บทที่3

1106 Words
ผมยืนนิ่งให้เธอระบายความเจ็บปวดที่ต้นแขน อีกครั้งที่ผมเบนสายตาว่างเปล่ามองเธอ ผมไม่มีความรู้สึกใด ๆ ให้นอกจากความสะใจ ผมมีความสุขที่เห็นเธอร้องไห้คร่ำครวญ แม้เธอไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่อง แต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะที่เป็นลูกสาวของคนเลวระยำ “เฟิง ฉันไม่เหลือใครแล้ว ฮึก ได้ยินไหม ฉันไม่เหลืออะไรเลย !” หงส์ปล่อยโฮออกมาอย่างหมดท่า กลิ่นความสิ้นหวังลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ นอกจากต้องเสียพ่อแม่ไปแล้ว เธอยังเสียดวงตาไปด้วย และทั้งหมดนั่นเป็นฝีมือของผมเอง นึกไม่ออกเลย หากเธอรู้ว่าคนตรงหน้าที่หวังจะพึ่งพาอยู่เป็นคนคนเดียวกับที่ทำให้ชีวิตพังพินาศ เธอจะรู้สึกอย่างไร หึ แต่คงไม่มีวันนั้นเพราะเธอจะไม่มีวันได้รู้ได้เห็นอีกต่อไป หงส์จะต้องจมอยู่กับความมืดมนที่ผมประเคนให้ไปตลอดชีวิต “เธอมีฉันนะ หงส์” ผมก้มลงกระซิบแล้วกอดเธอไว้หลวม ๆ เธอไว้ใจผมโดยที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นั่นเพียงเพราะว่าผมเป็นคนช่วยเธอไว้ ช่างเป็นคุณหนูที่โง่งมจริง ๆ แววตาเย็นเยียบมองเธออย่างไร้ค่าในขณะที่มือข้างขวาลูบไล้แผ่นหลังแกล้งปลอบประโลมไปด้วย เธอจะรับรู้แค่ว่า ‘ผมคือคนที่ดีที่สุดสำหรับเธอ’ “ฉัน ฮึก ฉันจะอยู่ยังไง ฮือออ ไป ไปให้พ้น ! ฮือออ” หงส์ร้องไห้โวยวายปัดมือไม้ไปในอากาศ แต่กลับโดนผมเต็ม ๆ เพราะกำลังกอดเธอไว้อยู่ มือเล็กผลักให้ออกห่าง จากนั้นเธอก็ใช้มือข้างเดิมถูไถไปกับใบหน้า ก่อนจะจิกทึ้งเส้นผมเหมือนคนเสียสติ “ฉันมองไม่เห็น มองไม่เห็นอีกแล้ว ฮือออ” หงส์นั่งชันขาขึ้นแล้วฟุบหน้าลงกับหัวเข่าร้องไห้สะอื้นตัวโยนไปมา ในขณะที่ผมแค่ยืนดูเฉย ๆ ชินชากับภาพพวกนี้เกินกว่าจะมีความรู้สึกใด ๆ นักท่องเที่ยวที่โดนผมหลอก ส่วนใหญ่ก็จบด้วยการร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร บางคนถึงกับเป็นบ้าก็มีเพราะโดนผมตุ๋นซะล้มละลาย ฉะนั้นกับภาพผู้หญิงตาบอดนั่งร้องไห้ มันไม่สามารถกระตุกต่อมความรู้สึกในใจผมได้เลย เธอก็เหมือนกับเหยื่อชั้นดีคนอื่น ๆ หลอกเธอแค่คนเดียวผมมีกินไปทั้งชาติ สามีภรรยาคู่นั้นมันรวยมาก ๆ เป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของไทเป พวกมันมีลูกสาวแค่คนเดียวก็คือเธอ เมื่อตายไปสมบัติจะตกไปอยู่ไหนได้ถ้าไม่ใช่อยู่กับหงส์จริงไหม พวกมันได้ชดใช้ผมอย่างสาสมแน่คราวนี้ ผมเดินมาพิงขอบหน้าต่างแล้วมองจับจ้องความเคลื่อนไหวของคนบนเตียง อาการของเธอดีขึ้นแล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องไห้ เสียงสะอึกสะอื้นดังให้ได้ยินอย่างต่อเนื่องคล้ายกับกำลังขับขานบรรเลงบทเพลงแห่งความตาย ความเศร้าโศกผสมปนรวมกับมวลอากาศภายในห้อง ผมหลังตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าไปให้ลึกสุดปอด กลิ่นความเศร้า ความสิ้นหวัง ทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยจริง ๆ “เฟิง นายยังอยู่รึเปล่า เฟิง...” หลังจากหยุดร้องไห้เธอก็ร้องเรียกหาผมทันที หงส์กวาดมือมั่ว ๆ ไปในอากาศ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งยันกับเตียงผู้ป่วยไว้แล้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงสัมผัสกับพื้นห้อง ความเย็นของกระเบื้องทำให้เธอชักเท้าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเริ่มปรับสภาพได้จึงก้าวลงมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “เฟิง นายอยู่รึเปล่า” เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ เธอเลยร้องเรียกผมอีกครั้ง สองขาเรียวเล็กก้าวเดินด้วยความไม่มั่นใจ เธอก้าวแตะช้า ๆ อย่างระวัง ในขณะที่มือควานไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย หลายครั้งที่เดินชนอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่ตั้งอยู่ เพราะมองไม่เห็นเธอเลยเดินไปอย่างไร้ทิศทางจนเกือบจะสะดุดล้ม หมับ ! และเป็นผมที่เข้าไปรวบตัวเธอไว้ได้ทัน หงส์มองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ผมสัมผัสได้ถึงอัตราการเต้นหัวใจที่ถี่รัวของเธอ เดาว่าคงจะตกใจมาก เมื่อเริ่มปรับตัวได้เธอก็ตะปบมือสะเปะสะปะมาโดนต้นคอผม ซึ่งเป็นตำแหน่งของรอยสักองค์กรพอดี “คะ... ใคร” เธอถามขณะที่ผมประคองเธอให้ยืนด้วยตัวเอง “ฉันเอง” หงส์ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง คาดว่าเธอคงจำเสียงผมได้ “เฟิงเหรอ นายไปไหนมา” “หมออนุญาตให้เธอกลับ ฉันจะพาเธอกลับบ้านเอง” คำตอแหลของผมทำหงส์ยิ้มกว้างกว่าเดิม ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนสลดลง เธอคงคิดถึงพ่อแม่อีกแล้ว บ้านใหญ่โตขนาดนั้น หึ... แต่อีกไม่นานมันก็กลายเป็นของผมแล้ว ความจริงหมอไม่ได้อนุญาตอะไรหรอก ยังไม่ได้คุยเลยด้วยซ้ำ แต่เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการได้ สิ่งที่ต้องรีบทำคือพาเธอกลับบ้าน ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี ผมเดินไปหยิบไม้เท้าสำหรับคนพิการที่พิงอยู่ข้าง ๆ เตียงผู้ป่วยมาให้ถือ หงส์รับไว้ด้วยสีหน้าขมขื่น เธอยังรับสภาพปัจจุบันของตัวเองไม่ได้ “ไปกันเถอะ” ผมดันหลังเธอเบา ๆ ให้ออกเดิน หงส์ใช้ไม้เท้านำทางไม่ค่อยถนัดนักเพราะไม่คุ้นชิน ส่วนผมเองเดินข้าง ๆ คอยระวังสิ่งต่าง ๆ ให้ แน่นอนว่าข้างนอกคนเยอะพอสมควร เดี๋ยวจะผิดสังเกตเอาหากผมทำตัวห่างเหินเกินไป ผมพาหงส์มารอหน้าห้องหมอที่ตรวจและอ้างว่าผมจะเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็เข้าไปคุยเพื่อพาตัวเธอออกจากโรงพยาบาลโดยอ้างตัวว่าเป็นญาติ การจะพาตัวคนไข้ออกจากโรงพยาบาลในไทเปไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมเป็นนักต้มตุ๋นนะ เรื่องแค่นี้ชิว ๆ ว่ะ คุยนิดหลอกหน่อยหมอก็อนุญาตแถมสั่งยาให้ผมไปรับด้านล่างด้วย ผมกำกับให้หมอใส่ยาแก้ปวดไปเยอะ ๆ ประเภทที่ใช้ฉีด ตอนแรกหมอก็สงสัย แต่ด้วยเทคนิคชั้นเซียน หมอวัยชราหน้าตาใจดีเลยยอมเพิ่มยาให้ พอเสร็จเรื่องกับหมอแล้วผมก็ลงลิฟต์ไปที่ชั้นหนึ่งเพื่อรับยา ซึ่งคนค่อนข้างเยอะเลยพาเธอไปนั่งต่อคิว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD