21.งานประมูลประจำปีของหอ

1335 Words
เรือนชานด้านในสุดของหอ มีกลุ่มนางคณิกาหลายคนกำลังนั่งจิบชา พูดคุยกันเสียงเจื้อยแจ้ว เสื้อผ้าหลวมบาง ผิวกายยังมีรอยแดงจากค่ำคืนที่ผ่านมา “ของข้าก็แค่พ่อค้าชรา มีกลิ่นหมึกติดมือเต็มไปหมด” หนึ่งในคณิกาผู้คร่ำหวอด หัวเราะเบา ๆ ขณะยกถ้วยชา “แล้วของข้าเป็นชายหนุ่มหน้าขาวปากแดง ยังกระดิกไม่เป็น ต้องสอนกันจนเหนื่อย” อีกคนว่าพลางกลอกตา เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังลั่นในหมู่พวกนาง จนกระทั่งถิงถิง หันมามองเจียวลี่ที่เพิ่งนั่งลงข้าง ๆ “เจ้าเงียบไปนะ หรือว่าแขกของเจ้า บัณฑิตผู้นั้นดีเกินคาด” นางยิ้มบาง ๆ ไม่ตอบในทันที ก่อนจะเอื้อมไปหยิบถ้วยชาจิบช้า ๆ “เขา...ไม่เหมือนใครเลยจริง ๆ” เสียงนางแผ่วเบา “ข้าไม่คิดว่าจะมีใครที่มือสั่นแต่เอวแน่วแน่แบบนั้น...” “โอ๊ย ดุดันใช้ไหม!” ถิงถิงโห่แซว เจียวลี้ได้แต่หัวเราะ “หากเจ้าหัวเราะอย่างนี้ แสดงว่าเขาทำให้เจ้าพอใจนัก!” “ก็ไม่เท่าไร” นางพูดพลางทอดตามองไกล “แตาเครื่องประดับไว้ข้างหมอนเกรงว่าจะราคาแพงมาก” “ของแพงรึ” เพื่อนอีกคนถาม “มากพอจะเลี้ยงหอนี้ได้ครึ่งเดือน” นางตอบเรียบ ๆ ถิงถิงพ่นชาออกมาแทบไม่ทัน ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ถ้าเช่นนั้น ก็หวังว่าเขาจะกลับมานะ” บณะที่กำลังคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานบานประตูไม้ถูกเคาะเบา ๆ ก่อนที่ซูเย ผู้ดูแลหอจะก้าวเข้ามาในห้อง พร้อมสายตาเรียบนิ่งแต่เปี่ยมอำนาจ “ข้าไม่ขัดเวลาพวกเจ้าหยอกกันหรอก” นางเอ่ย “แต่พวกเจ้าคงลืมแล้วว่าสามวันข้างหน้านี้เป็นคืนสำคัญ” “งานประมูล...” ถิงถิงกระซิบ ดวงตาเบิกกว้าง ซูเยพยักหน้า “ใช่ งานประมูลประจำปี ผู้ใดจ่ายมากที่สุด ย่อมเลือกคณิกาได้หนึ่งคน และสามารถพาไปอยู่เรือนรับรองนอกเมืองได้หนึ่งเดือนเต็ม” ห้องทั้งห้องเงียบลงทันที แม้แต่เสียงลมหายใจยังเบาบาง “ปีนี้มีรายนามขุนนาง คหบดี และแม้แต่เศษฐีที่จะเข้าร่วมมากมาย ค่าประมูลขั้นต่ำหนึ่งพันตำลึง เตรียมตัวให้พร้อม ค่ำคืนนั้น จะกำหนดโชคชะตาของพวกเจ้าในอีกเดือนถัดไป” เหล่าคณิกาไม่ได้หวังอะไรในคืนประมูล เพราะนางรู้ดีว่าความสัมพันธ์ในหอเช่นนี้ไม่มีคำว่ารักแท้ มีเพียงการแสดง และ การซื้อเรือนร่างเท่านั้น สิ่งที่พวกนางหวังคือจำนวนเงินมหาศาลที่พวกนางจะได้รับ และบ้างครั้งถึงขนาดไถถอนตัวเองออกไปได้… ในที่สุดคืนประมูลก็มาถึง แสงตะเกียงพันดวงถูกจุดขึ้นรอบลานกว้างของหอประโลมรัก คืนนี้มิใช่คืนธรรมดา แต่เป็นคืนของ การประมูลประจำปี ซึ่งจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบปี และถือเป็นโอกาสอันล้ำค่า ที่ผู้เป็นแขกประจำจะได้ใช้เงินตราแลกเปลี่ยนเวลาอันหรูหรากับคณิกาชั้นยอด เจียวลี่สวมผ้าไหมสีชมพูอ่อน ปักลวดลายดอกเหมยเบ่งบาน กระโปรงยาวขับสีผิวให้ดูละมุนงดงาม ทุกย่างก้าวล้วนแผ่วเบาและเปี่ยมไปด้วยสง่างาม ผิวขาวผ่องราวหยก ขับกับริมฝีปากแดงระเรื่อ นางนั่งอยู่เบื้องหลังม่านโปร่ง รอเวลาเปิดตัวโดยมิรู้เลยว่า บุรุษที่เสนอราคาสูงสุดในคืนนี้คือใคร เสียงปี่กลองแผ่วลง ขณะที่เสียงประมูลค่อย ๆ หยุดลงตาม “สามแสนตำลึงทอง ไม่มีผู้ใดประมูลสูงกว่านี้แล้วใช่หรือไม่” เสียงของหัวหน้าหอซูเยกังวานไปทั่วลาน “ผู้ชนะคือ ท่านคุณชายเหวินหลง แห่งตระกูลพ่อค้าเมืองใต้!” ห้องทั้งหอเงียบงันไปชั่วอึดใจ ก่อนเสียงฮือฮาจะดังขึ้นทั่ว ผู้คนพากันซุบซิบถึงชื่อของเขา เพราะเหวินหลงผู้นี้ เคยเป็นคู่หมั้นหมายของเจียวลี่มาก่อน และในวันที่ครอบครัวของนางล่มสลาย เขาคือผู้ที่เดินออกไปอย่างไร้เยื่อใย ม่านโปร่งถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ เจียวลี่เดินออกไปกลางเวที ดวงหน้างดงามของนางยังสงบงามเช่นเดิม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเย็นชาและเฉยเมยจนน่าหวาดหวั่น เหวินหลงก้าวออกมาท่ามกลางสายตาหลายคู่ เขายังคงหล่อเหลา สูงใหญ่ สมเป็นชายหนุ่มผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น คุณชายใหญ่แห่งตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดแห่งยุค เสื้อคลุมยาวสีดำขลิบทองทำให้เขายิ่งดูโดดเด่น ทว่าความมั่นใจในแววตากลับลดน้อยลงเมื่อมองสบตากับนาง “ข้าคิดถึงเจ้ามาก...เจียวลี่” เขากล่าวเบา ๆ ยามเดินมาหยุดตรงหน้า “ท่านทำเช่นนี้ทำไม” นางแย้มยิ้มเพียงเล็กน้อย เสียงของนางนุ่มละมุน แต่แฝงไว้ด้วยแหลมคมที่ทำให้คนฟังสะอึก “ข้ารู้ว่าคืนนี้เจ้าคงไม่อยากเห็นข้า แต่ข้าไม่มีทางเลือกอื่น หากไม่ใช่ด้วยวิธีนี้ ข้าคงไม่มีวันได้พบเจ้าอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง” “ท่านมีทางเลือกมากมาย คุณชายเหวินหลง” เจียวลี่เอียงคอเล็กน้อย ดวงตาวาววับวาวไหวใต้เปลือกตาบาง “แต่ในวันนั้น ท่านก็เลือกเดินออกจากชีวิตข้าไปแล้ว” เขาเงียบ ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้ แม้ในใจจะร่ำร้องว่าเสียใจมากเท่าไร นางยกพัดขึ้นบังยิ้มบาง “หนึ่งเดือนที่เรือนรับรองนอกเมือง ข้าจะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ท่านซื้อไว้ด้วยตำลึงทอง หามิใช่ด้วยหัวใจ” เขาก้มศีรษะให้ เพียงกล่าวเบา ๆ ว่า “หนึ่งเดือนนี้ ข้าขอแค่ได้อยู่เคียงข้างเจ้า” เช้าวันถัดมา ณ หอประโลมรัก แสงแดดยามเช้าอาบไล้ยอดไม้ หยาดน้ำค้างยังเกาะอยู่บนกลีบดอกเหมยที่ปลูกเรียงรายหน้าหอ ท่ามกลางความสงบงามนั้น เสียงขบวบเกี้ยวประดับอัญมณีกลับดังกึกก้อง ปี่พาทย์บรรเลงอย่างหรูหรา ขบวนเกี้ยวเคลื่อนมาตามถนนด้วยผู้ติดตามนับสิบในชุดพ่อค้าชั้นสูง ซูเยถึงกับต้องรีบลงมาเองเพื่อต้อนรับ “คุณชายเหวินหลงส่งเกี้ยวมาเชิญเจียวลี่ด้วยตนเองหรือ” “ขอรับ ขบวนใหญ่โตนัก ดูท่าคุณชายมิได้เห็นนางเป็นเพียงคณิกา” ทุกคนในหอต่างมองตามขบวนอย่างตกตะลึง เจียวลี่ในชุดผ้าไหมสีอ่อน ริมฝีปากระเรื่อ แววตาสงบนิ่ง แต่ลึกในใจกลับว้าวุ่น เมื่อนางเดินออกมาเห็นขบวนเกี้ยวที่หรูหราราวกับเชิญภรรยาเอกของบ้านใหญ่ หัวใจของนางก็เต้นรัวผิดจังหวะ นางไม่ปริปากพูดใด ทว่าก้าวขึ้นเกี้ยวไปอย่างสง่างาม แม้ในใจยังไม่เข้าใจนัก ณ เรือนรับรองนอกเมือง สถานที่แห่งนั้นงดงามราวสวนสวรรค์ มีเรือนรับรองชั้นดีตั้งอยู่กลางภูเขา ล้อมรอบด้วยต้นเหมยบานสะพรั่ง บริเวณเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดผ่านผืนผ้าระบำอยู่เบา ๆ เจียวลี่ถูกพามายังห้องที่ตกแต่งงดงาม ทั้งเตียงไม้แกะสลัก โต๊ะเครื่องหอม เครื่องประทินโบราณครบครัน ทุกสิ่งบ่งบอกถึงความเอาใจใส่ นางนั่งลงที่ริมหน้าต่าง มองออกไปยังทางเข้าอย่างเงียบงัน เวลาผ่านไปเนิ่นนาน...แต่เหวินหลงยังไม่ปรากฏตัว นางคิดในใจ หรือว่าฮูเหยินของเขารู้เข้าแล้วตำหนิ หรือแท้จริงเขาแค่ต้องการ ซื้อหน้า ท่ามกลางสังคม แม้จะบอกตัวเองให้เฉยชา แต่หัวใจกลับสั่นไหวไม่หยุด เขาทุ่มเงินมหาศาลเพื่อประมูลข้า เพียงเพื่อให้ได้เวลาเดือนหนึ่ง แล้วเหตุใดถึงปล่อยให้ข้ารอ นางกำพัดในมือแน่นขึ้น เสียงลมเบาราวกระซิบ แต่ใจของเจียวลี่กลับหนักอึ้งอย่างประหลาด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD