บางครั้งชีวิตคนเราก็ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจเพียงอย่างเดียว หากเวรกรรมที่ทำร่วมกันมายังไม่สิ้นสุด เธอก็คงต้องอยู่เพื่อให้สองแม่ลูกเหยียบย่ำต่อไป
“อย่ามาตอแหล แกคิดยักยอกเงินฉันใช่ไหม!” ปราณีจิ้มนิ้วใส่หน้าผากนวล
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาหนูก็ให้เงินน้ามาตลอด ไม่เคยเลยสักครั้งที่หนูจะหมกเม็ด” ปิ่นมุกว่า
“แก้ตัว!” ปราณีตวาดกร้าว “ฉันไม่เชื่อว่าแกจะได้เงินเท่าขี้มดแบบนี้”
เพราะเคยได้มากเลยรับไม่ได้กับจำนวนเงินที่ลดลงไปเกินครึ่ง แล้วแบบนี้จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าหวยงวดล่าสุด บ้าจริงๆ เลย
“ไปหามาอีกสองหมื่น” พูดง่ายๆ แต่คนทำหน้าเหวอไปแล้ว
“น้าณี เงินมันไม่ได้หากันง่ายๆ นะ ตั้งสองหมื่นหนูจะไปเอาปัญญาจากไหนหามาให้น้า”
“เงินน่ะมันหาง่ายจะตายไป แค่แกยอมทำตามที่ฉันบอก” ปราณียิ้มมาดร้าย ปิ่นมุกส่ายหน้าทันควัน
“โดยการขายตัวอย่างนั้นใช่ไหม?”
หล่อนรู้ทันแม่เลี้ยงใจร้าย ปราณีเคยหลอกพาเธอไปให้แม่เล้าคนหนึ่งเมื่อครั้งอายุได้เพียงสิบห้าปีเท่านั้น โชคดีที่ตำรวจบุกทลายแหล่งเสื่อมโทรมได้ทันการ เธอจึงรอดจากการตกนรกทั้งเป็น
“เงินดี ได้ไวด้วย” ปราณีในฐานะเคยทำอาชีพอย่างว่ามาก่อนพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ต่อให้ยากจนแสนเข็ญยังไง หนูก็ไม่มีวันขายศักดิ์ศรีของตัวเองเด็ดขาด” ปิ่นมุกประกาศกร้าว
การกระทำสิ้นคิดพรรณนั้นไม่เคยอยู่ในหัวของเธอ
“ศักดิ์ศรีที่แกว่ามันกินได้ไหมล่ะ เงินเท่านั้นที่จะบันดาลทุกอย่างได้” ปราณีผู้ไม่เคยสนใจสิ่งใดมากไปกว่าความหอมหวานของเม็ดเงิน
“เถียงอะไรกันเสียงดังไปถึงข้างบน น่ารำคาญฉิบ!”
ร่างผอมสูงเดินงัวเงียลงมาจากชั้นสอง ปกเกล้าเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่ากระดกดื่มอึกใหญ่ เลื่อนสายตามองน้องสาวต่างแม่แล้วยกยิ้ม
“เงินเดือนออกใช่ไหมวันนี้” เขาจำได้แม่นเลยเชียว
“มันให้แม่มาแค่ห้าพัน” ปราณีชูธนบัตรสีเทาพลางรีบฟ้องบุตรชาย ปกเกล้าอ้าปากค้าง
“หมายความว่ายังไงห้าพัน แกลืมไปแล้วเหรอว่าฉันต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้พวกมันในบ่อน” ปกเกล้าเริ่มกังวล เขานัดให้พวกมันวันนี้ ถ้าไม่ได้เงินเขาตายแน่
“พี่ปรกเป็นคนสร้างหนี้ก็จ่ายเองสิคะ ปิ่นหมดปัญญาแล้ว” ปิ่นมุกสติหลุด ตอบโต้พี่ชายสุดกร่างอย่างลืมตัว
“อีปิ่น!” ปกเกล้าง้างมือจะฟาดใบหน้าเนียนสวย แต่จู่ๆ ภาพของบิดาก็ทับซ้อนขึ้นมาให้เห็น เขาเลยค่อยๆ ลดฝ่ามือลงแนบข้างลำตัวดังเดิม ปราณีขัดใจที่ลูกชายไม่ตบสั่งสอนนังเด็กปากเสียสักทีสองที
“แกอย่าคิดเล่นแง่กับพวกฉันนะ” ปกเกล้าชี้หน้า
ปิ่นมุกยังคงหวาดกลัวไม่หาย นึกว่าจะถูกตบหน้าหันเสียแล้ว
“แกต้องหาเงินมาให้ฉันแปดพัน” เขาบอกจำนวนเงิน
“ของแม่ด้วยลูก สองหมื่น” ปราณีรีบสมทบ
ปิ่นมุกน้ำตาร่วง เงินตั้งมากมายเธอจะไปหาจากไหน พวกเขาเป็นปลิงกันหรือไร ทำไมถึงสูบเลือดสูบเนื้อกันถึงเพียงนี้
“ปิ่นไม่หา ต่อไปนี้ปิ่นจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างใครอีกแล้ว พอกันที!” พูดจบก็รีบวิ่งออกจากบ้านโดยไม่สนเสียงทัดทานของใคร ในเมื่อความดีที่เพียรพยายามกระทำมาทั้งหมดไร้ค่าแล้วจะอยู่รองมือรองเท้าไปเพื่ออะไร ต่อให้รักบ้านหลังนั้นมากแค่ไหนเธอก็ไม่สามารถอยู่เป็นเครื่องจักรผลิตเงินให้สองแม่ลูกเกาะเป็นปลิงได้อีกแล้ว เหนื่อยกายยังพอทน หากเหนื่อยใจกับปัญหารุมเร้าร่างบางทนไม่ไหว
“นัทอยู่ไหน?” เสียงหวานกรอกลงไปยังปลายสาย กำมือถือเครื่องโปรดแน่น ตอนนี้เธออยู่ที่ป้ายรถเมล์ สองขาหมดกำลังที่จะก้าวต่อ
“ออกมาหาเราหน่อยได้ไหม”
น้ำเสียงสั่นเครือบอกเพื่อน นั่งรอไม่ถึงชั่วโมงรถของ ฐานัท ก็เคลื่อนมาจอดริมฟุตบาท ชายหนุ่มหน้าตาขาวตี๋ตกใจไม่น้อยที่เห็นสภาพของหญิงสาว ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาแทบดูไม่ได้
“ปิ่น”
“นัท”
ปิ่นมุกโผกอดเพื่อนชายคนสนิททันที หล่อนซบหน้าร้องไห้กับอกกว้าง ระบายความอัดอั้นผ่านหยดน้ำตาที่นานทีปีครั้งจะได้เห็น ฐานัทรู้โดยไม่ต้องถามว่าสาเหตุมาจากสิ่งใด ไม่แคล้วปัญหาครอบครัวเฮงซวยที่เขาไม่เคยเห็นด้วยกับการทนอยู่ของปิ่นมุก
“ไปคอนโดฯ เราก่อน”
ชายหนุ่มประคองร่างบางไปที่รถ ทุกการกระทำตกอยู่ในคลองสายตาของเฟอเดอริกตลอดเวลา
กรามแกร่งบดเบียดเป็นสันนูน นัยน์ตาสีฟ้าครามเริ่มเดือดราวทะเลคลั่ง
หึ! สมกับเป็นน้องของไอ้ปกเกล้าจริงๆ ต่อหน้าทำตัวสนิมนิมสร้อย แต่พอลับหลังก็อ่อยให้ท่าผู้ชาย มารยาสาไถยไม่มีใครเกิน ผู้หญิงอย่างปิ่นมุกสมควรตกเป็นเหยื่อให้กับไฟแค้นที่รอวันชำระล้างของเขามากที่สุด
“ปิ่นมุก!”
คอนโดฯ ของฐานัทค่อนข้างหรูหรามีระดับพอสมควร มีถึงสองชั้นด้วยกัน ห้องนอนกับห้องแต่งตัวแยกต่างหาก เขาเป็นลูกชายเจ้าของห้างทองชื่อดังประจำจังหวัดชลบุรี เข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังระดับประเทศ การพบกันครั้งแรกระหว่างฐานัทและปิ่นมุกเริ่มจากที่เขาซุ่มซ่ามทำกระเป๋าเงินตกอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ซึ่งคนที่เก็บได้ก็คือปิ่นมุก หล่อนทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเลยรีบวิ่งเอามาคืน วินาทีที่สายตาได้สบประสานมองร่างบาง หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง มันตะโกนก้องว่าเธอคือรักแรกพบ ฐานัทจึงแกล้งขอไลน์เธอโดยอ้างว่าจะหาเวลาเลี้ยงข้าวเพื่อเป็นการตอบแทน
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้รู้จักผู้หญิงที่ชื่อปิ่นมุกมากยิ่งขึ้น…
“เรื่องมันเป็นมายังไง พอจะเล่าให้เราฟังได้ไหม?” ฐานัทเอ่ยถาม
“เราทนไม่ไหวแล้วนัท” ริมฝีปากอิ่มสะท้าน “พวกเขากดขี่เรามากเกินไป ฮึก… เขาไม่เคยนึกถึงใจของเราเลย”
ฐานัทกัดฟันกรอด กราฟชีวิตของปิ่นมุกเขารับรู้และได้เห็นมาโดยตลอด หลายครั้งที่ต้องพยายามหักห้ามใจไม่ปรี่เข้าไปต่อยไอ้ปกเกล้า พี่ชายสารเลวจอมเอารัดเอาเปรียบ ถ้าไม่เห็นแก่ปิ่นมุกว่าจะต้องรับมือกับปัญหาที่จะตามมาทีหลัง เขาคงได้วางมวยกับไอ้บ้านั่นไปนานแล้ว
“เราบอกปิ่นแล้วว่าอย่าไปทน ความดีของปิ่นมันเอาชนะใจคนชั่วๆ พรรณนั้นไม่ได้หรอกนะ” ฐานัทต่อว่าอย่างมีอารมณ์
“เรารู้” ปิ่นมุกพยักหน้าทั้งน้ำตา “เราถึงเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างแล้วจากมานี่ไง” เธอเงยหน้ามองเพื่อนชาย
“มะ หมายความว่า ปิ่นยอมที่จะออกมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวแล้วใช่ไหม” ฐานัทตาวาว เขารอฟังประโยคนี้มานานเหลือเกิน
ถ้าหล่อนออกมาอยู่ข้างนอกจริงๆ เวลาเดือดร้อนสิ่งใดเขาจะได้หยิบยื่นความช่วยเหลือได้อย่างสะดวก
“อืม”
“เย่!” ฐานัทตบมือดังฉาด อาการดีอกดีใจทำให้ปิ่นมุกหลุดขำทั้งน้ำตา “ไงเรา… ยิ้มออกแล้วใช่ไหม”
“ตลกนัทนั่นแหละ อะไรจะดีใจขนาดนั้นพ่อคุณ” มือน้อยๆ ปาดน้ำตาบนแก้มใส กิริยาน่ารักเสมือนเด็กยิ่งทำให้ฐานัทหลงใหล
“เราดีใจที่ปิ่นจะได้เป็นอิสระจากพวกคนใจร้าย” ฐานัทจับมือเรียวกุมแน่น ปิ่นมุกสะดุ้งเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะจู่โจม
“ชีวิตของปิ่นมีค่าเกินกว่าจะทนอยู่กับคนแบบนั้น ปิ่นเลือกถูกแล้วที่เดินออกมา ปิ่นไม่ต้องกลัวว่าจะโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ต่อให้โลกใบนี้มันโหดร้ายเพียงใด เพื่อนคนนี้จะอยู่เคียงข้างปิ่นเสมอ”
รอยยิ้มจริงใจที่เขาไม่เคยมอบให้ใครนอกจากเธอ
“นัท”
ปิ่นมุกซาบซึ้งในไมตรี ฐานัทดีกับเธอเสมอมา ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะดูแคลนฐานะที่ต่ำต้อยกว่า มีแต่อยากช่วยเหลือ สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เธอคลายทุกข์ในวันที่เหนื่อยล้า
“เราขอบใจนัทมากนะ นัทเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราจริงๆ”
น้ำตารินไหลอาบแก้ม ฐานัทเช็ดมันออกอย่างแผ่วเบา
“ปิ่นรักนัทนะ”
ชายหนุ่มแสลงใจในคำว่ารัก เพราะความหมายที่เขาต้องการไม่ได้เป็นอย่างที่เธอรู้สึก
“นัทก็รักปิ่น”
รัก… ในแบบผู้ชายคนหนึ่ง