แค่แกล้งทำเป็นห่วงใย(ไม่เคยรัก)

1168 Words
ใบหน้าเรียวสวยกะพริบตาถี่ระรัวเพื่อเรียกสติตัวเองให้กลับคืนมาแต่พบว่ามันยากมาก เธอได้ยินที่นักข่าวพูดแต่ไม่สามารถตอบใครได้เพราะไม่อาจฝืนร่างกายให้กลับมาปกติได้ ดวงตาเรียวสวยปรือขึ้นมองนักข่าว... "คือวา..วา" ฟืบ...!!! ร่างบางอ่อนปวกเปียกเป็นลมฟุบลงในวินาทีนั้น "คุณวาคะ!!! คุณวา/คุณวาเป็นอะไรคะ" โชคดีที่มีนักข่าวหนึ่งคนรับตัวเธอเอาไว้ได้พอดี ไม่อยากคิดถ้าเธอเป็นลมล้มลงไปกับพื้น.. เกิดเสียงเอะอะโวยวายจากนักข่าวทำให้คนในบริษัทให้ความสนใจวิ่งเข้ามาดูเกิดความชุลมุนวุ่นวาย "ยาดม ใครมียาดมขอยาดมหน่อยค่ะ" พนักงานสาววิ่งขอยาดมให้เจ้านายสาวด้วยใจร้อนรน "คุณวาคะคุณวา ใครก็ได้ช่วยโทรเรียกรถพยาบาลให้ที" สิริพนักงานต้อนรับช่วยดูแลเจ้านายสาวเบื้องต้น ในจังหวะนั้นก็มีรถตู้หรูขับเข้ามาจอดหน้าตึกบริษัท... "เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ" ร่างสูงหล่อของประธานบริษัทเดินลงมาจากรถด้วยความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อกลุ่มนักข่าวมองเห็นคนที่ต้องการสัมภาษณ์ก็เปลี่ยนเป้าหมายมาที่เขาในทันที น่านฟ้าถอนหายใจเมื่อเห็นกลุ่มนักข่าวเดินเข้ามา..เขาเกลียดการสร้างภาพลวงโลกว่ายังรักกันดีกับภรรยา อย่าให้เขาต้องหมดความอดทนเพราะเขาจะพูดความจริงเรื่องทั้งหมดว่าเขาเกลียดเธอมากแค่ไหนและให้ทุกอย่างมันพังลง วันนี้ตอนนี้.. น่านฟ้ามีท่าทีหงุดหงิดอย่างชัดเจนเมื่อเห็นนักข่าว.. "คุณน่านคะ ภาพหลุดที่คุณน่านไปทานข้าวกับคุณเอมอภิรดีเป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ/จริงไหมคะที่คุณกับภรรยามีปัญหากัน/แล้วความสัมพันธ์ของคุณน่านกับนางเอกสาวคือความสัมพันธ์แบบไหนเหรอคะ" นักข่าวกลุ่มใหญ่วิ่งมารวมตัวกันที่ชายหนุ่ม ทิ้งให้คนที่เป็นลมอยู่กับพนักงานที่เข้ามาช่วย.. "จะให้ผมพูดความจริงหรือเสแสร้งดีล่ะครับ" ใบหน้าหล่อยิ้มธุรกิจพูดกับนักข่าวเป็นเชิงถามกลับว่าให้เขาตอบยังไงดี "ตอบตามความจริงได้เลยค่ะ ตอนนี้ทุกคนต้องการความจริงว่าเรื่องทั้งหมดเป็นยังไง/ความจริงคุณน่านกับคุณวาริสาแต่งงานกันเพราะเหตุผลทางธุรกิจใช่ไหมคะ" "ความจริงก็คือ..ผม" ในจังหวะที่กำลังพูดสายตาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวถูกอุ้มผ่านหน้าไป 'วาริสา?' เขาตกใจเล็กน้อยที่เห็นเมทีหัวหน้าฝ่ายการเงินอุ้มเธอเดินผ่านไป เกิดอะไรขึ้น?? "ผมขอตัวก่อนนะครับ" ยังสัมภาษณ์ไม่จบเขาก็เดินออกไป... "เกิดอะไรขึ้นเมธี!!" น่านฟ้าวิ่งเข้าไปถามในจังหวะที่เมทีกำลังอุ้มวาริสาไปขึ้นรถตู้บริษัทที่จอดอยู่ไม่ไกลแต่ถูกเขายืนขวางไม่ให้ไป "คุณวาเธอเป็นลมตอนนักข่าวรุมสัมภาษณ์ครับ คุณน่านอย่าเพิ่งถามอะไรเลยครับ ผมต้องรีบพาคุณวาไปโรงพยาบาล" เมทีก้มมองหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกสงสาร เขาทำงานที่นี่มานานและเขารู้จักเธอตั้งแต่เป็นเด็กฝึกงานจนตอนนี้เธอคือภรรยาของคนที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้า.. ผู้ชายคนนี้ไม่คู่ควรกับเธอเลยสักนิด เขาไม่ได้หมายถึงฐานะแต่หมายถึงด้านจิตใจ.. "เดี๋ยวฉันพาเธอไปโรงพยาบาลเอง" น่านฟ้าเดินเข้าไปช่วยอุ้มประคอง "ผมว่าไปรถตู้บริษัทดีกว่าครับ" เมธีเองก็ไม่ยอม เขาจะดูแลเธอเองหากว่าชายหนุ่มจะทำเพื่อสร้างภาพต่อหน้านักข่าว ที่เขาคิดแบบนี้เพราะคนตรงหน้าไม่เคยไยดีเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว..พออยู่ต่อหน้านักข่าวก็ทำเสแสร้งเป็นห่วงภรรยา "ปล่อยตัวเธอมา นี่เป็นคำสั่ง!!" เขาสั่งเสียงเข้มก่อนจะยกสองแขนขึ้นอุ้มประคองคนเป็นลมหมดสติไปขึ้นรถตู้ผู้บริหารที่จอดอยู่ไกล... แชะๆ แชะๆ เสียงแฟลชถ่ายรูปของนักข่าวดังขึ้นตามหลังประธานบริษัทที่กำลังอุ้มภรรยาขึ้นรถตู้รัวๆ นับว่าเป็นภาพแรกที่ทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกันแต่ก็เป็นภาพที่อีกคนนอนหลับไม่ได้สติ เมธียืนกำหมัดไว้แน่น เขาโกรธที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมให้เจ้านายหนุ่มสร้างภาพพาเธอไปหาหมอทั้งที่เป็นคนที่ทำให้เธอป่วยและยังแอบไปกินข้าวกับแฟนเก่าจนเกิดข่าวบ้าบอพวกนี้ เขาคิดว่าวาริสาก็อาจจะเครียดเรื่องนี้ด้วยจึงทำให้ป่วยจนเป็นลมแต่คงรวมถึงเรื่องที่เธอทำงานหนักมาหลายอาทิตย์ทุกอย่างมันหนักมากสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง พนักงานทุกคนที่เป็นคนนอกต่างรู้ว่าหญิงสาวทำเพื่อบริษัทมากแค่ไหนแต่แปลกที่คนเป็นสามีกลับไม่เคยรู้ว่าเธอต้องเจออะไรมาบ้าง คนใจดำแบบนี้ไม่คู่ควรกับเธอเลยสักนิด.. ตอนนี้เขาคิดถึงเจ้าสัวอภิวัฒน์ที่สุดอยากให้ท่านรีบฟื้นขึ้นมาดูแลบริษัทในเร็ววัน.. โรงพยาบาลเอกชนที่เจ้าสัวอภิวัฒน์รักษาตัวอยู่แต่ตอนนี้มีวาริสาเข้ามารักษาตัวอีกคน.. ห้องผู้ป่วยพิเศษ.. วาริสานอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วยแต่ด้วยความหิวทำให้เธอสะลึมสะลือรู้สึกตัวตื่น.. "นะน้ำ น้ำ.." เสียงแหบแห้งพูดกระซิบพยายามปรือตาลืมขึ้นมองสิ่งรอบข้างก็เจอกับเพดานสีขาวและเสียงคุยโทรศัพท์ที่ฟังดูคุ้นคุ้น เสียงใครกัน..?? โซฟาข้างเตียงผู้ป่วย มีชายหนุ่มร่างสูงสวมสูทผู้บริหารนั่งอยู่ไม่ไกล.. "ครับเอม..ผมขอโทษที่ทำให้คุณคิดไปแบบนั้น ผมจำเป็นต้องทำจริงๆ ตอนนั้นนักข่าวอยู่กันเยอะมาก ถ้าผมไม่อุ้มเธอไปขึ้นรถก็อาจจะดูไม่ดี ผมก็แค่แกล้งแสดงละครไม่ได้เป็นห่วงอะไรเธอเลยสักนิด เอมก็รู้ว่าผมเกลียดเธอมากแค่ไหน แค่ต้องอยู่หายใจร่วมกันก็จะตายอยู่แล้ว ถ้าเอมไม่เชื่อผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง.." สีหน้าท่าทางของเขาดูเครียดกับข่าวที่เกิดขึ้นมากจริงๆ ข่าวที่ว่าก็คือข่าวที่เขียนว่าเขาเป็นห่วงภรรยามากถึงขั้นฝ่าวงล้อมนักข่าวเข้าไปอุ้มภรรยาขึ้นรถไปหาหมอ กลบข่าวเรื่องที่เขาไปกินข้าวกับนางเอกสาว.. เมื่ออภิรดีรู้ข่าวก็รีบโทรมาถาม... "ครับเอม..ผมรักแค่คุณคนเดียวคุณก็รู้ ถึงผมจะแต่งงานแต่ผมไม่เคยนอกใจคุณเลยนะ คุณคือนางเอกในใจของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าคุณอยากจะมาผมจะออกไปรับ ได้ครับเดี๋ยวผมขับรถออกไปรับนะ ครับคิดถึงเหมือนกันครับ" แล้วเขาก็กดวางสายก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง... เตียงผู้ป่วย..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD