บทที่ 3.1 – ติดกับซาตาน (เผลอไผล)

1081 Words
“ดิฉันขอลาออก!” เสียงหวานประกาศกร้าว ถูกเขารังแกด้วยวิธีป่าเถื่อนเช่นนี้จะทนอยู่ทำงานต่อไหวได้อย่างไร อย่าคิดว่าเป็นเจ้านายแล้วจะทำสิ่งใดก็ได้ ถึงเป็นเพียงพนักงานจนๆ แต่เธอก็มีศักดิ์ศรี ไม่ชอบให้ใครมาเหยียบย่ำแบบนี้ “อย่าปากดี ตราบใดที่เธอยังชดใช้หนี้สินไม่หมด ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น!” เฟอเดอริกชี้หน้าพลางกัดฟันกรอด เพียงได้ยินว่าสาวเจ้าจะลาออกก็ทำให้เขาคุ้มคลั่งได้ไม่ยาก พานคิดไปไกลว่าหล่อนมีผู้ชายคนนั้นคอยเลี้ยงดูปูเสื่อถึงได้กล้าจองหองแบบนี้ “ดิฉันจะหาเงินมาใช้หนี้ท่านทุกเดือนไม่ต้องห่วง” ปิ่นมุกไม่คิดหนีความรับผิดชอบอยู่แล้ว หนี้สินที่ถูกยัดเยียดโดยไม่เต็มใจเธอใช้แน่ ขอเพียงไปให้พ้นจากบริษัทฯ ที่มีผู้บริหารหยาบคายอย่างเขาก็พอ “ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่คิดหนีหลังลาออก” เขายิ้มหยัน ลมหายใจยังคงร้อนระอุ “ฉัน…” “ไม่ให้ออก!” ยื่นคำขาด น้ำเสียงหนักแน่น “แต่ฉันจะออก ท่านทำกับดิฉันเหมือนดิฉันไม่ใช่คน ดิฉันจะออก!” เธอเกลียดการกระทำของเขา รสจูบดุดันยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น ร่างสูงใหญ่จู่โจมเข้าหาราวสัตว์ป่ากระหายเลือด กรีดร้องปัดป้องเพียงใดเขาก็ไม่ใยดี ซ้ำยังแสดงความเย้ยหยันผ่านสายตาเมื่อเห็นเธอยอมจำนนต่อพละกำลังอันแข็งแกร่ง “ฉันเคยบอกเธอไว้ว่ายังไง” เขาหรี่ตาถามเสียงเข้ม สาวเท้าเดินเข้าหาร่างบางที่ถอยหลังหนีจนแผ่นหลังชิดกำแพงอีกครั้ง หนุ่มใหญ่ยกแขนกักบริเวณหญิงสาวให้สบตากับเขา “ฉันมีอำนาจมากพอที่จะทำให้ประวัติของเธอด่างพร้อยจนไม่สามารถแบกหน้าไปทำงานที่ไหนได้อีก” แววตาเลือดเย็นเอาจริงทุกประโยค เขาทำแน่หากหล่อนคิดต่อต้าน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะดับอนาคตของเธอ เขาต้องการเห็นคนในครอบครัวของปกเกล้าวอดวายอยู่แล้ว ไม่วันนี้ก็วันหน้าผู้หญิงคนนี้จะต้องย่อยยับด้วยน้ำมือของเขา “ท่าน…” ปิ่นมุกกำมือเม้มริมฝีปากแน่น หยาดน้ำใสคละเคล้านัยน์ตาหวาน จ้องเขากลับอย่างไม่เกรงกลัว หากสายตาที่สื่อผ่านออกมานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดระคนสิ้นหวัง ยิ่งทำให้คนตัวโตได้ใจ แสยะยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ “ออกสิ! ออกเลย” เขาท้าทาย รู้แก่ใจว่าหล่อนไม่กล้า ปิ่นมุกปาดน้ำตาทิ้งก่อนเชิดหน้ามองเขา “ถ้าท่านจะบีบดิฉันขนาดนี้ดิฉันก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่ขอให้ท่านรู้เอาไว้ว่าตอนนี้ดิฉันหมดความนับถือในตัวของท่านแล้ว” ทิ้งท้ายให้รู้ว่าการกระทำแสนหยาบคายเมื่อครู่ได้ทำลายความรู้สึกอันมีค่าพังทลายสิ้น “ดิฉันจะอยู่เพื่อทำงานใช้หนี้ให้หมดโดยเร็วที่สุด จะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกันสักที!” ไม่รอให้ท่านประธานมาดเถื่อนได้พูดทักท้วง ร่างบอบบางก็รีบวิ่งออกจากห้องทันที เฟอเดอริกได้แต่หงุดหงิดเพราะอยากกำราบความปากดีของจอมอวดเก่งต่อ ท่าทีหยิ่งผยองมันน่าจับกดบนโต๊ะทำงานนัก “บ้าเอ๊ย!” เขาจูบเธอ รอยสัมผัสช่างละมุนติดปลายลิ้น รสชาติหอมหวานที่ไม่เคยได้รับจากใคร อีกฝ่ายจูบไม่เป็นสับปะรดแต่ทำไมเขากลับชอบ เรียกว่าหลงใหลเลยเห็นจะได้ ท่าทีไร้เดียงสาดึงดูดหัวใจผู้ชายเจ้าสำราญเข้าเต็มเปา ดวงตาตื่นตระหนกยามถูกปากหยักบดขยี้นั้นชวนรังแก น่าจับร่างแน่งน้อยปลดเปลื้องอาภรณ์แล้วบังคับรักอย่างสาสม หล่อนร่ายมนตราใดใส่เขากันนะ “ไม่! ฉันจะไม่หลงกลเธอปิ่นมุก” เฟอเดอริกต้องการหยุดความคิดบ้าๆ ออกจากหัว ท่องจำให้ขึ้นใจว่าเธอคือน้องสาวของศัตรูหมายเลขหนึ่ง จะปล่อยให้มีอิทธิพลเหนือหัวใจอันแข็งแกร่งไม่ได้ “เธอมันก็จอมมารยาเหมือนพี่ชายของเธอนั่นแหละ” เสียงเข้มกล่าวหาเพื่อกลบเกลื่อนความต้องการภายในใจ ปกเกล้าคิดไม่ผิดที่ตามฐานัททุกฝีก้าว ชายหนุ่มให้ที่พักอาศัยกับปิ่นมุกจริงๆ น้องสาวต่างมารดาน่ะหรือจะมีปัญญาเช่าคอนโดฯ หรูหราหากไม่มีไอ้งั่วหน้าโง่กระเป๋าหนักคอยดูแล “ปิ่น” ร่างบางชะงักงันเมื่อเห็นปกเกล้ายืนทำหน้าไม่บอกบุญอยู่ตรงประตูทางเข้าคอนโดฯ “พี่ปรก” ปิ่นมุกสบตากับเพื่อนชาย ฐานัทรีบเอาตัวมาบังร่างบางเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาปกป้องหล่อนเต็มที่ “ถ้าจะมาหาเรื่องก็ไสหัวกลับไปซะ!” น้ำเสียงไม่เป็นมิตรเอ่ย “ฉันต้องการคุยกับน้องสาว” ปกเกล้าเองก็ชังน้ำหน้าฐานัทไม่แพ้กัน หมอนี่ชอบดูถูกเขาสารพัด หลายครั้งที่มันมองด้วยหางตา เห็นแล้วคันไม้คันมืออยากซัดใบหน้าหล่อตี๋ให้หายแค้น แต่ติดตรงที่ครอบครัวของมันร่ำรวยและรู้จักคนใหญ่คนโตเยอะพอสมควร บุ่มบ่ามทำอะไรลงไปมันจะได้ไม่คุ้มเสีย “น้องสาวหรือ เหอะ มาขอเงินสิไม่ว่า” ฐานัทหยัน สารรูปแบบนี้ก็มีอยู่เรื่องเดียว “อย่ามาดูถูกกันนะเว้ย!” ปกเกล้าชักเดือด ตั้งท่าจะถลาเข้าใส่ฐานัทที่วันนี้อยู่ในชุดสูทดูดี “อย่านะพี่ปรก!” ปิ่นมุกกลัวจะมีเรื่องรีบดันอกพี่ชายออกห่างเพื่อนสนิท “นัทขึ้นไปรอเราข้างบนก่อน” “แต่ว่า…” “เราจัดการได้ ไม่ต้องเป็นห่วง” เมื่อหล่อนยืนกรานเช่นนี้เขาก็คงทำอะไรไม่ได้ จำต้องยอมขึ้นห้องแล้วทิ้งสาวเจ้าไว้กับปลิงดูดเลือด “พี่ปรกมีธุระอะไรคะ” น้ำเสียงเย็นชาไร้เยื่อใย ปกเกล้าถูฝ่ามือหนาไปมาเพราะไม่รู้จะเก็บอาการเก้อเขินอย่างไร ท่าทางอมพะงันไม่กล้าพูดยิ่งทำให้ปิ่นมุกรู้สึกไม่ปลอดภัย รับรู้โดยสัญชาตญาณว่าเรื่องที่พี่ชายจะกล่าวนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ “พี่จะมาคุยเรื่องบ้าน” เงยหน้ามองร่างบาง พอได้ยินคำว่า ‘บ้าน’ แววตาของปิ่นมุกก็เปลี่ยนไป หล่อนจ้องเขาเพื่อรอฟังประโยคถัดไป “พี่เอาบ้านไปจำนองกับเจ้าของบ่อน” “ว่าไงนะคะ!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD