เป็นได้แค่ที่หนึ่งในหน้าสังคม(เจ็บปวด)

1687 Words
ช่วงเวลากลางดึกเวลาเดิม..คือเที่ยงคืน แกร็ก!! เจ้าของห้องเดินเข้ามาด้วยอาการมึนเมาเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์แต่เขายังคงมีสติครบถ้วน.. ร่างสูงโปร่งโยนเสื้อสูทลงตะกร้าก่อนจะดึงเนกไทออกจากทางศีรษะยืนถอดเสื้อผ้าอยู่ข้างเตียงโดยไม่ได้สนใจคนที่นอนหลับว่าจะตื่นมาเห็นหรือไม่ ที่นี่เป็นห้องของเขา เขาจะแก้ผ้าหรือทำอะไรก็ได้ ซึ่งเขาก็ทำแบบนี้มาตลอด..ส่วนเธอก็เป็นแค่อากาศที่อยู่บนเตียง เมื่อเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียวล่อนจ้อน เขาก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ใช้ชีวิตแบบเดิมทุกวัน คือกลับบ้านเที่ยงคืนอาบน้ำนอน ตื่นเช้าไปทำงาน.. หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็เดินมากดโทรศัพท์ อ่านเช็กเมล์สำคัญก่อนจะกดปิดหน้าจอวางโทรศัพท์ไว้หัวเตียง ทุกการกระทำของเขาคล้ายกับว่าอยู่คนเดียวแต่เป็นเพราะเขามองเห็นคนข้างๆ เป็นแค่เพียงอากาศไม่มีตัวตนที่เขายอมอยู่แบบนี้ก็เพราะต้องการดูความเคลื่อนไหวของเธอ..หากเธอมีแผนร้ายคิดจะฮุบบริษัทเขาจะได้จัดการได้ทันที.. ร่างสูงใหญ่ล้มตัวลงนอนฝั่งของตัวเอง มือใหญ่ยกขึ้นก่ายหน้าผากเครียดกับหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องงานเรื่องความรัก เรียกว่าสารพัดเรื่องที่ทำให้เขานอนไม่หลับ... ใบหน้าหล่อขยับหันมองคนข้างๆ ชั่วครู่... เมื่อไหร่คุณจะออกไปจากชีวิตผมสักทีวาริสา!!! ถ้าเป็นได้ก็ช่วยหายไปจากชีวิตเขาเลยยิ่งดี แต่มันก็เป็นได้แค่ความคิด เมื่อเธอยังอยู่ ตรงนี้... เฮ้อ...เครียดเว้ย!! ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เขานอนหลับได้ในทุกๆ คืน... เช้าวันรุ่งขึ้น วาริสาตื่นมาในเวลาเดิมตามความเคยชิน ในทุกเช้าเธอจะเจอกับคนที่นอนอยู่ข้างๆ เป็นช่วงเวลาเดียวที่เธอสามารถมองเขาได้นานคือช่วงเวลาที่เขาหลับ... ร่างบอบบางค่อยๆ ลุกลงจากเตียงเข้าไปอาบน้ำลงไปกินข้าวเตรียมตัวไปทำงาน เช้านี้เธอต้องลงพื้นเข้าไปคุยกับชาวบ้าน... เจ็ดโมงครึ่งเวลาเดิม... โต๊ะอาหาร วาริสาก้มอ่านข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวานก่อนจะถอนหายใจเหนื่อย..ข่าววันก่อนยังไม่กระจ่างเขาก็สร้างข่าวใหม่อีกแล้ว ร่างกายของเธอตอนนี้อ่อนแอเกินกว่าจะสู้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่ถ้าเธอไม่คุยตอนนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นได้...ตอนนี้บริษัทต้องการความมั่นคงเธอไม่อยากให้เรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำลายชื่อเสียงของบริษัท.. "ป้าลอยเก็บจานได้เลยค่ะ วาอิ่มแล้วค่ะ" เธอไม่ค่อยหิวจึงกินได้น้อย "แต่คุณวากินไปเพียงนิดเดียวเองนะคะ" ป้าลอยกับทุกคนเป็นห่วง ทุกคนที่นี่ต่างอยากให้วาริสาเป็นนายหญิงของบ้านมากกว่านางเอกสาวที่ทำตัวไฮโซชอบดูถูกคนอื่น ผู้หญิงคนนั้นเคยมาที่บ้านหลังนี้ในตอนที่ทั้งคู่ยังไม่แต่งงานกัน.. "วารู้สึกไม่ค่อยหิวค่ะ แต่กับข้าวป้าลอยยังอร่อยเหมือนเดิมนะคะ" เธอเช็ดปากเช็ดมือเตรียมจะเดินออกไปแต่ในเวลานั้นก็มีใครบางคนเดินเข้ามาพอดี "เฮ้อ.. วันนี้อากาศไม่บริสุทธิ์อีกละ ตักข้าวเลยครับป้าลอย เช้านี้ผมรู้สึกหิวมาก" เมื่อคืนกินแต่เหล้าไม่ได้กินข้าว..ตื่นมาก็เลยหิว เขายังคงทำทุกอย่างเหมือนเดิมคือมองภรรยาเป็นเพียงธาตุอากาศ..หรือฝุ่นละอองที่ลอยผ่านตา ร่างสูงหล่อเดินไปนั่งลงเก้าอี้มุมสุด..เขาเหลือบมองเธอนิดๆ ก็หันกลับไป หึ..อึดทึกทนจริงๆ เข้าโรงพยาบาลเมื่อวาน เช้านี้ก็ยังตื่นไปทำงาน ไม่รู้ว่าเธอห้อยพระอะไรถึงได้รอดตายมาได้ทุกงาน..รุ่นนี้ถ้าตายท่าทางจะเฮี้ยนหนัก ชายหนุ่มมองเป็นเรื่องตลกขบขัน วาริสาเห็นว่ามีโอกาสน้อยที่จะได้คุยกัน จึงใช้เวลาที่เหลืออยู่ห้านาทีคุยกับเขาให้เข้าใจว่าตอนนี้บริษัทกำลังมีปัญหาเราทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่สร้างแต่ข่าวลบๆ ให้บริษัทเสียหาย... "ช่วงนี้เป็นช่วงที่บริษัทกำลังประสบปัญหา วาอยากให้คุณช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท ไม่ใช่สร้างข่าวที่ทำให้เกิดภาพลักษณ์แย่ๆ อยู่ตอนนี้" ถ้าเขาไม่ใช่ประธานบริษัทเธอจะไม่ว่าอะไร อยากจะไปไหนไปกินข้าวกับใครก็เชิญ "หมายถึงเรื่องอะไร? ถ้าเป็นเรื่องข่าวที่ผมไปกินข้าวกับเอม มันเป็นข่าวเพราะมีพวกสาระแน่ อยากรู้อยากเห็น เอาข่าวไปลงเองต่างหาก" ปากเก่งขนาดนี้คงหายดีแล้วสินะ หรือว่ามีหมอรักษาดี "แต่ภาพข่าวทุกอย่างมันเกิดจากคุณไง ถ้าคุณไม่ทำจะมีคนเอาภาพไปลงข่าวไหมคะ การที่คุณจะไปกินข้าวกับคุณเอมหรือกับใครวาไม่เคยว่า ขอแค่ให้อยู่ในขอบเขตไม่ใช่ประเจิดประเจ้อจนเป็นข่าวใหญ่แบบนี้ " เธอคิดว่าเธอชัดเจนมาตั้งแรกที่คุยกัน ไม่ใช่ว่าเธอไม่ให้เขาไปหานางเอกสาวคนนั้น เธอขอแค่อย่าให้เป็นข่าว อีกไม่นานเมื่อคุณท่านฟื้นขึ้นมา เขาก็จะได้รับอิสระแค่นี้ทนไปก่อนไม่ได้หรือไง "กับข้าวมื้อนี้คงกินไม่ลง..แม่งน่ารำคาญจริงๆ จะบ่นอะไรนักหนาวะ ก่อนจะเป็นห่วงภาพลักษณ์บริษัทเป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ ป่วยเข้าโรงพยาบาลจะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้" จุ้นจ้านแบบนี้ไม่น่าอยู่ได้นาน.. "วาไม่ตายง่ายๆ หรอกค่ะ ถ้าวาตายง่ายๆ วาคงตายไปนานแล้ว วาขอแค่ช่วงนี้อย่าให้มีข่าวด้านลบเพราะมันกระทบกับบริษัท อย่าลืมว่าตอนนี้คุณมีภรรยาที่ชื่อวาริสาไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่น..ยังไงก็ช่วยจำไว้ด้วยนะคะ" "หึ..แล้วทำไมผมต้องจำ มันไม่ได้สำคัญเลยสักนิด สำหรับผม..ภรรยาอย่างคุณก็เป็นได้แค่ที่หนึ่งในหน้าสังคม แต่ไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจของผมและจะไม่มีวันได้เป็น รู้ไว้ซะด้วย!!" แค่ไปกินข้าวทำเป็นเรื่องใหญ่ คิดว่าตัวเป็นใครวะ ก็เป็นแค่คนที่เขาแต่งงานด้วยไม่ใช่คนรักสักหน่อย..มีสิทธิอะไรมาสั่งห้ามทำนั่นทำนี่ น่ารำคาญจริงๆ "ค่ะ" วาริสาพยักหน้าฝืนยิ้ม..ทั้งที่ความรู้สึกข้างในมันยิ่งกว่าแตกสลายมันไม่เหลือแม้เศษความรู้สึกให้เธอได้ไปต่อ..แต่เธอก็ยังคงฝืนยิ้มให้กับทุกเรื่องที่เจอ ใบหน้าสวยหวานก้มลงหยิบเอกสารบนโต๊ะโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ..ทุกความเจ็บปวดเธอฝังกลบมันด้วยรอยยิ้ม แม้จะเจ็บปวดสักแค่ไหนเธอจะไม่แสดงมันออกมา ร่างบอบบางลุกขึ้นยืนหันหลังเดินออกจากบ้าน..จบแบบเดิมทุกครั้งที่คุยกัน หนึ่งคนพยายามคุยด้วยเหตุผลแต่อีกหนึ่งคนเพียงเพราะอยากเอาชนะ...สุดท้ายก็จบด้วยการสร้างบาดแผลทางใจให้กัน ภายในครัว.. "โธ่เว้ย อะไรนักหนาวะ" เมื่อเห็นว่าเธอเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรต่อก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด...แต่ก็ไม่รู้ว่าหงุดหงิดทำไม ในเมื่อสิ่งที่เขาพูดมันคือความจริง "ป้าลอยผมไม่กินล่ะ เอาข้าวไปเก็บเลยครับ" พูดจบก็ลุกเดินออกไป ป้าลอยกับทุกคนได้แต่มองหน้ากันเศร้าๆ จะมีสักกี่วันไหมที่ทั้งคู่จะไม่ทะเลาะกัน นี่ละหนาที่เขาว่า คนไม่ได้รักต่อให้หายใจร่วมกันก็มีแต่ความเกลียดชัง.. แม้ทุกคนจะสงสารวาริสาแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเรื่องเจ้านายได้... ช่วงเวลาสามทุ่มครึ่ง คลับหรูใจกลางเมืองร้านเก่าเวลาเดิม.. ดูเหมือนว่าวันนี้ลูกค้าประจำจะดื่มหนักกว่าทุกวัน เตร์ชินทร์ยืนส่ายหน้ามองเพื่อนสนิทที่กำลังกรอกเหล้าเข้าปากยังกับน้ำเปล่าคงหนีไปพ้นทะเลาะกับเมียเหมือนเคยแต่เรื่องที่ทะเลาะเขาคิดว่าเป็นเรื่องข่าวที่เพื่อนเขาไปกินข้าวกับนางเอกสาวคนดีคนเดิม..เพื่อนทุกคนดูออกว่าใครคือเพชรใครคือก้อนหินแต่เพื่อนเขามันกลับดูไม่ออกว่านางเอกสาวสวยคนนั้นไม่ใช่คนดีอย่างที่มันคิด ข่าวประวัติของเธอที่ผ่านมาก็มีให้เห็นแต่คนมันตาบอดย่อมไม่เห็นทางสว่าง แทนที่มันจะเลือกคนสวยเก่งแสนดีที่อยู่ข้างๆ แต่มันกลับไปเลือกตัวแม่ในวงการ ที่ใครๆ เขาก็รู้กัน ว่าตอแหลที่หนึ่ง... เฮ้อ..ไอ้น่านนะไอ้น่าน เสืออย่างมึงน่าจะฉลาดกว่านี้นะ ไม่น่ามาโง่เพราะมารยาหญิงหรือเป็นเพราะมันไม่กินปลาวะก็เลยไม่ฉลาด ผู้หญิงพูดตรงไปตรงมามันไม่เชื่อแต่เสือกไปเชื่อผู้หญิงตอแหลได้โล่ น่าอนาถแท้..แพ้ให้กับนักแสดง เตร์ชินทร์เดินเข้าไปคุยกับเพื่อนเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นแม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนทำแต่สุดท้ายเพื่อนก็คือเพื่อน.. "วันนี้มึงดูเครียดว่าทุกวัน เป็นเพราะเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นใช่ไหม" ทำตัวเองทั้งนั้นรู้ว่าจะเป็นข่าวแล้วจะไปกินข้าวกับผู้หญิงคนนั้นทำไม.. "อืม.." น่านฟ้าเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิท "มีอะไรก็เล่าระบายให้กูฟังได้นะ สัญญาว่าจะฟังอย่างเดียวไม่ด่า" ปกติเขาจะด่าเพื่อนตลอด วันนี้จะลองฟังเงียบๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD