ในวันที่รู้สึกแย่(ยังมีคนรอซ้ำเติม)

1996 Words
" ค่ะ" วีรการยิ้มให้กำลังใจเจ้านายสาวผู้ไม่เคยยอมแพ้กับเรื่องใดๆ คุณวาเป็นผู้หญิงสวยเก่งและยังมีจิตใจดีมากแต่แปลกที่คนเป็นสามีกลับไม่เคยมองเห็น.. ทุกคนในบริษัทต่างรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งเป็นยังไง ในที่ทำงานทั้งคู่ก็เป็นแค่คนรู้จักที่ทำงานในบริษัทเดียวกันแต่ที่บ้านทุกคนไม่รู้ว่าทั้งคู่อยู่กันยังไง..ก็คงจะไม่ต่างจากตอนที่อยู่บริษัทหรอกมั้งเพราะรัศมีความเย็นชาของทั้งคู่แผ่เย็นยะเยือกจนทุกคนรู้สึกได้ว่าทั้งคู่ไม่ใช่คู่รักปกติทั่วไป.. ช่วงเวลาเก้าโมงตรง ได้เวลาประชุมผู้ถือหุ้นแต่ประธานบริษัทกลับยังไม่มา ภายในห้องประชุม แม้ว่าภายในห้องจะอากาศเย็นสบายแต่ใบหน้าของผู้ถือหุ้นทุกคนในห้องกลับขมวดคิ้วยุ่งเหยิงเพราะรอคนเพียงคนเดียว... วาริสาให้เลขาโทรไปตาม เขาก็บอกแค่ว่ารถติด ทั้งที่เมื่อเช้าเขาลงมากินข้าวพร้อมเธอ เขาตั้งใจมาสายเธอเชื่อแบบนั้น อย่าคิดว่าเป็นประธานบริษัทแล้วจะทำอะไรก็ได้ การรักษาเวลาเป็นสิ่งสำคัญของผู้บริหาร "อีกห้านาทีถ้าคุณน่านยังไม่มา วาจะเริ่มเปิดประชุมเลยนะคะ" ผู้ถือหุ้นทุกคนต่างมองหน้ากันว่าจะเอายังไงดี หญิงสาวเป็นเพียงผู้ร่วมบริหารไม่ใช่ประธานบริษัทจะเปิดประชุมเองคนเดียวได้ยังไง... "อาว่าหนูวา รอตาน่านก่อนดีกว่านะ มีอะไรจะได้คุยประชุมกันให้รู้เรื่องทีเดียว" วรวงศ์คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นอันดับสามรองลงมาจากเจ้าสัวอภิวัฒน์กับลูกชายเพราะเขาคือน้องชายของเจ้าสัวอภิวัฒน์คนที่คอยสอนงานน่านฟ้าหลานชาย... "แต่วาคิดว่า" ก็อกๆ ก็อกๆ แกร็ก!! "ท่านประธานมาแล้วค่ะ" เลขาสาวเปิดประตูให้เจ้านายหนุ่มเข้ามาในห้องประชุม เธอมีชื่อว่าเมรี่เป็นเลขาคนสนิทของประธานบริษัท ร่างสูงหล่อสวมสูทผู้บริหารสีครามเดินยิ้มเข้ามาทักทายผู้ถือหุ้นทุกคนอย่างเป็นกันเอง เขาขอโทษที่มาสายสาเหตุเพราะติดธุระสำคัญทั้งที่ความจริงนั้นตั้งใจมาสายให้ใครบางคนปวดหัวเล่นๆ นี่แหละคือนิสัยของเขา... "ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องรอนะครับ" ใบหน้าหล่อยิ้มให้กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่รุ่นพ่อก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเจอกับวาริสา คนที่เขาไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด เจอกันที่บ้านยังไม่พอต้องมาเจอกันที่ทำงานอีก เจ้ากรรมนายเวรที่มาในรูปแบบภรรยาในนามอย่างแท้จริง แค่เห็นหน้าก็รู้สึกรำคาญสายตา.. "เมื่อทุกคนอยู่ครบกันแล้ว งั้นผมขอเริ่มเปิดประชุมเลยนะครับ" เขาคือผู้บริหารมีอำนาจในการตัดสินใจ ย่อมทำได้ทุกอย่าง.. น่านฟ้าพูดเปิดประชุมพร้อมกับพูดรายละเอียดสำคัญที่เกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของบริษัท ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เมื่อวาริสาพูดถามเรื่องความคืบหน้าของโครงการเอเวอร์แกรนด์เขากลับตอบไม่ได้และเบี่ยงเบนประเด็นทำให้เธอจับได้ว่าโครงการนี้มีปัญหาอย่างที่เธอรับรู้จริงๆ วาริสาก้มหน้าจดรายละเอียดเก็บข้อมูลแต่คนพูดกลับโกรธหน้าแดงที่เธอก้าวก่ายเรื่องงานที่ไม่ควรเข้ามายุ่ง ทุกโครงการที่เป็นโครงการใหญ่ของบริษัทเขาจะเป็นคนจัดการเอง คนนอกห้ามยุ่ง..แม้ว่าเธอจะมีอำนาจบริหารร่วมก็ตาม สองชั่วโมงของการประชุมที่น่าอึดอัดได้ผ่านพ้นไป ทุกคนในห้องประชุมต่างก็แยกย้ายกันกลับไป... ภายในห้องทำงานประธานบริษัท ร่างสูงหล่อนั่งหน้าเครียดอยู่โต๊ะทำงานโดยมีอาวงศ์น้องชายของพ่อนั่งพูดคุยอยู่ไม่ไกล "อาว่าน่านควรจัดการผู้หญิงคนนั้นให้เด็ดขาด นับวันเธอยิ่งทำตัวเป็นประธานบริษัทขึ้นทุกวัน อย่างวันนี้ตอนที่หลานยังไม่มา เธอก็คิดจะเปิดประชุมผู้ถือหุ้นด้วยตัวเอง ถ้าอาไม่ห้ามไว้ป่านนี้เธอคงทำตัวเป็นประธานบริษัทแทนหลานอาไปแล้ว ทำแบบนี้มันไม่เห็นหัวกันแล้วนะ" วรวงศ์มักจะคอยพูดจายุแยงแบบนี้อยู่เสมอ พูดจนอีกฝ่ายคิดเคียดแค้นถึงจะหยุดพูด.. "เธอกล้าทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ" เขาตกใจเมื่อได้ยินว่าเธอคิดจะเปิดประชุมแทน เธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ "ผู้หญิงคนนี้ไว้ใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าพี่วัฒไปเอาผู้หญิงแบบนี้มาแต่งงานกับลูกชายตัวเองได้ยังไง ดูก็รู้ว่าเธอเป็นนังงูพิษ หลานก็ระวังตัวเวลาที่อยู่กับเธอด้วยล่ะ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมีแผนร้ายอะไรบ้าง" วรวงศ์ไม่ชอบหน้าวาริสาตั้งแต่ที่เธอมาเป็นเลขาให้กับพี่ชาย เธอคอยมาจุ้นจ้านจัดการนั่นนี่เกินหน้าที่ทำให้ใครหลายคนในบริษัททำงานกันอย่างยากลำบาก..อะไรที่เคยทำได้ก็ไม่ได้ คิดแล้วก็แค้นใจ "ครับอา เวลาที่ผมอยู่กับเธอผมค่อนข้างระวังตัวผมไม่มีวันเสียท่าให้กับผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นหรอกครับ ว่าแต่เรื่องโครงการเอเวอร์แกรนด์ที่ผมมอบหมายให้เจ้าภัทรไปทำคืบหน้าไปถึงไหนแล้วครับ" คนที่เขาพูดถึงคือลูกชายของอาวงศ์คนที่เขามอบหมายให้ดูแลโครงการใหญ่ ในห้องประชุมวาริสาได้พูดถามเรื่องนี้แต่เขาตอบไม่ได้เพราะยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าที่ชัดเจน.. "เห็นว่าติดปัญหาเรื่องพวกชาวบ้านไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่นั่นแหละ แต่น่านไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ เรื่องแค่นี้ตาภัทรมันจัดการได้อยู่แล้ว แต่ถ้าตาภัทรทำโครงการนี้สำเร็จ ก็ช่วยดูตำแหน่งใหม่ที่เหมาะให้น้องมันด้วยนะ" วรวงศ์หวังสูงอยากให้ลูกชายขึ้นมาแทนตำแหน่งที่วาริสาทำอยู่นั่นคือรองประธานบริษัท "ได้ครับ ถ้าโครงการนี้สำเร็จ ผมจะหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับน้องเองครับ" เมื่อได้ยินแบบนั้นอาหนุ่มก็ยิ้มดีใจ.. "ได้ยินแบบนี้อาก็สบายใจ งั้นอาขอตัวก่อนนะ แล้วเจอกันหลานรัก" "ครับสวัสดีครับคุณอา" น่านฟ้ายกมือไหว้สวัสดีอย่างสุภาพ... เมื่ออยู่ในห้องคนเดียวเขาก็กลับมาเครียดเรื่องงานไม่ใช่เรื่องวาริสาแค่เรื่องงานก็เครียดจะตายอยู่แล้ว เมื่อไหร่พ่อเขาจะฟื้นขึ้นมา มันน่านเกินไปที่เขาต้องขึ้นมาบริหารบริษัทนี้แทน... พ่อนะพ่อ ทำไมไม่ฟื้นขึ้นมาสักที!! สองอาทิตย์ต่อมา... ตั้งแต่วันที่วาริสาตัดสินใจลงพื้นที่คุยกับชาวบ้าน..เธอก็ได้ทราบถึงปัญหามากมาย เธอพยายามเข้าไปแก้ปัญหาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่กำลังจะไม่มีที่อยู่อาศัย เธอทำได้เท่าที่สามารถทำได้ แต่ในทุกๆ วันที่เธอไปที่นั่นเธอมักจะถูกด่าทอจากชาวบ้านว่าเธอเป็นคนเห็นแก่ตัวเป็นพวกนักลงทุนหน้าเลือด ทั้งที่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย เธอเองก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าบริษัทใช้วิธีบีบให้พวกชาวบ้านย้ายออกไปโดยผิดหลักกฎหมายด้วยการบังคับเอาเปรียบชาวบ้านรวมถึงมีการซื้อที่ดินที่ไม่ถูกต้อง แต่บริษัทจำเป็นต้องดำเนินต่อไปเพราะถ้าหยุดตอนนี้อาจจะถูกฟ้องร้องจากผู้ร่วมลงทุนเป็นเงินจำนวนมหาศาลและอาจจะถึงขั้นล้มละลายได้.. สองอาทิตย์ที่ผ่านเธอลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านเจอเรื่องมากมายทั้งโดนทำร้ายขว้างปาข้าวของใส่ กลับมาที่บ้านในสภาพยับเยินแทบดูไม่ได้เกือบทุกวันจนเธอเริ่มเหนื่อยเริ่มท้อกับเรื่องต่างๆ ที่เจอ.. เธอแค่ต้องการกำลังใจจากใครสักคนก็เพียงเท่านั้น ผู้หญิงที่เข้มแข็งคนนี้ก็มีมุมอ่อนแอไม่ต่างจากคนอื่นๆ แต่แค่ไม่ได้แสดงมันออกมาให้ใครได้เห็นก็เท่านั้น... คฤหาสน์บ้านอภิวัฒน์ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เธอกลับมาบ้านในสภาพที่โดนปาข้าวของใส่ หลักๆ ก็เป็นไข่ไก่นับไม่ไหวว่ากี่ฟองเพราะมันเยอะมากจริงๆ เนื้อตัวของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสีเหลืองกลิ่นเหม็นคาวฟุ้งทั่วตัว ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะโดนหนักที่สุด..แต่เธอก็ยังคงฝืนยิ้มให้กับทุกคนที่ถามว่า คุณวาไปโดนอะไรมาคะ คุณวาเป็นยังไงบ้าง ทุกคนในบ้านล้วนแต่เป็นห่วงเธอ ยกเว้นก็แต่คนที่เป็นสามี.. วันนี้เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันจึงเห็นเธอในสภาพที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน นั่นคือสภาพเปรอะเปื้อนไม่ต่างจากคนตกถังขยะ... ร่างสูงหล่อสวมชุดออกกำลังกายยืนกอดอกมองภรรยาด้วยสายตาเย้ยหยัน.. ประตูทางเข้าหน้าบ้าน... "ไปตกถังขยะที่ไหนมาล่ะ สภาพนี้อย่าบอกนะว่าโดนคนปาไข่ใส่ ฮ่าๆ ผมเคยบอกแล้วว่านิสัยแบบคุณออกไปไหนก็มีแต่คนเขาเกลียด เคยพูดไว้ไม่มีผิดเลยจริงๆ" นึกว่ามีแค่เขาคนเดียวที่เกลียดเธอซะอีก ผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่มีใครเขารักลงหรอก เห็นสภาพแล้วสงสารไม่ลง เธอทำตัวเองนะวาริสา.. สายตาเย้ยหยันจากเขาไม่ได้ทำให้เธอสลดแต่มันกลับทำให้เธอตาสว่างมากยิ่งขึ้น.. ในวันที่รู้สึกแย่กับชีวิต ยังมีคนที่คอยเหยียบซ้ำเติมอยู่ข้างๆ มันจะดีกว่านี้ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอยู่ในบ้านเดียวกันแต่เธอเจ็บจนชินชา..ถ้าเขาไม่หูหนวกตาบอดคงรู้ว่าเธอต้องเจอกับอะไรมาบ้างแต่เธอไม่คิดจะอธิบายเพราะรู้ว่าจะจบด้วยการทะเลาะกันและเขาจะบอกว่าเธอโง่เองที่เข้าไปยุ่งเรื่องนี้และอาจจะซ้ำเติมสมน้ำหน้าเธอแทน... ใบหน้าสวยฝืนยิ้มเย้ยหยันกลับไป เขาจะไม่มีวันได้เห็นความอ่อนแอของเธอ.. "วาก็แค่ทดสอบความแข็งแรงของร่างกายก็เลยไปยืนให้คนปาไข่ใส่ตัวเล่นๆ มันก็สนุกดีนะคะ ถือว่าเป็นความท้าทายของชีวิตแต่กับคนบางประเภทที่มุดหัวอยู่แต่ในรู ไม่คิดจะเข้าไปแก้ปัญหากับเรื่องที่เกิดขึ้น วาคิดว่าคนประเภทนี้ควรจะเอากระโปรงวาไปใส่ คุณน่านว่าไหมคะ..?" พูดจบเธอก็เดินผ่านเข้าไปในบ้าน ที่เธอพูดแบบนั้นเพราะเธอรู้เรื่องทุกอย่างว่าเขาไม่เคยเข้าไปจัดการปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเองแต่เขาได้มอบอำนาจให้คนอื่นทำแทนจนเกิดปัญหาเรื่องขับไล่ที่พวกชาวบ้านโดยที่ไม่เคยไปดูเลยว่าพวกชาวบ้านอยู่กันยังไงลำบากกันแค่ไหน เมื่อเธอถามถึงเรื่องนี้เขาก็มักจะบอกว่าอย่ามายุ่ง.. น่านฟ้ายืนอึ้งกับคำพูดของเธออยู่หน้าประตู...เขาพยายามนึกว่าเธอหมายถึงอะไรใครคือคนที่ควรเอากระโปรงเธอมาใส่ "เธอหมายถึงใครวะ??" ขมวดคิ้วนึกแต่ก็นึกไม่ออก "เดี๋ยวก่อนวา!! ที่คุณพูดเมื่อกี้คุณหมายถึงใคร วาริสา" เขาหันไปถามแต่เธอเดินหายขึ้นชั้นสองของบ้านไปแล้ว... ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนาต่อไปว่าเธอพูดถึงใคร ใครมันควรเอากระโปรงของเธอมาใส่ ซึ่งเขามั่นใจว่าไม่ใช่ตัวเองอย่างแน่นอน.. คนอย่างน่านฟ้า ไม่ใช่คนที่จะสวมกระโปรงผู้หญิงเพราะเขาไม่ใช่คนขี้ขลาด!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD