนที่ชายหนุ่มถือง้างธนูอยู่ด้านหลังจะเริ่มโจมตี "เอาไปกินซะ! ศรแห่งเพลิง" ลูกธนูไฟถูกยิงออกไปปักที่คอข้างหนึ่งของเจ้างูได้อย่างแม่นยำ เหมือนพวกเขาจะรู้จุดอ่อนของมันดีอยู่แล้ว และหลังจากที่ลูกธนูปักได้สำเร็จ นักเวทย์ของกลุ่มก็ยกคทาของตัวเองขึ้นมา "ระเบิดเพลิง!!" ไฟบนศรธนูเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง มันค่อยๆ ถูกดูดกลืนจนเป็นไฟก้อนเล็กก่อนที่สักพัก ตู้ม!!! ลูกศรธนูบนคอของเจ้างูถูกระเบิดออกอย่างแรง ส่งผลให้คอข้างหนึ่งของมันหลุดออกมา "เยี่ยม ด้วยการสั่งการของฉัน เราจัดการมันได้แน่.." "ต้องขอบคุณฉันเลยนะเนี่ย" "เอ๊ะ แต่คนที่ระเบิดคอมันฉันนะคะ" นักล่าทั้งสามคนเริ่มยกความดีความชอบให้แก่ตัวเอง โดยที่ไม่รู้เลยว่าภายในหมอกควันสีขาวที่เกิดจากระเบิดเพลิง มันกลับบังสายตาไม่ให้มองเห็นบางสิ่งที่พุ่งเข้ามา "ซ่าา!!" เจ้างูยักษ์ที่สูญเสียหัวของมันได้พุ่งผ่านม่านควันสีขาวก่อนจะตรงเข้ามายังกลุ่มนักล่าทั้งสาม "เห้ย!!" ชายถือโล่ได้ยกแขนทำท่าป้องกัน แต่ตอนนั้นเอง.. ซ้วกก!! ไม่นานนักแขนขวาของเขาก็หลุดออกไป เพราะเจ้างูได้กัดโล่ของเขาและกระชากมันออก "อ้ากก!!" เสียงกรีดร้องอันแสนเจ็บปวดดังขึ้นหลังจากนั้น แต่ไม่นานพวกเขาก็มีกำแพงดินบังข้างหน้าเอาไว้ นักเวทย์เป็นคนที่ร่ายเสกมันขึ้นมา แต่เพราะเธอรีบร้อนมากไปทำให้เวทย์นั้นใหญ่เกินแรง แถมยังทำไม่สมบูรณ์อีก "ฉันไม่เหลือพลังเวทย์แล้ว.." ไม่นานเจ้างูก็เลื่อยผ่านกำแพงดินนั้นมาได้สำเร็จ ก่อนจะพุ่งตัวตรงไปยังนักล่าทั้งสาม คนสุดท้ายที่จะหยุดมันได้คือนักธนู แต่ตอนนี้เขาหวาดกลัวจนมือสั่นจับลูกธนูไม่ได้อีกแล้ว "ม..ไม่นะ" เวรเอ๊ย... เพียงพริบตาเดียวที่ทั้งสามคนหลับตาเพื่อรับชะตากรรมของตัวเอง หัวทั้งสองของงูยักษ์ก็หลุดออกมาแทบจะในทันที ฉับ! ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว คมดาบทมิฬก็ได้จัดการงูยักษ์นั่นจบมันสูญสลายไป เมื่อทั้งสามคนรู้สึกตัว ก็ได้เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนถือดาบเล็กอยู่ตรงนั้น เขามีผมสีน้ำตาล ใส่ชุดเกราะเงินดาดที่ปลอกแขนและหน้าขา และใส่เสื้อเก่าๆ สีน้ำตาลทับข้างใน กางเกงขายาวเป็นดำ แต่สิ่งที่เด่นถือดาบเล็กที่เขาถือ มันเป็นดาบที่สร้างขึ้นมาอย่างชำนาญ จากมอนสเตอร์ที่เกือบจะพรากชีวิตของพวกเขา "โคตรเท่.." "อัศวินขี่ม้าขาว" "องค์รักษ์ของพระเจ้า" ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงได้อุทานออกมาแบบนั้น แต่มันทำให้ผมอายอยู่เยอะทีเดียว "สุดท้ายก็แพ้ความใจอ่อนของตัวเอง.." ผมได้แต่บอกตัวเองไปแบบนั้น เพราะหลังจากที่ผมได้ช่วยเหลือพวกเขาแล้ว "นี่ๆ บอกหน่อยสิว่าได้ดาบนี่มาได้ยังไง.." "ท่วงท่าที่คุณจัดการเจ้างูสามเศียรนั่นสุดยอดไปเลย ทำได้ยังไง" "คุณต้องเป็นนักล่าระดับสูงแน่ๆ เลย" เสียงเอ่ยชมและคำถามถาโถมเข้ามาใส่ผม คำพูดของพวกเขาทุกคนเต็มไปด้วยการเชยชม พวกเรามานั่งพักกันตรงนี้หลังจากที่จัดการเจ้างูนั่นได้ แน่นอนว่าผมไม่เต็มใจแต่ก็โดนลากมา ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มแนะนำตัว "ฉันชื่อคูป เป็นแทงค์ของปาร์ตี้" ชายถือโล่ยกแขนของตัวเองที่เพิ่งจะต่อกลับมาด้วยท่าทางมั่นใจ เขาเอ่ยแนะนำตัวเป็นคนแรกพร้อมกับรอบยิ้ม เขาเป็นชายหนุ่มผมสีแดงเข้ม ดวงตาสีเดียวกัน รูปร่างบึกบึนหน้าตามั่นใจ ดูจากภายนอกก็พอบอกได้ว่าเป็นคนร่าเริง "ส่วนผมชื่อเวค เป็นมือธนูน่ะ ถึงผมจะเป็นแบบนี้แต่ก็เรียนจบแล้วนะ" ชายอีกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกคันธนู จากภายนอกเขาดูเป็นคนขี้กลัวไม่มั่นใจต่างจากชายอีกคน เขาเป็นชายหนุ่มร่างเล็กผมสีเทา ดวงตาสีเดียวกัน ดูจากลักษณะเหมือนเด็กม.ปลายเหมือนกับผม แต่เขาบอกว่าเรียนจบแปลว่าเป็นวัยทำงานแล้ว "และฉันแครอท ขอบคุณที่มาช่วยนะคุณอัศวิน" หญิงสาวทิ้งคทาของตัวเองก่อนจะเข้ามากอดแขนของผม จากตรงนี้บอกได้ชัดเจนว่าเธอคงเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นง่าย เธอเป็นหญิงสาวไว้ผมยาวจนถึงหลังสีน้ำตาลแดง ตัวเล็กกว่าผมนิดหน่อย เธอมีดวงตาสีดำแถมยังปิดตาเอาข้างหนึ่ง ใส่ชุดคลุมตัวสีน้ำตาลเข้มแถมยังใส่หมวกสีน้ำตาลเข้มใบใหญ่ "ครับ..ยินดีที่ได้รู้จัก ผมอรัญครับ" ผมแนะนำตัวปิดท้าย นั้นทำให้คำถามยิ่งถาโถมเข้ามาอีก "นายเนี่ยเท่ใช่ไหมเลยนะ" "อา..ครับ" "เป็นผู้เล่นระดับสูงเหรอ เล่นเกมเก่งใช่ไหม" "ไม่หรอกครับ ก็ฝึกๆ มาเหมือนกัน" "ว่าแต่นายดูหน้าเด็กนะ เรียนยังไม่จบใช่ไหมเนี่ย" "ก็ใช่ครับ...ยังอยู่ม.ปลาย" คำพูดนั่นทำให้แครอทกอดแขนของผมแน่นขึ้นไปอีก "แบบนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย" เธอเอ่ยขึ้นมาแบบนั้น ก่อนที่ผมจะเห็นสมาชิกทีมทั้งสองทำหน้าเหยเกขึ้นมา "ขอโทษด้วยนะ ที่เราปล่อยภัยสังคมอย่างยัยนี่ออกมา" ทั้งสองคนเอ่ยประโยคเดียวกัน นั่นทำให้ผมพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้ "ถ้างั้น นายจะมาร่วมปาร์ตี้กับเราไหม..เอ่อ แต่ดูจากฝีมือคงไม่ต้องการปาร์ตี้หรอกมั้ง" คูปเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองมาที่ผม ตอนแรกผมก็คิดว่าจะช่วยแล้วก็ไป แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ.. "ไม่หรอกครับ ผมเองก็ว่าจะหาปาร์ตี้อยู่เหมือนกัน" หลังจากการประกาศอัพเดต คนหมู่มากก็รีบฟาร์มเลเวลเพิ่มความแข็งแรงเพื่อเตรียมต่อสู้กับบางสิ่งที่กำลังจะใกล้เข้ามา การที่ผมจะมีปาร์ตี้ฟาร์มแบบนี้คงไม่แปลกล่ะมั้ง "งั้นก็ตกลงนะ" แครอทเอ่ยขึ้น พร้อมกับส่งคำชวน 'คุณเข้าร่วมปาร์ตี้' "เอ๊ะ..!!" เสียงของทั้งสามคนตกใจแทบจะพร้อมเพรียงกัน ทันทีที่เห็นว่าผมเข้าร่วมปาร์ตี้ "เอ่อ..? มีอะไรงั้นเหรอครับ" "ทำไมนายถึงถูกชวนทันทีเลยล่ะ ไม่มีให้กดยอมรับงั้นเหรอ?" ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก่อนที่พวกเขาจะถามต่อ "นายเลเวลเท่าไหร่?" "ถ้าตอนนี้ 57 ครับ" "...!!" ผมสังเกตเห็นได้ชัดเจน ว่าหน้าตาของพวกเขาตอนนี้ดูตกตะลึงกว่าปกติเสียอีก "ปกติแล้วคนที่เลเวลสูงกว่าจะเชิญอัตโนมัติไม่ได้ ยกเว้นพวกเราเลเวลต่ำกว่า" ผมเพิ่งรู้ครั้งแรกก็ตอนนี้เลย ว่าถ้าคนรับปาร์ตี้เลเวลสูงกว่าคนที่เชิญ เขาจะมีตัวเลือกให้ ปกติก็ถูกคนเลเวลสูงกว่าเชิญตลอดเลยนี่นะ "แล้วพวกคุณเลเวลเท่าไหร่งั้นเหรอครับ?" ผมเอ่ยถามไปแบบนั้น "เอ่อ..ก็ไม่ต่างจากนายหรอก" "ฉันกับเวคเลเวล 64 ส่วนแครอท 67" เพราะแบบนั้นแครอทเลยเป็นคนชวนงั้นสินะ "แต่ก็...อา ช่างเถอะ คงจะเป็นพรสรรค์ของผู้เล่นล่ะมั้ง" คูปถอนหายใจก่อนจะทิ้งความสงสัยที่มีต่อเลเวลของผม เขาเดินมาข้างหน้าของผมก่อนจะยื่นมือมาหา "ยินดีต้อนรับสู่ปาร์ตี้ของเรา ฝากตัวด้วยล่ะอรัญ" ทั้งสามคนยิ้มให้กับผมอย่างเป็นมิตร ก่อนที่ผมจะยืนมือไปจับคูปตอบ "ฝากตัวด้วยครับ" และในจังหวะนั้นเองที่ผมไม่รู้ตัวเลย ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ มันจะส่งผลต่อชีวิตของผมมากขนาดไหน อีกด้านภายในดันเจี้ยน ชายหนุ่มร่างผอมบางที่มีอักขระเต็มตัว กำลังเอ่ยพูดคุยกับบางสิ่งที่อยู่ภายในดันเจี้ยนชั้นลึกสุด มันคืองูยักษ์สามเศียร แต่ที่แปลกคือออร่าสีดำที่มันแผ่ออกมา มันดูน่ากลัวและสะอิดสะเอียน "ดีมาก อดทนไว้.." ชายหนุ่มเอ่ยกับเจ้างูยักษ์พร้อมกับลูบที่ตัวของมัน และดูเหมือนเจ้างูจะค่อยๆ สงบลง "เท่านี้ก็ใช้การได้แล้ว" ชายหนุ่มเริ่มยิ้มในตอนที่เห็นว่าเขาสามารถควบคุมมอนสเตอร์ได้ และเขาก็เริ่มร่างเวทย์บางอย่างลงที่พื้น วงเวทเริ่มก่อตัวด้วยกลุ่มควันสีดำ และผลลัพย์นั้นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมา "เอาล่ะ...เท่านี้สงครามมนต์ดำจะได้เริ่มต้นขึ้นเสียที"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD