บ้านป่า ที่เป็นของฉัน

1436 Words
เช้านี้สองหนุ่มตื่นเช้าเตรียมตัวไปเดินป่า ตั้งแต่เวลาตีสามเตรียมตัวครบแล้วเดินมาหน้าเรือนใหญ่ ถึงจุดนัดพบแบบตรงเวลาพอดี พวกเขาเห็นลุงคนหนึ่ง เขาไม่สูงมาก รูปร่างสันทัดแต่ดูแข็งแรง เขายืนเช็คปืนยาวอยู่ หลังแบกเป้ใบไม่เล็กไม่ใหญ่อีกใบ ข้างๆ เขามีผู้ชายร่างสูงน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขาพาดปืนกับบ่า ที่อกมีกระเป๋าใบเล็กคาดไว้ พงศ์พาเอซเดินเข้าไปสวัสดีพวกเขา “บอยแม่นก่อครับแล้ว..?” คนชื่อบอยหันมายิ้มให้ท่าทางเป็นมิตร คุณลุงคนนั้นก็เหมือนกัน “ครับ ผมจื่อบอย นี่จื่อลุงรัล เดวเฮาปาแอ่วดอยมะเจ้า” (พาเดินป่าตอนเช้านี้) บอยมองลูกค้าหนุ่มสองคนแต่งกายเหมาะกับการเดินป่าดี แล้วยังใส่ปลอกแขนกับหมวกที่ให้ด้วย “ใส่เสื้อผ้ามาเปิงดี แอ่วดอยเลิงก๋า” (เดินป่าบ่อยเหรอครับ) พงศ์ยิ้ม “ผมบ่อ แต่เปื้อนผมเป๋นคนชอบแอ่วดอย ดอยบ้านมันหนา” (ผมไม่ แต่เพื่อนผมชอบเดินป่า แต่ก็เดินที่ประเทศมัน) บอยหัวเราะผสมโรง ลุงรัลยิ้มแต่ก็รวบเข้าเรื่อง “ปะ เฮาก่อไปกั๋นได้ละ ขวายเหลือนี้จะบ่าหันหยัง” (ไปกันได้แล้ว สายกว่านี้จะไม่เห็นพวกสัตว์) เอซที่หน้าเหลอหลาฟังไม่รู้เรื่องก็ต้องรอพงศ์อธิบาย แต่เหมือนบอยจะพอรู้ภาษาอังกฤษไม่น้อย เอซเลยไม่เหงามาก เพียงแค่สื่อสารพอเข้าใจกันก็ทำให้การเดินทางนี้สนุกขึ้น พวกเขายิ้ม คุย หัวเราะบ้างเป็นระยะ คนนำทัวร์สองคนผลัดกันแนะนำให้ดูว่าเราเจออะไรบ้าง คอยให้ความรู้ว่าผักนี้ ต้นไม้นี้คืออะไร ตอนไหนให้ระวังอะไรบ้าง รวมๆ การเดินป่าครั้งแรกในไทยน่าประทับใจมากทีเดียว สายๆ ก็ลงป่ากลับมาถึงรีสอร์ท พงศ์นอนแผ่กับพื้นเนื้อตัวเปื้อน เอซดีกว่าหน่อยแค่นั่งกับพื้นชันขาไว้ข้างหนึ่ง บอยกับลุงรันยืนเอาน้ำราดหัวดับความร้อน ตอนนี้พวกเขาพักอยู่หลังร้านอาหารที่มีตุ่มใส่น้ำใหญ่เบ่อเร่ออยู่ “โคตรสนุก” เอซยิ้มกว้าง “ไว้ไปกลางคืนกันบ้างไหม” บอยพูดกับเอซยิ้มๆ “กลางคืน?” บอยหันไปพุดกับลุงรัล “ลุง ไว้หมู่ผมไปมะคืนแหมได่ก่อ” (ไว้พวกผมไปต่อตอนกลางคืนอีกได้ไหม) “ถามเปิ้นผ่อ ไปไหวไค่ไปก่อไป” ลุงตอบแล้วขอตัวไปอาบน้ำ (ถามพวกเขาดู ถ้าไปไหวก็ไปเถอะ) “ว่าไง อยากไปกลางคืนกันไหม” “กลางคืนต่างกับตอนเช้าไหม” เอซถาม พงศ์พยักหน้าสำทับ “ต่างสิ ไปตอนเช้าสัตว์ที่จะเห็นจะเป็นสัตว์เล็กๆ ถ้าอยากเห็นตัวใหญ่ก็ต้องไปกลางคืน อาจจะไปทำห้างอยู่บนต้นไม้ ต้นที่มีผลหรือมีดินโป่งที่มีพวกสัตว์ป่ามากิน ยิ่งเข้าไปลึกก็ยิ่งเห็นมากขึ้น” บอยอธิบายใช้ภาษามือประกอบ พูดไทยปนอังกฤษปนเมือง แต่เอซก็เข้าใจ เขาพยักหน้ารับ “สัตว์ใหญ่นี่อะไรบ้าง” “เห็นนั่นไหม” บอยชี้ไปที่สิ่งหนึ่งที่ประดับหลังโถงของเรือนใหญ่ “กวาง? !!” เอซกับพงศ์ประสานเสียงตะโกน “อืม” บอยรับคำ “ผมนึกว่าหมูป่า หมูป่าก็ใหญ่แล้วนะ” พงศ์ว่า บอยหัวเราะ “หมูป่าก็ใหญ่นะ แต่บางที่เช้ามืดก็เคยเจอ แต่ดึกๆ อาจจะมีกวางหรือควายป่า ช้างป่า หมีหรือเสือ เมื่อก่อนลุงเคยเจอเลียงผาด้วย” “ป่าเมืองไทยอุดมสมบูรณ์จัง พวกนายล่ามันประจำเหรอ” เอซถาม “เมื่อก่อนน่ะ ตอนนี้ไม่แล้ว เราอนุรักษ์พวกมันแทน” บอยตอบยิ้มๆ เขาขยับกระเป๋าอกเล็กน้อย “เอาเถอะ ถ้าพวกคุณอยากไปก็บอกได้ ผมอยู่บ้านต้นไม้ริมลำธาร” พูดแล้วเขาก็เดินกลับบ้าน พงศ์กับเอซขอบคุณไล่หลังไป “พวกเราก็เข้าบ้านกันเถอะ อาบน้ำแล้วค่อยออกมากินข้าว” เอซชวนเพื่อนที่ดูเหมือนยังเหนื่อยๆ อยู่ พงศ์ที่ถึงจะเข้ายิมประจำแต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับการเดินป่าจริงจัง เขาลากร่างตัวเองขึ้นยืน เอซหัวเราะแล้วตบบ่าเพื่อน สองหนุ่มพากันเดินกลับบ้านพัก การกระทำทั้งหมดของพวกเขาล้วนอยู่ในสายตาของเธอ ละอองไพร.. La-Ong-Prai’ s Part ฉันนั่งที่เก้าอี้ตัวประจำห้องหลังโถงที่เรือนใหญ่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างตุ่มใส่น้ำใหญ่ที่มุมเยื้องกับตำแหน่งที่เธอนั่งพอดี พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องฉัน บอย (บูด) เขาอายุมากกว่าฉันเก้าปี ตอนนี้ก็สามสิบกลางๆ แล้ว เขาโตมาต่างกับฉัน เขาโตมากับป่าก่อนค่อยลงไปเรียนในตัวเมือง แต่ฉันเรียนแล้วเทศกาลค่อยกลับมาบ้านป่า แต่ฉันกลับสนิทกับเขามากกว่าพี่น้องญาติๆ คนอื่น เพราะช่วงเวลาทับซ้อนที่เขามาเรียน พอดีกับช่วงเวลาที่ฉันเกิดและใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดครบหนึ่งขวบของฉัน วันเกิดของฉันปีไหนๆ พี่ชายคนนี้ก็ไม่เคยลืมเลยสักปี ตอนเรียนมหา’ ลัยเรียนหนักจนลืมวันเกิดตัวเองเขาก็ยังโทรมา วันที่ฉันเรียนพิเศษเขาก็ไปรับกลับบ้าน วันที่ฉันนอนโรง’ บาลเขาก็ไปเฝ้า ทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมากๆ พี่ชายฉันคนนี้เที่ยวผู้หญิงเก่ง เปลี่ยนผู้หญิงจนจะครบผลไม้ทุกชนิดละ ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิ้ล เชอร์รี่ ลิ้นจี่ คงขาดแค่มะม่วงเท่านั้นแหละ ฉันได้เจอนะแฟนของบอยบูดแทบทุกคนเลย ด้วยความที่เขาหน้าตาดีแถมยังดูแลตัวเองดีคารมดี ตกสาวได้ไม่ยากเลย แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยเห็นเขาทำเรื่องแย่ๆ กับพี่สาวพวกนั้นนะ ตอนนี้เห็นว่ากำลังปลูกต้นรักกับสาธารณสุขสาวที่ประจำอนามัยชุมชนอยู่ ด้วยความที่เห็นพี่ชายกับสาวๆ บ่อยๆ เลยทำให้ฉันไม่อยากคบใครเลย กลัวว่าคบแป๊บเดียวแล้วก็เลิกเหมือนที่พี่ทำ พอโตขึ้นก็ยิ่งเห็นว่ารักของวัยรุ่นมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่งอกงามไปเป็นรักที่เข้าใจกันต่อไป สำหรับฉันแล้วคงเป็นเหมือนคำที่ว่า ‘Love usually comes in sort and then ….GO’ ฉันเลือกหันหน้าเข้าหาธรรมชาติ พอดีกับที่ครอบครัวสร้างรีสอร์ทพอดี ฉันโชคดีมาก พอมาทำรีสอร์ทฉันก็คิดไว้ว่าจะใช้ชีวิตในป่านี่แหละ ฉันซื้อตู้แช่แข็งใหญ่มาพร้อมตอนทำร้านอาหารมาไว้ที่บ้านด้วย ซื้อของที่อยากกินกับหากินยากในป่ามาเก็บไว้ เครื่องดื่มก็ตุนไว้ ส่วนหนังสือที่อยากได้ก็สั่งออนไลน์ให้ไปรษณีย์มาส่ง ไม่ต้องออกไปไหนเลย อินเทอร์เนตก็มี ไฟก็ติดแผงโซลาร์เซลล์ทั้งหมด มีไฟสำรองด้วย จะมีแค่เวลาต้องทำธุระในเมืองกับซื้อของมาทำบ้านก็ค่อยเข้าเมือง ชีวิตในป่าก็ไม่แย่นะ ตอนแรกๆ อาจจะแพ้น้ำ ก็ค่อยปรับเอาเครื่องกรองน้ำอย่างดีมาติด ติดที่บ้านพักทุกหลังด้วยเผื่อมีคนแพ้ง่ายมาพัก อาหารการกินก็ไม่แย่ เพราะนอกจากของที่เอามาแช่แข็งแล้ว ก็มีวัตถุดิบมากมายตามธรรมชาติแล้วแต่ฤดูกาลมากมายให้เรามาทำอาหาร ฉันเลยมีความคิดให้มีเมนูอาหารพิเศษในร้านอาหารของรีสอร์ท เป็นการแสดงให้ลูกค้าเห็นถึงความมหัศจรรย์ของป่า แล้วก็เป็นการสร้างรายได้ให้ลุงๆ ป้าๆ ในชุมชนของเราด้วย แรกเริ่มรับลูกค้าฉันก็อาศัยโปรโมทผ่านอินเทอร์เนตแล้วก็คนรู้จักของพ่อแม่ พอเริ่มมีกลุ่มแรกกลุ่มสองก็เริ่มมีการรีวิว จากนั้นก็มีจองคิวมาเรื่อยๆ อย่างลูกค้ากลุ่มล่าสุดที่ไปเดินป่ากับบอยบูดกับลุงรัลดูจะชอบเดินป่ามากและดูเข้ากับบอยบูดได้ดีเลยด้วย หลังพวกเขาแยกย้ายฉันก็นั่งเหม่อคิดอะไรเล็กน้อยเกี่ยวกับ’ ชาวต่างชาติ’ คนนั้น แต่สุดท้ายก็ก้มลงอ่านหนังสือเหมือนเดิม รอเวลามีป้าๆ เรียกใช้ค่อยไปช่วยในครัว La-Ong-Prai’ s Part End
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD