‘ใครทำร้ายพี่ บอกผมมา ใคร?!’
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดพลางจ้องหน้าพี่สาวต่างสายเลือดที่เขารักและทะนุถนอมยิ่งกว่าชีวิต
‘ฮือๆ พี่กลัว พี่กลัว’
สภาพน่าอดสูมองแล้วแสลงใจยิ่งนัก ร่องรอยการถูกทำร้ายกระจัดกระจายทั่วเนื้อนวล ใบหน้าสวยพริ้มเพราอันเป็นที่หมายปองของบรุษบวมปูด ไม่เหลือเค้าความงามสง่าให้เห็น ฟันซี่ล่างและบนหักถึงสี่ซี่ รวมถึงหางคิ้วแตกได้รอยเลือด จมูกและปากยังคงมีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่
‘ฮือ กลัว พี่กลัว พี่กลัว ฮือ’
หญิงสาวร้องไห้ยกมือไหว้ท่วมหัว ขอบตาลูกผู้ชายรื้นชื้น เห็นคนที่รักเจ็บ เขานั้นเจ็บยิ่งกว่า
‘พี่กลัวริค พี่กลัว มะ มัน จับพี่มัด มัน ฮือ ริค มัน ฮือ มัน’
น้ำเสียงหวาดกลัวพยายามจะพูดแต่แรงสะอื้นทำให้ไม่อาจเอื้อนเอ่ยจนจบได้
‘ไม่เป็นไรครับพี่ ไม่เป็นไร’
เฟอเดอริก โอบกอดพี่สาวด้วยความอ่อนโยนทั้งหมดที่มี จมูกโด่งฝังแนบติดเรือนผมสลวย ริมฝีปากหยักพร่ำพูดให้คนที่เผชิญกับความโหดร้ายได้ผ่อนคลาย แม้ไม่อาจช่วยให้ ‘ดุจดาว’ รู้สึกดีขึ้น แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้แบ่งเบาความหวาดผวาจากร่างที่สั่นเทาบ้างก็ยังดี
‘มันหลอกพี่ไป ฮือ มันหลอกพี่’
ดวงตาคู่คมแดงกร้าว กรามแกร่งบดขยี้จนได้ยินเสียงไรฟันกระทบดังกรอด ลมหายใจแค้นแสนแค้น
‘ใครที่มันทำร้ายพี่ ผมจะเอาคืนให้หมด!’
“กูขอโทษที่กลับมาช้า”
แดเนียลรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เพื่อนรักต้องคอยหลายวัน เฟอเดอริกส่ายหัวพลางอมยิ้ม เขารู้ว่าช่วงนี้มันกำลังติดเมีย ทั้งเด็กและสวยขนาดนั้น กุมหัวใจไอ้เพลย์บอยตัวร้ายได้อยู่หมัด หลงจนหัวปรักหัวปรำ แถมยังขี้หึงได้โล่อีกต่างหาก
“แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง”
แดเนียลทอดมองไปยังเตียงกว้าง ร่างบางนอนหลับพริ้ม ใบหน้าอ่อนเยาว์ช่างขัดกับอายุจริง เสมือนหล่อนเป็นเจ้าหญิงนิทราที่รอคอยให้เจ้าชายมาจุมพิตเพื่อพาตื่นจากฝันร้ายอันแสนยาวนาน
“กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว”
น้ำเสียงคนพูดอ่อนล้าเห็นได้ชัด แดเนียลยกมือตบบ่าให้กำลังใจเพื่อน
“เดี๋ยวถ้าตื่นแล้วกูช่วยดูแลให้”
“แล้วเมียมึงล่ะ”
เฟอเดอริกแอบกังวล ตอนนี้สถานะของแดเนียลไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว มันมีคนรู้ใจแล้ว จะให้มาอยู่ติดกับพี่สาวของเขาตลอดไปไม่ได้หรอก มันต้องกลับไปหาคนรักของมัน
“กูเคลียร์ได้”
ไหนๆ ก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้ว่าที่เจ้าสาวจนกว่าจะถึงวันงานแต่ง เขาก็ขอแบ่งเวลาแวะเวียนมาดูแลดุจดาวบ้าง อย่างน้อยก็ให้เธอกลับมายอมกินข้าวกินปลาตามเดิม
“ขอบใจมึงมากนะ” เฟอเดอริกยกยิ้มนิดๆ “กูแม่งไร้น้ำยาฉิบหาย พี่คนเดียวยังดูแลไม่ได้ กู…”
ก้อนสะอื้นจุกเสียดลำคอหนา ขอบตาร้อนผ่าว
“มึงอย่าคิดแบบนั้น มึงทำดีที่สุดแล้ว ถ้าดุจดาวไม่มีมึงเขาอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้”
แดเนียลไม่อยากให้เพื่อนคิดโทษตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟอเดอริกเอาแต่โทษตัวเอง ทุกความเจ็บปวดที่ดุจดาวเผชิญตอกย้ำหัวใจผู้ชายเย็นชาให้จมอยู่ในความทุกข์ หาความสุขไม่ได้นานนับหลายปี
“แล้วมึงได้ข่าวไอ้เวรนั่นบ้างไหม”
ต่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร เฟอเดอริกพยักหน้า
“กูรอให้มันกลับมา” แววตาคนพูดแข็งกร้าว
“มึงจะทำอะไร?”
แดเนียลเอ่ยปากถามตรงๆ คนถูกถามหัวเราะในลำคอ ทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างบนโซฟาตัวยาว หยิบบรั่นดีกระดกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เลือดในกายรุ่มร้อนยิ่งกว่าเก่า มือหนากำวัตถุทรงเรียวรีแน่น
“กูไม่ทำมันหรอก”
ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มเหี้ยม
“กูจะทำคนที่มันรัก กูจะทำ… ให้มันฉิบหายกันทั้งวงศ์ตระกูล!”
2 เดือนก่อนหน้า
หญิงสาวรูปร่างบอบบางในชุดยูนิฟอร์มของทางบริษัทฯ อันสง่าผ่าเผยกำลังทำสีหน้าหวาดกลัวสุดชีวิต ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริก น้ำตาเม็ดโตอาบแก้มเนียนจนแทบไร้สีเลือดซับผ่าน มือไม้สั่นเทายามดวงตาคมดุของบอสใหญ่จดจ้อง เกือบลืมหายใจชั่วขณะ เขากัดกรามแน่นขณะสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอ บ่งบอกให้รู้ว่าความเดือดอยู่ในระดับใด
“กล้าดีอย่างไรถึงโกงบริษัทฯ ของฉัน อยากตายใช่ไหม”
น้ำเสียงดุดันตวาดกร้าว ร่างน้อยสะดุ้งเฮือก สั่นเทิ้มราวกับลูกนกไร้รัง
“ไม่ใช่ค่ะ”
เธอพยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้สั่นตามร่างกาย จ้องตาโต้ตอบเขา ในเมื่อไม่ผิดก็ไม่จำเป็นต้องกลัว
“ดิฉันไม่เคยคิดคดโกงใคร เรื่องที่เกิดขึ้นดิฉันถูกใส่ร้าย ความจริงดิฉันทำตามคำสั่งของเลขาฯ ท่านเท่านั้น ดิฉันไม่รู้ว่าเขายักยอกเงินออกไปจากบริษัทฯ แล้วเอกสารที่เขาแจงมามีลายเซ็นต์ของท่านประธานครบถ้วนทุกประการ ดิฉันก็เลย…”
พลาดไป!
“เธอกำลังจะบอกว่าทุกอย่างเป็นความผิดของฉันสินะ”
เฟอเดอริกแสยะยิ้ม ยกมือเสยผมที่ปรกหน้าลวกๆ เสริมให้บุคลิกของเขาดูดิบเถื่อนขึ้นเป็นกอง
“มิบังอาจค่ะท่าน”
ปิ่นมุก ก้มหน้านิ่ง ความจริงมันก็ควรเป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ ในเมื่อทุกอย่างมันเอื้ออำนวยชวนให้เธอหลงเชื่อ อีกฝ่ายเตรียมเอกสารครบครัน มีลายเซ็นต์อนุมัติจากท่านประธานพร้อมสรรพ
“แต่ระดับผู้จัดการฝ่ายบัญชีอย่างเธอก็ควรตรวจเช็คข้อมูลให้ถี่ถ้วนไม่ใช่หรือ แบบนี้ถ้าใครเที่ยวปลอมลายเซ็นต์ของฉันแล้วเอาไปเบิกเงินเป็นร้อยเป็นพันล้าน บริษัทฯ ไม่ล่มจมเลยหรือไง”
วาจาดูแคลนแกมประชดประชัน ปิ่นมุกเถียงไม่ออก เริ่มเห็นข้อผิดพลาดของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งยอมจำนนในที่สุด