CHAPTER 1

1741 Words
CHAPTER 1 “ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าแกมันไม่เอาไหนจริงๆ เลยฟาง” “นั่นสิคุณเห็นพ่อกับแม่แกเป็นอะไรไม่ใช่ธนาคารฝากเลี้ยงลูกของแกนะ ยังไงฉันกับพ่อแกก็ไม่รับเลี้ยงแน่ๆ” “จะเอาไปฝากใครก็ไป” “…” สิ้นประโยคเสียงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าของฉันเกิดขึ้นถึงแม้ว่าตอนนี้จะนั่งเผชิญหน้ากับพ่อและแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองก็ตามแต่รู้ไหมฉันกับเลือกทำอาการแบบนี้ต่อหน้าท่านอย่างไม่แคร์ด้วยซ้ำเพราะยังไงมันก็เกินคำนั้นมานานแล้ว เรื่องของเรื่องที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นก็คือฉันจะฝากเตแค่เพียงครึ่งวันของวันเสาร์ที่กำลังจะมาถึงนี้แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นแค่คำปฏิเสธพร้อมกับประโยคที่แฝงไปด้วยการเหยียบย้ำความรู้สึกเล่น ไม่เพียงแค่ประโยคที่ออกมาจากปากของพวกทั้งสองนะแต่มันยังมีน้ำเสียงท่าทางและก็สายตาที่ทำให้รู้สึกไม่ดีทุกครั้งซึ่งแน่นอนฉันปกติแล้วเมื่อเจอสายตาพวกนี้คอยเล่นงานแต่คนอื่นถ้าได้มาเห็นไม่มีทางที่พวกเขาจะเข้าใจแน่ๆ ฟันธงได้เลยว่ายังไงสายตาคนนอกที่มองมาแว๊บแรกคนพวกนั้นจะมองตัดสินว่าฉันมันไม่ดี ฉันทำให้พ่อแม่เสียใจ ฉันเป็นตัวการทำให้พ่อแม่เสียหน้าและฉันจึงเป็นลูกชังอย่างเต็มตัว โอเค... ฉันยอมรับว่าฉันอาจเป็นแบบนั้นจริงๆ แค่ฉันมีลูกตอนเรียนจบมัธยมปลายพอดีหลังจากไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ แค่ฉันดรอปเรียนไปปีหนึ่งเลยเข้าเรียนระดับปริญญาช้า แค่นี้ฉันเหมือนถูกตีค่าว่าสารเลวบนหน้าผาก ทั้งๆ ที่มีพ่อของลูก “มันเป็นอะไรนักตั้งแต่เกิดมีปัญหาจริงๆ บอกผัวแกสิ ฝากไว้กับมัน” “เขาไม่ว่างค่ะพ่อ เขาก็มีเรียนซ่อมตอนเช้า” ถ้ามีทางเลือกมากกว่านี้คิดเหรอว่าฉันจะเลือกมาขอในสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้บ้างในความคิดชั่ววูบ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้จริงๆ “ฉันก็ไม่ว่างมีนัดกับเพื่อนเช่นกัน” ฉันรู้ว่าพ่อเอาอารมณ์มาใช้ในการตัดสินใจตั้งแต่แรกถึงจะว่างเขาก็จะบอกว่าไม่ว่างอยู่ดี จะมีอะไรนักแค่นัดกับเพื่อนไปจิบน้ำชาบ้านกงสีพบปะพูดคุยเรื่องไร้สาระทั่วไปแต่เรื่องหลานในไส้กับไม่สนใจใยดี อ้อ... ลืมไปไม่คิดสนใจด้วยซ้ำไป “แค่นี้จบจะไปฝากใครก็เรื่องของแก” นี่ไงคำตอบของพ่อฉัน นี่เป็นคำตอบที่ฉันได้รับมาตลอด “ไม่ใช่ฉันและพ่อแกแน่นอนเลยฟาง” พอแม่สำทับคำตอบของพ่ออีกฉันก็ไม่ตื้อและไม่ทักท้วงอะไรอีกแล้ว “ฟางรู้แล้ว” “ทำไม่เหมือนพี่สาวแกเลยนะฟางต่างกันราวฟ้ากับเหว แฟเอาแต่เรียนๆ และก็เรียนไปแลกเปลี่ยนพร้อมกันก็ยังไม่มีปัญหาอะไรแถมตอนนี้ยังเลือกเรียนต่อใกล้จบจากนอกได้หน้าถือตาส่วนแกเป็นขี้ปากชาวบ้านเต็มไปหมด ฉันปวดหัวเรื่องของแกมากผ่านไปเกือบจะสามปีก็ยังเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านได้ถามอยู่เรื่อย” มันจะเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องอดีตของฉันตั้งแต่สองสามปีก่อนที่แม่เจาะจงหยิบยกขึ้นมาเล่าฉายซ้ำแบบไม่มีวันจบในชีวิตนี้ “ฉันไม่ว่างนะบอกไปแล้วทางสโมสรแม่บ้านเขานัดและพ่วงลูกแกไปด้วยไม่ได้” หึ... ก็แบบนี้แหละ “อย่ามาใช้สายตาแบบนี้กับฉัน” พ่อเริ่มอยู่ไม่นิ่งเมื่อเจอสายตาของฉันที่มองไปยังตัวเองความร้อนรนบวกกับการแก้สถานการณ์ผิดของท่านสิ่งที่ฉันได้กลับมากับเป็นความไม่พอใจหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิม ใบหน้าเข้มขรึมตึงขึ้นอย่างอัตโนมัติแถมใช้สายตาแข็งกร้าวเพิ่มขึ้นเท่าตัว “เหมือนแม่แกว่าจริงๆ รู้งี้มีแค่แฟคนเดียวเป็นลูกน่าจะดีเสียอีก” เหรอ… งั้นเหรอ... “โอเคค่ะ” ใช่ฉันเลือกยอมเพราะไม่อยากให้มันเป็นเรื่องประสาทแดกในชีวิตเกินไปมากกว่านี้และอีกอย่างพูดไปมันก็เท่านั้นในเมื่อมันอยู่ในจุดเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างมากวันพรุ่งนี้ฉันก็แค่อยู่กับเตเท่านั้นแหละไม่มีอะไรมากมายไปกว่านี้ “แล้วนี่แกจะไปไหน?” พอฉันลุกขึ้นหันหลังจะจากไปประโยคของแม่ก็รั้งเอาไว้ให้หยุด จะให้อยู่ต่อเพื่ออะไรล่ะ “กลับค่ะ” “ก่อนกลับบ้านแกไปล้างจานให้ฉันก่อนนะ” “ไม่ค่ะ วันนี้ฟางมีธุระต่อคงอยู่ทำงานบ้านให้แม่ไม่ได้หรอก” ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยทำนะทุกอย่างในบ้านหลังนี้ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ฉันทำหมดถ้าได้ย่างก้าวเท้าเข้ามาแต่วันนี้คงไม่ได้ “เมื่อก่อนแม่ก็ทำได้ตอนนี้ผ่านมาไม่กี่ปีนะคะแม่ก็คงทำได้” “อีฟาง!” “…” “ใช่สิตั้งแต่มีบ้านหลังโต มีรถเกือบสิบคันให้เลือกใช้ บ้านมีแม่บ้านมันทำแบบนี้กับคนเป็นแม่สินะ” แม่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาใช้ว่าฉันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้จนพอแม่อ้าปากพูดฉันก็สามารถเดาออกได้เลยว่าประโยคที่ออกจากปากจะเป็นแบบไหน “ฉันขอแม่บ้านมาช่วยบ้างไม่เคยให้” “จริงเหรอคะที่ฟางไม่เคยให้ แม่นึกดีๆ สิว่าฟางจ้างมาอยู่กับแม่แล้วกี่คน” “…” “แต่ไม่มีใครทนได้เพราะแม่กดขี่เขาเกินคนไงคะถึงจะมากี่คนทำแบบนี้คำว่าทนคงใช้ไม่ได้” มันคือความจริงทั้งนั้นแหละที่คนอย่างฉันเอ่ยออกจากปากไปต่อหน้าพ่อกับแม่ซึ่งมันดูปกติสุดทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยพวกท่านทั้งสองโกรธฉันเข้าเส้นที่ได้กล่าวว่าแบบนี้ออกมาทั้งที่มันเป็นความจริงทุกอย่างแต่คงแทบน้อยครั้งในการหลุดพูดออกจากปากของฉันยกเว้นวันนี้ ไม่ได้โกรธที่ท่านไม่รับฝากเตแต่มันคือสิ่งที่ต้องทำให้ท่านทั้งสองรับรู้เอาไว้บ้างไม่อย่างงั้นมันต้องเป็นไปอีกเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้งอีกเหตุผลหนึ่งมันละเอียดอ่อนจนแทบทำการอธิบายไม่ถูกด้วยซ้ำ จากที่ฉันรับรู้เรื่องแม่บ้านมาเข้าหูนี่ไม่ใช่เพราะเห็นกับตานะแต่เพราะได้ยินจากคนอื่นเล่าสืบกันมาทั้งนั้น ขนาดฉันได้ยินยังรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วคนที่ไม่รู้จักได้ยินมันจะเป็นยังไง ถ้าไม่ตีสีใส่ไข่เพิ่มกันสนุกปาก โลกของการนินทาไม่มีที่สิ้นสุดหรอกไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ช่างต่อหน้าไม่กล้าลับหลังอย่าถามหาเลยเละทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเครือญาติ เพื่อนฝูงหรือแม้แต่คนในครอบครัวก็ใช่ว่าจะไม่มี เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอหลายเหตุและผลความเกลียดชังมักอยู่ในความจริงและก็การนินทา “ใครมันบอกแกยัยฟาง” “ไม่มีใครบอกค่ะแค่รับรู้แล้วเห็นจริงมากกว่า” “ฉันไม่เชื่อ” แม่ยิ่งทำหน้าเข้มขึ้นหลายเท่าเมื่อได้ยินคำตอบของฉันที่กลายเป็นว่าทำให้ไม่เชื่อเข้าไปกันใหญ่ ความเชื่อของแม่เมื่อมองคนอื่นหรือว่าเมื่อเจอกับความรู้ทันแปลกที่แม่ท่านจะเกลียดไปโดยปริยาย การปิดกั้นทางคำตอบเกิดขึ้นในทันทีโดยที่ไม่สามารถรับอะไรได้อีก ไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก ประโยคนี้ใช้กับแม่และก็พ่อได้เลย “ฟางโตแล้วนะแม่ รู้ทุกอย่างนั่นแหละอีกอย่างที่ฟางส่งมาก็เป็นแม่บ้านเขาเป็นเด็กที่บ้านฟางมีเหรอเกิดอะไรขึ้นจะไม่รู้” เด็กไม่ได้ฟ้องแต่เลือกปิดบังให้เหตุผลอื่นว่าจะลาออกทั้งที่มาทำงานบ้านแม่ได้ไม่กี่วันแบบนี้มันน่าสงสัยแค่เค้นหรือหลอกถามนิดหน่อยไม่นานทุกอย่างก็รับรู้ได้หมด “ทุกครั้งเลือกไม่สนเพราะคิดว่าเป็นเหตุผลอื่นก็ได้แต่ไม่ใช่เลยหลายคนที่ออกล้วนมีเหตุแบบเดียวกัน” “หึพวกมันก็ว่าไปเรื่อย ทำงานไม่ดีมาโทษคนจ้างหน้าไม่อาย” “ฟางกลับก่อนนะคะ” “นี่คิดว่าปีกกล้าขาแข็งออกไปอยู่กับผัวแล้วคิดจะลืมพวกฉันงั้นเหรอ แกนี่มันเหลือเกินจริงๆ” เป็นพ่อที่พูดออกมาย้ำเพื่อทำให้ฉันยินยอมทำสิ่งที่พวกท่านต้องการเมื่อก่อนอาจได้แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ฉันควรรู้ว่าตัวเองควรพอมานานแล้วอย่าไปตามใจมากเกินกว่าเหตุด้วยซ้ำ “ฟางไม่เคยคิด ฟางไม่มีความคิดแบบนั้น” “แกเถียงฉันทุกคำแบบนี้มันหมายความว่าไม่เคยเหรอ” “…” แล้วถ้าไม่เถียงหรืออธิบายให้กระจ่างจะถือว่าเป็นลูกที่ดีใช่ไหม สังคมครอบครัวต้องการแบบนี้สินะ “แกปฏิเสธทั้งที่ทำแบบนี้ต้องการอะไร” “…” “แกอิจฉาพี่สาว แกอยากได้รับความสนใจแบบนี้ฉันว่ามันเป็นเด็กมีปัญหาแล้วยัยฟาง” “…” ฉันไม่เคยอิจฉา ฉันไม่เคยอยากเอาชนะพี่แฟ และฉันก็ไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหาเรื่องแบบนี้ “ทำไมไม่เถียงพ่อแกล่ะ” แม่ลุกขึ้นมาใกล้ฉันมากก่อนใช้มือออกแรงผลักลงบนศีรษะของฉันอย่างแรงจนเมื่อแรงผลักเกิดขึ้นมีเหรอที่ร่างกายฉันเมื่ออยู่นิ่งเฉยมันจะไม่เสียหลักก้าวเท้าถอยไปทางด้านหลังตามแรงผลักที่มีตามมาติดๆ กันอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด “…” “แกมันจะเถียงอะไรในเมื่อเป็นแบบนั้น” “…” แม่ผลักอีกซ้ำๆ “เป็นความอับอายของฉัน!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD