ฉันไม่รอดูว่าเขาจะมีท่าทีอะไรกลับมา เดินออกมาจากตรงนั้นทันที
ทิ้งชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยืนสติหลุดกับแค่คำขอบคุณของสาวที่ชอบ อีกคนยืนมองสภาพเพื่อนที่ดูกระจอกขึ้นเยอะเมื่อตกหลุมรัก
ตอนที่เดินมาแล้วความคิดในหัวกำลังสบสนนั้นฉันชนเข้ากับคนคนหนึ่ง
ตุ้บ!
“น้องออง เป๋นอะหยังก่อครับ”
“อ้ายปิง”
ฉันดันตัวอองจากอ้อมแขนของคนตรงหน้าช้าๆ แต่คงช้ากว่าคนบางคน
“คุณทำอะไรเธอน่ะ”
ลูกทัวร์ตัวโตรั้งฉันออกมาพร้อมพูดเสียงดังเล็กน้อยใส่ฝ่ายตรงข้าม
“ผมแค่ประคอง” อ้ายปิงตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษระดับสื่อสารได้ดี
เขาเองก็ได้ร่ำเรียนมาในสถานศึกษาที่ดี มีโอกาสมากกว่าคนบ้านเราอีกหลายคน
แต่สิ่งที่ฉันต้องถอนหายใจก็คือสายตาทั้งคู่ที่ดูไม่ยอมกันเลยแม้จะไม่พูดกันสักคำ
“เอาเถอะ อ้ายปิง ขอบคุณเน้อเจ้าที่จ้วย อ้ายปอจะหันป้าเฮือนกอว่าลุงรัลก่อเจ้า น้องจะปิ้กบ้าน”
(พอจะเห็นลุงกับป้าไหม จะกลับบ้าน)
“หันลุงรัลอยู่บ้านลุงนวล น้องจะปิ้กกา อ้ายไปส่งบ๋อ”
ฉันยิ้มบาง
“บ่อเป็นหยังเจ้า น้องปาแขกปิ้กโตย น้องไปเน้อเจ้า”
พุดจบฉันก็ยกมือไหว้ แล้วเดินพาแขกที่ว่าไปที่บ้านที่ให้พวกเขานั่งกินข้าวเมื่อเย็น
“ลุงเจ้า ป้อกับแม่ลอ”
“แม่มีข้างโบสถ์ อยู่กับป้าเขา ป้อเข้าห้องน้ำ มีโตยลุงเนี่ย”
(พ่ออยู่กับลุงนี่แหละ)
ฉันพยักหน้ารับ
“ลุงส่งน้องปาแขกปิ้กกำได้ก่อเจ้า”
“ได้กะ เอ้ย นวล ไปส่งอีน้อยกำเน่อเดวมาแหมใหม่”
(ไปส่งหลานน้อยแป๊บเดี๋ยวมา)
เราสามคนมาขึ้นรถกระบะของลุง เป็นกระบะสี่ประตูทำให้ไม่ต้องมีใครไปโดนลมหนาวข้างนอก จนมาถึงรีสอร์ท
ลุงกลับไปแล้ว ฉันบอกไปว่าพอมาถึงก็แยกกลับบ้านลุงถึงยอมไป
ลุงส่งที่หน้าเรือนใหญ่ ฉันถอดเสื้อคลุมคืนเจ้าของ
“ขอบคุณนะคะ คุณคงหนาว กลับถึงห้องก็อาบน้ำอุ่นนะ”
พงศ์รีบแปลสารให้เพื่อน พอเข้าใจแล้วดวงตาคู่สวยก็กระจ่างขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าดูดีบ่งบอกว่าเขากำลังดีใจ
ฉันเม้มปากแล้วรีบตัดบท
“มีอะไรก็โทรเบอร์ในใบเช็คของได้นะคะ ฉันขอตัว”
La-Ong-Prai’ s Part End
หลังสาวเจ้าเดินกลับบ้านไป พงศ์ก็เห็นสายตาเพื่อนเขาที่ละห้อยลงอย่างกับหมาถูกทิ้ง หมาตัวโตเลยหละ ได้แต่ตบบ่าเพื่อน
“ไปอาบน้ำแล้วนอนกอดเสื้อคลุมไปเอซ”
เหมือนเห็นหูมันกระดิกได้ มันยกเสื้อคลุมขึ้นกอดจริงๆ
เขาจะรอแอบดูว่ามันจะแอบดมตอนไหน หึๆ
“ขอบใจว่ะ”
สองหนุ่มผลัดกันอาบน้ำ พงศ์สวมแว่นตาทำงานที่โต๊ะทำงาน
เอซที่พึ่งอาบน้ำเสร็จขยี้ผมกับผ้าขนหนู เดินไปเปิดตู้เย็นจะกินน้ำ
“พงศ์ น้ำในตู้หมดแล้วเหรอ”
“เออ ใช่ ลืมไปเอา ตอนนี้ที่เรือนใหญ่ปิดไปแล้ว แกโทรไปตามใบนี้สิ”
พงศ์วางใบที่ว่าไว้ข้างโต๊ะ
เอซกดเบอร์โทรออกไปสามสี่ครั้งก็ยังไม่มีคนรับ ลองเดินออกไปข้างนอกก็ไม่มีใครเลย แล้วตอนนี้เขาก็หิวน้ำมากด้วย
“ฉันเดินไปหาละอองข้างบนดีไหมวะ”
พงศ์หันมามองแหยงๆ
“ก็เอาสิถ้าแกไม่กลัวลูกปืนพี่ชายเขา”
เอซกลืนน้ำลายเอื้อก
ยังจำได้ติดตาตอนที่พี่ชายคนที่ว่าสอยนกที่บินบนฟ้าตกตุ้บลงมาต่อหน้าต่อตาพวกเขา สีหน้านั้นลืมไม่ลงจริงๆ ยิ่งเมื่อกำลังจะทำเรื่องไม่ถูกต้อง
แต่ด้วยความที่หัวใจมันเรียกร้อง เอ๊ย หิวน้ำมาก
“ไปขอน้ำสองขวดเองไม่ได้จะไปทำอะไรสักหน่อย”
“ตามใจ แต่ไปคนเดียวนะ แล้วจำไว้อย่าง ฉันเตือนแล้ว”
เอซกลืนน้ำลายอีกอึก พาดผ้าขนหนูกับบ่าแล้วรวบรวมความกล้าเดินพ้นประตูออกห้องไป
เขาเดินตามทางหลังบ้านใหญ่ขึ้นไปถึงบ้านหลังขนาดน่ารัก
หน้าบ้านมีสวนเล็กๆ ดอกไม้สีสันสวยงาม ไฟเสาสีนวลๆ หลายเสา
เขาเห็นประตูบ้านเป็นไม้สลักลายดอกไม้ไว้อย่างปราณีต
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เคาะประตูก็เผลอได้ยินเสียงเพลงดังออกมาจากช่องระบายอากาศที่คาดว่าจะมาจากห้องน้ำด้านข้างตัวบ้าน ถึงแม้จะใส่มุ้งลวดกันยุงแต่ประตูระบายอากาศที่เปิดมาก็ทำให้ได้ยินเสียงที่ลอดออกมาชัดเจน
เป็นเสียงเพลงสากลแล้วมีการร้องคลอชัดเจนในห้องน้ำ...
เท่าที่เขาจำได้ บอยบอกว่าบ้านหลังนี้ละอองอยู่คนเดียว ไม่ใช่เหรอ?
เขาเคาะประตูด้วยความคิดที่ตีกันในหัว
เธอโกหกเขา? !