บทที่ 4.1 - ก็แค่สินค้าตัวหนึ่ง (เหยื่อที่ต้องรับเคราะห์แทน)

1648 Words
เธอถูกหลอกมาขายตัวงั้นหรือ ปิ่นมุกได้แต่นั่งถามตัวเองผ่านกระจกเงาบานใส ใบหน้าหวานแต่งแต้มเครื่องสำอางค์สวยเข้ม เสริมให้โครงหน้ารูปไข่เปล่งประกายดุจนางพญา ชุดราตรีสีแดงเพลิงโชว์แผ่นหลังเนียนละเอียด ขาวผ่องใสชวนมอง เสน่ห์เย้ายวนประหนึ่งดอกไม้แรกแย้ม ส่งกลิ่นหอมกระตุ้นความต้องการเหล่าภมรผู้ โชคตะลึงในความงามของหญิงสาว ไม่แต่งว่าสวยแล้ว ทว่าพอได้ประทินโฉมยกเครื่องหล่อนกลับสวยยิ่งกว่า “ราคาดีแน่ๆ” ปิ่นมุกรีบหันมองชายรูปร่างสูงใหญ่ เสื้อกล้ามแขนกุดอวดรอยสักน่ากลัวจนเธอต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคอ ถอยเท้าร่นหนีเมื่อถูกต้อนให้จนมุม “ยะ อย่านะ” เสียงหวานสั่นพร่า หัวใจเต้นกระหน่ำบ้าคลั่ง มือและเท้าเย็นยะเยือกราวกับยืนอยู่ท่ามกลางหิมะโปรยปราย “ไม่ต้องกลัวไปหรอกสาวน้อย ฉันไม่แตะต้องเธอให้เสียราคาแน่ๆ” โชคหัวเราะในลำคอ “ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันถูกพี่ปรกหลอกมา ฉันไม่ได้อยากขายตัว” ปิ่นมุกอับจนหนทางจนต้องยกมือไหว้พวกชายโฉด “ฉันรู้” วินาทีที่ลูกหนี้จอมน่ารังเกียจยื่นข้อเสนอให้กับตน ยอมรับว่าโกรธมาก โชคเกลียดที่สุดคือไอ้พวกชอบดูถูกผู้หญิง เขาเป็นนักเลงก็จริงแต่ไม่ใช่อันธพาล ไม่เคยทำตัวแมงดาเอาเปรียบเพศแม่ให้เสียศักดิ์ศรี และที่ต้องยอมรับข้อเสนอหยาบช้าของมันก็เพื่อต้องการช่วยเหลือเฟอเดอริกให้สมหวังในการแก้แค้น เขาไม่เห็นด้วย อยากทักท้วงใจแทบขาด พี่กับน้องคนละคนกัน ปกเกล้าเลวก็ควรลงโทษมันแค่คนเดียว ไม่ควรดึงผู้บริสุทธิ์อย่างเธอผู้นี้มาร่วมเจ็บไปด้วย หากเฟอเดอริกไม่คิดเช่นนั้น เขามองว่าดุจดาวต้องเจ็บปวดกับความระยำที่ปกเกล้ากระทำไว้ต่อเธออย่างไร ปิ่นมุกในฐานะน้องสาวของคนชั่วก็ต้องทุกข์ทรมานกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า โชคทำอะไรไม่ได้นอกจากภาวนาให้ความแค้นในใจของเฟอเดอริกเจือจางลงไปสักวันหนึ่ง บางที ผู้หญิงคนนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญช่วยปลุกให้คนที่จมปลักอยู่ในความแค้นมานานแสนนาน ได้พบแสงสว่างในภายภาคหน้าก็เป็นได้ “แต่ฉันปล่อยเธอไปไม่ได้” น้ำเสียงเข้มดุดัน มือเรียวร่วงหล่นแนบลำตัว ปิ่นมุกน้ำตาคลอ “ทำไม” ก้อนสะอื้นจุกตันอยู่ที่ลำคอระหง นาทีนี้เธอมืดแปดด้าน ไม่รู้จะเดินไปยังทางใด “พี่ชายเธอมันติดหนี้ฉัน มันไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้เลยต้องเอาเธอมาเร่ขาย ฉันถือว่าฉันซื้อเธอแล้ว ต่อไปนี้เธอต้องหาเงินให้กับบ่อนของฉันเท่านั้น!” โชคจำต้องสวมบทบาทใจร้ายเพื่อให้หญิงสาวเชื่อว่าเขาพร้อมทำลายเธอทุกเมื่อ “ชั่ว!” ปิ่นมุกกัดริมฝีปากห้อเลือด สองมือกำแน่น “พวกแกมันสารเลว” โชคแสยะยิ้มมุมปาก เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ก็ปากดีใช่ย่อย ค่อยสมน้ำสมเนื้อกับฝ่ายนั้นหน่อย “เชิญด่าให้ตามสบาย อีกห้านาทีเธอต้องขึ้นเวทีเพื่อเรียกแขก เรียกเงินให้กับฉันแล้วสาวน้อย” แตะปลางคางเล็กน้อย ปิ่นมุกสะบัดหน้าหนีทันควัน โชคออกไปแล้ว ร่างบางทรุดกายนั่งลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง น้ำตารินไหลอาบแก้ม ไม่สนว่ามันจะนำพาเครื่องสำอางค์หมดไปจากใบหน้า ไม่สวยสิยิ่งดี พวกหื่นกามทั้งหลายจะได้ไม่ต้องสนใจเธอ “จริงสิ” คิดได้เช่นนั้นหญิงสาวก็รีบหยิบลิปสติกหลากสีมาละเลงใบหน้าจนเลอะเทอะไม่มีชิ้นดี หลังจากหลอกน้องสาวไปขายให้กับโชคเสร็จสิ้น ปกเกล้าก็รีบกลับบ้านนำเงินหนึ่งล้านบาทมาแบ่งกับมารดาทันที ปราณีตาลุกวาวเมื่อเห็นเม็ดเงินที่ตนปรารถนา หญิงกลางคนรีบหยิบธนบัตรล้ำค่าขึ้นสูดดมกลิ่นของมันอย่างมีความสุข “นังปิ่นนี่มันบ่อเงินบ่อทองของเราจริงๆ แม่” ปกเกล้ายิ้มพลางชื่นชมเงินบนตักอย่างภาคภูมิใจ “แม่บอกแล้วว่ามันต้องขายได้ อีเนี่ยมันสวย ผิวพรรณก็ผุดผ่องเป็นยองใย” ปราณีที่อยากขายเรือนร่างของปิ่นมุกมาช้านานรีบสมทบ “นั่นสิแม่ ถ้ารู้ว่ามันจะได้ราคาดีแบบนี้ ฉันขายมันตั้งนานแล้ว” ปกเกล้าแอบเสียดายระยะเวลาที่ผ่านมา มัวแต่หลบเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุนอยู่ได้ทั้งๆ ที่มีขุมทรัพย์อยู่ข้างกาย “แล้วนี่ขายขาดเลยหรือ” ปราณีเอ่ยถาม “ก็ขายขาดสิแม่” ปกเกล้าตอบแบบซื่อๆ คนเป็นแม่ถึงกับกุมขมับ “โอ๊ย! ตาปรก ทำไมแกโง่แบบนี้นะ” “อ้าวแม่ อุตส่าห์หาเงินให้ใช้แล้วยังจะมาด่ากันอีก” ปกเกล้าชักหงุดหงิด “แม่ไม่ได้ว่าอะไรลูก แม่แค่เสียดายที่ลูกขายขาดนังปิ่น ยังสาวยังสวยแบบมันน่าจะทำเงินให้เราใช้ได้อีกนาน” ปราณีคิดการณ์ไกลไปถึงวันข้างหน้า “เรื่องนั้นแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ต่อให้นังปิ่นมันเป็นอีตัวอยู่ที่บ่อนของไอ้โชค เราก็ไปขอเงินจากมันได้ทุกเวลา” แววตาเจ้าเล่ห์เพทุบาย “ทำไม” ปราณีชักอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้บุตรชายมั่นอกมั่นใจนักหนา “ก็เอาเรื่องบ้านไปขู่มันสิแม่ มันรักมันหวงบ้านหลังนี้อย่างกับอะไรดี แค่แกล้งหลอกว่าจะขายบ้านมันก็รีบยื่นเงินให้เราแล้ว” ปราณีร้องอ้อขึ้นมาทันใด เธอลืมเรื่องนี้เสียสนิท จุดอ่อนของปิ่นมุกคือบ้าน ตราบใดที่บ้านหลังนี้ยังเป็นชื่อของเธอ จะหยิบยกมันมาใช้ประโยชน์เมื่อใดก็ได้ “น่าสมเพช ตัวเองถูกหลอกไปขายตัวก็เพราะหลงเชื่อคำลูก อยากปกป้องบ้านจนซวย อีเด็กโง่เอ๊ย!” ปราณีหัวเราะลั่น รู้สึกสะใจที่ผลักไสลูกเลี้ยงลงนรกขุมที่ลึกที่สุดได้สำเร็จ “ป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้างน้า ชักอยากรู้แล้วสิ” ปราณีอยากเห็นสีหน้าของปิ่นมุกยามต้องถูกขายให้กับพวกหื่นกามในบ่อน! บรรยกาศในค่ำคืนนี้ดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ เมื่อกาสิโนชื่อดังประกาศกร้าวว่าจะเปิดประมูลสาวงามวีไอพีคนล่าสุด เหล่านักธุรกิจรวมไปถึงนักการเมืองชั้นนำระดับประเทศต่างรีบมาจับจองพื้นที่หน้าเวทีตั้งแต่บ่ายคล้อย บางคนถึงกับใช้อำนาจอวดเบ่งบารมีให้อีกฝ่ายเกรงกลัว เกทับซึ่งกันและกันไปมา ตาเฒ่าพวกนี้ล้วนแล้วแต่มีครอบครัวด้วยกันทั้งสิ้น บ้างก็หนีเมียหนีลูกมาเที่ยวหาความสำราญใส่ตัว เฟอเดอริกเลือกที่นั่งห่างใกลจากหน้าเวทีพอสมควร เขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องงี่เง่าเพราะถึงอย่างไรคนที่จะได้ตัวหญิงสาวไปครอบครองก็คือเขา หาใช่พวกหน้าหม้อที่มารอจ้องเหยื่อไม่ “เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” เอ่ยถามทันทีที่เห็นโชคเดินมาต้อนรับ ยกมือพาดพนักโซฟาพลางนั่งไขว่ห้าง “ครับ แต่ว่า…” “มีอะไร” หรี่ตาถามเมื่อเห็นอาการอึกอักของโชค “ผมบอกตามตรงว่าผมสงสารเธอ” โชคไม่อาจปกปิดความรู้สึกส่วนลึกได้ “เธอถูกไอ้ปรกหลอกมา” “แล้วไง” เฟอเดอริกแสยะยิ้ม มือหนายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มสบายอารมณ์ “คุณริคควรแก้แค้นเฉพาะไอ้ปรก ผมว่า…” ปัง! คนถูกเตือนวางแก้วทรงสูงกระแทกโต๊ะอย่างแรง ลมหายใจร้อนกรุ่นบ่งบอกให้รู้ว่าไม่พอใจ และไม่ต้องการรับฟังความเห็นแตกแยกไปจากตน “นายไม่มาเป็นฉัน นายไม่มีวันเข้าใจ!” ภาพดุจดาวร้องไห้หวาดกลัวยังคงติดตามาจนถึงทุกวันนี้ ทุกค่ำคืนร่างบางต้องผวาตื่นนั่งกอดเข่าแล้วอาละวาดท่ามกลางความมืดสลัว กว่าจะก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายเหล่านั้นมาได้เขาต้องข่มขื่นเพียงใด เขาจำไม่เคยลืม ทุกบาดแผลที่พี่สาวของเขาได้รับ ทุกหยดน้ำตาที่เขาได้เห็นมัน “แต่น้องสาวของมันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย” “แล้วความเจ็บปวดที่ฉันต้องร่วมเจอล่ะ!” เสียงเข้มตวาดกร้าว “คุณริค” โชคเห็นความรวดร้าวผ่านแววตาคู่นั้นพลันใจหาย “ในฐานะที่ยัยนั่นเป็นน้องสาวของมัน ความเลวระยำที่ไอ้ปรกสร้างไว้มันก็ต้องตกถึงเธอด้วยเช่นกัน” เพราะคนอย่างเฟอเดอริกจะไม่ยอมเจ็บคนเดียวแน่! “ปิ่นนอนหรือยัง” ฐานัทถือกล่องซูชิที่แวะซื้อจากร้านโปรดมาฝากเพื่อนสาว เขากดออดเรียกอยู่นานแต่ก็ไร้วี่แวว จึงตัดสินใจใช้คีย์การ์ดสำรองเปิดประตูเข้าไป ไม่พบร่างบางที่คิดถึง ภายในห้องเงียบกริบ ไฟทุกดวงปิดสนิท “ไปไหนของเขานะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ปิ่นมุกไม่เคยออกไปไหนยามวิกาลเช่นนี้ “ไม่รับสายกันอีก” ยิ่งเป็นห่วงไปกันใหญ่ ฐานัทโทรศัพท์หาต้นฝนและมีมี่เพื่อเช็คว่าปิ่นมุกอยู่กับสองคนนั้นหรือไม่ ผลปรากฎว่าเธอไม่อยู่ แล้วไปไหน ชายหนุ่มกดโทรศัพท์หาเพื่อนสาวอีกหลายสาย เดินวนเป็นหนูติดจั่นเพราะเริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง “คงไม่หรอกมั้ง” หรือปิ่นมุกจะกลับไปบ้านหลังนั้น ไม่น่าใช่ หญิงสาวดูมีความสุขกับชีวิตอิสระจนเขามั่นใจว่าเธอจะไม่ย้อนกลับไปตกนรกทั้งเป็นอีกแล้ว ‘ปิ่นอยู่ที่ไหน นัทมาหาที่ห้องแต่ไม่เจอ โทร. กลับทีนะ’ ในเมื่อโทร. ไม่ติดก็ส่งข้อความผ่านทางไลน์แทนแล้วกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD