4
ตลอดทั้งการปิดเทอมหากฟลินไม่เป็นแคชเชียร์อยู่ที่หน้าร้าน เขาก็จะอยู่แต่บนห้องนอนของตัวเองเพื่อทำกิจกรรมโปรด นั่นก็คือการดูหนังหรือฟังเพลง ไม่ก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทที่มีเรื่องอะไรให้พูดคุยกันอยู่เกือบทุกวัน
[หรือว่านกฮูกตัวนั้นจะเป็นนกฮูกของพ่อมดวะ]
“แต่วันนั้นแกเพิ่งพูดกับฉันเองนะว่านี่คือศตวรรษที่21แล้ว”
[ก็เนื้อความมันทำให้ฉันคิดแบบนั้นนี่]
“…”
[หรือว่าแกสามารถอธิบายเรื่องเนื้อความในจดหมายนั้นได้ ให้พูดก็พูดเถอะต่อให้ข้อความในนั้นมันจะถูกเขียนขึ้นโดยเจ้าของของมัน แต่ว่าเจ้าของของมันรู้ได้ยังไงล่ะว่านกฮูกของตัวเองไปเจออะไรมา มันพูดได้เหรอ?]
“มันพูดไม่ได้หรอก ลำพังแค่ทุกวันนี้มันไม่บินชนหน้าต่างห้องก็น่าจะยากเกินไปสำหรับมันแล้ว” ขณะที่ฟลินกำลังพูด สายตาของเขาก็เหลือบไปมองหน้าต่างห้องของตัวเองด้วย เมื่อตอนนี้เขาได้จัดการนำฟิลม์ทึบมาติดหน้าต่างห้องเอาไว้บางส่วนแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้นกฮูกอย่างวินซ์หรือสัตว์มีปีกชนิดอื่นพุ่งชนอีก
[ก็นั่นน่ะสิ ถ้ามันไม่ฉลาดมากพอมันก็คงไม่บินชนหน้าต่างห้องแก จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่อยากเชื่อเลยเนี่ยว่านกที่บินมาชนหน้าต่างห้องแกจะเป็นนกฮูก ถ้าเป็นนกพิราบก็ว่าไปอย่าง]
“อืม ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ฟลินพึมพำกลับไป
โดยเท่าที่เขาเคยดูสารคดีสัตว์โลกมา ฟลินก็รู้มาว่าสัตว์ปีกตระกูลนกฮูก มันมีเป็นนกนักล่าที่น่ากลัว เนื่องจากมันมีสายตาที่แหลมคม นกฮูกส่วนใหญ่ออกหาเหยื่อตอนกลางคืนด้วย แถมยังมีคนเคยทำการทดสอบและพบว่านกฮูกเป็นสัตว์มีปีกที่เคลื่อนไหวได้ค่อนข้างเงียบเป็นอันดับต้น ๆ อีกต่างหาก มันดูเท่ในสายตาเขามาก แต่ไม่รู้ทำไมพอฟลินได้รู้จักกับวินซ์ มันก็ทำให้มุมมองที่เขามีต่อเจ้าตัวนกตัวนี้ต่างออกไปจากเดิม
[แล้วเรื่องเจมส์เป็นยังไงบ้าง หมอนั่นยังทำตัวน่ารำคาญอยู่หรือเปล่า แกไม่เห็นจะเล่าให้ฉันฟังเลย]
“เจมส์น่ะเหรอ พอดีช่วงนี้หมอนั่นเงียบ ๆ ไปน่ะ ฉันก็เลยไม่รู้จะเล่าอะไรให้ฟัง”
[หรือว่ามันเลิกมาตอแยแล้ว]
“ไม่มีทางที่ผู้ชายที่อีโก้สูงขนาดนั้นจะยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก” ฟลินบอกคนปลายสายกลับไปด้วยความมั่นใจมื่อเขาไม่คิดว่าคนที่เต็มไปด้วยอีโก้คิดว่าตัวเองสูงส่งอย่างเจมส์ที่อยู่บ้านแห่งอำนาจจะยอมพแพ้ไปอย่างง่าย ๆ เนื่องจากเจ้าตัวได้โฆษณากับเพื่อนของตัวเองเอาไว้แล้วว่าฟลินเองก็มีใจให้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงเล่นตัว
[น่ารำคาญชะมัด อะไรที่ทำให้หมอนั่นมั่นใจตัวเองสูงขนาดนั้นนะ คิดว่าตัวเองหล่อหรือไง]
“เจมส์ก็คงคิดงั้นแหละ จะให้ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อคนหล่อ ๆ ฮอต ๆ ไปรวมตัวอยู่ที่บ้านนั้นกันหมด คนที่อยู่ในนั้นก็เลยคิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้นเหมือนกัน” ฟลินเอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ตามประสาคนที่กำลังอยู่ในช่วงปิดเทอมและไม่มีเรื่องอะไรให้เครียด
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ไอด้า เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ” เพราะฟลินได้ยินเสียงเคาะจากหน้าต่างห้อง และเขาก็คิดว่านั่นคงเป็นเสียงเคาะจากเจ้าวินซ์เป็นแน่ ฟลินจึงรีบบอกคนปลายสายกลับไปแบบนั้นและกดตัดสายเธอก่อนจากนั้นเขาก็รีบลุกลงจากเตียงเพื่อไปเปิดประตูหน้าต่างให้เจ้านกฮูกได้บินเข้ามาในห้องเขา
“มาอีกแล้วเหรอ” นั่นเป็นคำพูดแรกที่ฟลินเอ่ยกับวินซ์ หลังเขาไม่คิดว่ามันจะขยันมาหาเขาทุกวี่ทุกวันแบบนี้
โดยหลังจากที่ฟลินเอ่ยออกไปแบบนั้น เจ้านกฮูกก็มีการเอียงคอมองกันด้วยความสงสัย ในปากของมันมีซองจดหมายคาบไว้อยู่ ซึ่งมันก็น่าจะเอามาให้เขาอีกเช่นเคย
“นั่นใช่ของฉันหรือเปล่า” ฟลินลองถามมันพร้อมแบมือออกแล้วยื่นไปตรงหน้ามัน เพื่อให้วินซ์ได้นำจดหมายมาวางไว้บนมือเขา หากว่าจดหมายฉบับนั้นเป็นของเขาจริง ๆ
“ขอบคุณ” เขากล่าวขอบคุณมันตามมารยาท เมื่อวินซ์ค่อย ๆ วางจดหมายลงบนมือของเขา ซึ่งหลังจากที่มันวางจดหมายเอาไว้บนมือวินซ์เสร็จ มันก็เดินถอยหลังไปเล็กน้อยคล้ายกับต้องการรักษาระยะห่างระหว่างเขากับมันเอาไว้ ฟลินคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น ทว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดผิด
เพราะสิ่งที่วินซ์คิดจะทำ มันคือการเดินถอยหลังออกไปตั้งหลัก เพื่อให้ตัวเองได้โผบินขึ้นมาเกาะที่หัวไหล่ของเขาได้อย่างถนัดต่างหาก
จากนั้นมันก็ทำตัวเหมือนอย่างเคย มันใช้ดวงตากลมโตของมันจ้องมองเขาอย่างใกล้ชิด มองอย่างใกล้ชิดเสียจนฟลินต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าหน้าตาของเขามันแปลกประหลาดสำหรับเจ้านกฮูกตัวนี้หรือเปล่า ทำไมมันถึงบินมาจ้องกันใกล้ขนาดนี้
“น—หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ?” เพราะฟลินสัมผัสได้ถึงปากแหลมคมที่สัมผัสเข้าที่ข้างแก้มของเขา เขาจึงถามออกไปแบบนั้น และนั่นก็ทำให้เจ้าวินซ์รีบขยับตัวห่างออกไป แต่ยังคงเกาะที่ไหล่ของเขาเช่นเดิม
แล้วพอมันยอมรักษาระยะห่างกับฟลินแล้ว นาทีต่อมาฟลินถึงค่อยกลับมาให้ความสนใจกับจดหมายในมือเขาอีกครั้ง เมื่อเขาอยากรู้เนื้อความในนี้
‘ครับ ผมเป็นคนเขียนจดหมายฉบับนี้เอง แต่ผมก็แค่เป็นตัวกลางทำให้วินซ์สามารถสื่อสารกับคุณได้เท่านั้น’
‘เจ้าวินซ์มันอยากสนิทกับคุณฟลิน ผมคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะได้รับความเอ็นดูจากคุณ’
‘ส่วนเรื่องเมื่อวันก่อนผมต้องขออภัยด้วยนะครับที่เจ้าวินซ์ได้สร้างความวุ่นวายให้กับคุณฟลิน พอดีเมื่อวันก่อนสภาพอากาศค่อนข้างย่ำแย่มาก วินซ์เลยมีอาการสับสนเส้นทาง มองเห็นทัศนียภาพได้ไม่ดีเท่าที่ควร มันเลยพุ่งเข้าไปชนที่หน้าต่างห้องของคุณแบบนั้น’
‘เจ้าวินซ์มันชอบคุณนะครับ มันคาดหวังว่าตัวคุณเองก็จะชอบมันเหมือนกัน’
“แบบนี้นี่เอง” หลังฟลินอ่านข้อความเหล่านั้นจบ เขาก็พึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วเมื่อเขาเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้กระจ่างทั้งหมดอยู่ดี เพราะมันดันมีความสงสัยใหม่ผุดขึ้นมาอีกแล้ว
ที่บ้านเขาเองก็เลี้ยงสุนัขเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงพอจะคาดเดาความต้องการของสุนัขตัวเองได้พอคร่าว ๆ ผ่านการแสดงท่าทางของมัน
ฟลินไม่สามารถอ่านใจสัตว์เลี้ยงได้ แต่เขารู้แค่ว่ามันต้องการอะไรผ่านการแสดงออกเท่านั้น เช่น ถ้ามันหิวมันก็จะคาบถ้วยอาหารของตัวเองมาไว้ตรงหน้าเขา ถ้ามันอยากออกไปวิ่งเล่นข้างนอกบ้าน สิ่งที่มันจะทำก็คือการไปนั่งทำหน้าตาละห้อยที่หน้าประตูเท่านั้น
แต่การที่เจ้าของของเจ้าวินซ์อ่านใจสัตว์เลี้ยงของตัวเองได้ จนถึงขั้นสามารถเขียนความในใจของมันได้แบบนี้ มันชักจะเก่งเกินไปรึเปล่า หรือว่าในปัจจุบันนี้มันมีสถาบันเปิดสอนหลักสูตรอ่านใจสัตว์เลี้ยงกัน?
“นี่แกชอบฉันเหรอ แล้วทำไมตอนนั้นถึงทำหน้าไม่พอใจใส่กันล่ะ” ฟลินหันไปถามเจ้าวินซ์ด้วยความสงสัย หลังภาพเหตุการณ์เมื่อวันก่อนยังคงแจ่มชัดอยู่ในความคิดเขา
โดยหลังจากที่ฟลินถามออกไปอย่างนั้น สิ่งที่เจ้าวินซ์แสดงกลับมาก็คือการเอียงคอมองหน้ากันทั้งดวงตาใสซื่อ ราวกับว่ามันจำเหตุการณ์เมื่อวันก่อนไม่ได้ และหลังจากที่มันแสดงพฤติกรรมเหล่านั้นใส่ฟลินแล้ว มันก็กระโดดลงจากไหล่เขาและกลับไปยืนที่โต๊ะอ่านหนังสือตรงหน้าอีกครั้ง
“นี่แกกำลังขอให้ลูบหัวเหรอ” ฟลินถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ เมื่อเจ้าวินซ์กำลังใช้หัวเล็ก ๆ ของมันถูไถไปตามฝ่ามือของฟลิน คล้ายต้องการออดอ้อนขอความรักจากเขา
“ต้องการให้ฉันลูบหัวให้สินะ นี่แกเป็นหมาหรือไง” ขณะที่ถาม รอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าฟลินอีกครั้ง นาทีเดียวกันเขาก็ค่อย ๆ ใช้มือลูบหัวมันด้วยความทะนุถนอม เนื่องจากตัวของมันก็เล็กนิดเดียว มันจึงเสี่ยงต่อการบอบช้ำเป็นที่สุด
ซึ่งท่าทีที่มันแสดงออกให้ฟลินเห็นในหลายวินาทีต่อมา มันก็ทำให้คนที่กำลังลูบหัวมันอยู่ระบายยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม เมื่อเจ้านกฮูกมีอาการหลับตาพริ้ม คล้ายกับมันรู้สึกดีมากที่ถูกเขาสัมผัสแบบนี้
“อ้อนเก่งจังเลยนะ” ฟลินเอ่ย ขณะที่เขายังคงใช้มือลูบหัวให้มันไม่หยุดและในบางครั้งเขาก็มีการใช้ปลายนิ้วเกาคางให้มันด้วย