09 กล้าตายให้ฉันดูไหมล่ะ

1435 Words
09 กล้าตายให้ฉันดูไหมล่ะ “ไปทำอะไรมา ทำไมตัวเปียกขนาดนี้” เอดิสันเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นพราวตะวันเดินตัวเปียกเข้าบ้าน “เอ่อ...” พราวตะวันไม่กล้าตอบ แต่เป็นดานิเอาที่ตอบแทน “พราวตะวันลงไปซื้อไก่ย่างให้เดียร์น่าครับ” “เดียร์น่า! ทำไมให้พราวตะวันลงไปซื้อไก่ย่างทั้งๆที่ฝนตก ลูกก็รู้ไม่ใช่หรอว่าหนูพราวป่วยง่าย” “ก็แค่เปียกฝนไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนี่คะ เป็นไข้ก็แค่ไปหาหมอ” เดียร์น่าตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ทำให้เอดิสันเริ่มมีน้ำโห “แล้วทำไมลูกไม่ลงไปซื้อเอง ไปใช้คนอื่นทำไม” “ก็ถ้าเกิดหนูลงไปซื้อแล้วเป็นไข้ขึ้นมา ใครจะทำงานช่วยคุณพ่อ พี่แดนเองก็มีคนไข้ที่ต้องดูแลเหมือนกัน อยากรู้จริงๆว่าที่พ่อเป็นห่วงพราวตะวัน ห่วงเพราะเห็นว่าเป็นลูกบุญธรรม หรือห่วงเพราะคิดอย่างอื่นกันแน่” “ชักจะมากเกินไปแล้วนะเดียร์น่า!! ไม่รู้อะไรก็ไม่ควรมาปรักปรำพ่อแบบนี้!” “พ่อครับ ผมว่าพอเถอะ” ก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้ ดานิเอลก็รีบห้ามศึก “เอาเป็นว่าถ้าคืนนี้พราวตะวันเป็นไข้ ผมจะดูแลเอง” “ไม่ได้นะพี่แดน แม่นี่จ้องจะงาบพี่อีกคนหรือเปล่าก็ไม่รู้” “พี่กำลังแก้ปัญหาให้อยู่นะเดียร์น่า เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ มีใครจะค้านหรือเปล่า” เสียงของดานิเอลบ่งบอกว่าเขากำลังเหนื่อยหน่ายเต็มทนที่ต้องมาเห็นบิดากับน้องสาวทะเลาะกันแทบทุกวัน ต้นเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคนนั้นยังลอยหน้าลอยตาทั้งๆที่เป็นสาเหตุทำให้ครอบครัวของเขาปั่นป่วน และเหตุผลที่เขาบอกว่าจะดูแลพราวตะวัน ไม่ใช่เพราะอยากแก้ปัญหา แต่เขากำลังออกกลอุบายเพื่อเข้าไปตะครุบเหยื่อต่างหาก ยังไงคืนนี้เธอก็ไม่รอดพ้นเงื้อมือฉันหรอก...พราวตะวัน “ฮัชชิ้ว!!” เสียงจามดังออกมาจากห้องนอนขนาดไม่ได้กว้างมาก ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านพราวตะวันก็รู้สึกมีอาการหนาวสั่น ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนกำลังจะเป็นไข้ หลังอาบน้ำเสร็จเธอก็รีบเข้านอนทันที ตอนนี้อาการไข้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนใบหน้าเห่อแดง เธอจะป่วยไม่ได้เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นซักพรมที่ห้องโถงตั้งแต่เช้า กริ๊ก! เสียงลูกบิดประตูดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ทำให้ร่างบางที่กำลังนอนซมด้วยพิษไข้ลืมตาขึ้น แต่ยังไม่ทันเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟ ศีรษะของเธอก็ชนเข้ากับแผ่นหน้าอกกว้างอย่างจัง กลิ่นหอมจางๆและขนาดเรือนร่างอันแสนคุ้นเคย “คะ...คุณดานิเอล!” “ไง เป็นไข้หรอ” “ปะ...เปล่าค่ะ” พราวตะวันกำลังจะถอยร่างหนีแต่ก็ถูกดานิเอลดึงข้อเท้าเอาไว้ “ปล่อยนะ!” “ตัวร้อนขนาดนี้ยังทำเป็นปากเก่ง อยากรู้เหมือนกันว่าเก่งๆแบบนี้....บนเตียงจะแน่สักแค่ไหน” ดานิเอลแทบไม่สนใจกับเรือนร่างที่กำลังร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟ เขารุกหนักขึ้นเรื่อยๆ แม้อีกคนจะขัดขืนก็ตาม ทุกคืนเขาจะลงมาเสพสุขกับพราวตะวัน ถ้าวันไหนไม่ได้ปลดปล่อย มันนอนไม่หลับจริงๆ “อย่าค่ะ...พะ....พราวปวดหัว วันนี้พราวรู้สึกไม่สบาย” “ก็บอกแล้วไงว่าถ้าวันนี้เธอเป็นไข้ ฉันจะดูแลเอง” “พราวรู้ว่าที่คุณพูดแบบนั้นเพราะตั้งใจจะมาหาเศษหาเลยมากกว่า” หญิงสาวพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจ เธอป่วยอยู่แท้ๆแต่เขากลับไม่เห็นใจ “ฉลาดดีนี่ ถ้ารู้ว่าจุดประสงค์ของฉันแล้วก็อย่าเล่นตัวให้มากเลย ตอนนี้ฉันหิว แข็งไปหมดแล้ว” “ได้โปรด~ วันนี้พราวไม่ไหวจริงๆ ขอร้องล่ะค่ะ” “ไม่ไหวก็เรื่องของเธอ แต่ฉันจะเอา อย่าดิ้น!!” “ขอร้องละค่ะ เห็นใจพราวเถอะนะ พราวไม่ไหวจริงๆ” “โถ่เว้ย!! อย่าทำให้ฉันโมโหได้ไหมพราวตะวัน เอากันมาตั้งกี่ครั้งแล้ว เพิ่งนึกได้ว่าต้องเล่นตัวหรอ” “กะ...ก็ทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน คุณเป็นคนบังคับพราวตลอด” “หรอ? แต่ฉันก็เห็นเธอมีความสุขทุกครั้งเลยนี่ อย่ามาน้ำลายให้มาก ฉันหิว ไม่ไหวแล้ว” ดานิเอลพยายามดึงทึ่งเสื้อผ้าของอีกฝ่าย แต่พราวตะวันไม่ยอม ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายขาดพึง “เล่นตัวมากใช่ไหม...ได้!!” “จะ...จะทำอะไรคุณดานิเอล” “...ทำอะไรเดี๋ยวก็รู้” แคว่กก!! มือใหญ่ฉีกกระชากชุดนอนกลางเก่ากลางใหม่ของพราวตะวันจนขาดหวิ่นแล้วดึงออกมาอย่างแรง ทำให้เศษริ้วเสื้อผ้าบาดผิวเนียนใสจนเกิดรอยแดง เขารีบพันธนาการข้อมือเล็กไว้กับหัวเตียงจนแน่นหนึบ ชนิดที่หญิงสาวไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ “อย่าทำพราว ฮึก! เมตตาพราวเถอะนะ ฮื้อๆๆ” พราวตะวันเจ็บจนน้ำตาไหลเมื่อถูกชายหนุ่มใช้กำลังคุกคามทั้งๆที่เธอป่วยอยู่ เขาควรจะเห็นใจเธอด้วยซ้ำ “เธอควรจะเมตตาฉันมากกว่านะที่จู่ๆก็หิวตอนดึก มีเธออยู่ในบ้านก็ดีเหมือนกันนะ หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาได้ตลอด” วาจาแสนเชือดเฉือนหัวใจทำให้หญิงสาวสะอื้นหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาพูดเหมือนเห็นเธอเป็นคนไร้ค่า ไร้ราคา เป็นแค่ที่ระบายความใคร่ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้แน่นอน แต่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้...ก็มีความรู้สึกเหมือนกัน บางครั้งก็แอบคิดว่าจะอยู่ให้เขาทำร้ายร่างกายและจิตใจไปอีกนานเท่าไหร่ สักวันเรื่องนี้ก็ต้องจบ แล้วคนแพ้ก็คือตัวเธอเอง เพราะสุดท้ายเขาก็เลือกม่านมัสลิน...ไม่ใช่เธอ “ปล่อย!! พราวไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้ว พราวไม่อยากทำร้ายคุณม่าน พอที...ได้โปรด~” แรงสะอื้นนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้หน้าหล่อเหลาที่กำลังดูดดึงยอดประทุมถันหยุดชะงักแล้วเงยหน้าขึ้น มือใหญ่บีบปลายคางมนทันที เขารู้สึกโมโหทุกครั้งที่พราวตะวันเอาม่านมัสลินมาเป็นข้ออ้าง ทั้งๆที่เขาก็ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่า...เธอเป็นได้แค่ระบายความใคร่ “นะคะคุณดานิเอล พะ...พราวสงสารคุณม่าน ถ้าเธอรู้จะเสียใจแค่ไหน พราวว่าเราจบเรื่องนี้กันเถอะ ฮื้อ....” “อยากให้ฉันจบจริงๆหรอ” “ค่ะ พราวอยากจบ” หญิงสาวพยักหน้ารับทั้งน้ำตา “แค่นี้พราวก็ทรมานมากพอแล้วนะคะ อย่าทำให้พราวต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็นเลย” หญิงสาวอ้อนวอนเสียงเศร้า ถ้าวันหนึ่งต้องจบจริงๆ คนที่เสียใจที่สุดก็น่าจะเป็นเธอ เพราะดานิเอลเป็นทั้งผู้ชายคนแรกที่ได้ครอบครองเรือนร่าง และเป็นผู้ชายคนแรกที่สอนให้เธอเรียนรู้คำว่ารักและเจ็บปวดไปพร้อมๆกัน มันเหมือนหอกที่คอยทิ่มแทงใจเรื่อยมา นับวันความรุนแรงมันก็ยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่รีบจบตั้งแต่ตอนนี้ สักวันหัวใจของเธอจะลืมเขาไม่ได้อีกเลย “ฉันบอกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ใช่หรอ ถ้าคิดจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็อย่าหวังว่าเธอจะได้อยู่อย่างมีความสุข เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอมีความสุข ฉันจะเป็นคนทำลายมันเอง!” “คุณใจร้ายมากเลยรู้ตัวไหม ถ้าเลือกได้ พราวก็คงไม่เข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก ตอนนั้นพราวยังเด็กมาก เลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง” “ถ้าไม่มีทางเลือกก็ยอมฉันซะ หรือถ้าเธออยากจบเรื่องนี้จริงๆ” หน้าคมเคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้น จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตวาวใสที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ตราบใดที่พราวตะวันยังอยู่ที่นี่ เธอจะไม่มีวันพบเจอกับความสุขเหมือนที่เขาและน้องสาวไม่มีความสุขเช่นกัน “กล้าตายให้ฉันดูไหมล่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD