ตอนที่1(ไอริสนักเขียนชื่อดัง)

1821 Words
คาเฟ่A 13:00น. ไอริส อันฤดี…. พรึบ “นี่!” “อะไรยะ?”ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของลูกหว้าเพื่อนสนิทสุดซี้ปึ๊กของฉันทันที ที่เธออยู่ๆก็มาตบโต๊ะของฉันที่กำลังนั่งเขียนนิยายหัวสมองแล่นๆอยู่เนี่ยดังสนั่นหวั่นไหวจนแมคบุ๊คของฉันเคลื่อนตัวไปตามแรงกระแทกของเธอ “ไอริสสสสสส” “ลากเสียงยานครางแบบนี้….ต้องมีเรื่องมาเบียดเบียนฉันอีกแล้วใช่ไหม?”ฉันหรี่ตามองใบหน้าหวานของเพื่อนสนิทอย่างรู้ทันทำให้ลูกหว้าเบะปากทันทีที่ฉันเดาทางเธอออก พรึบ “ช่วยซื้อบัตรคอนต่อจากฉันหน่อยจิ”เธอว่าพลางทำแววตาวิ้งๆเป็นประกายอย่างออดอ้อน ฉันก็ใช้มือขยับแว่นตาที่ไม่ใช่แว่นสายตาแต่เป็นแว่นกรองแสงมองหน้าเธอไปอย่างสงสัย “บัตรคอนเสิร์ตอ่ะน่ะ?”ฉันทวนคำพูดของเธอไปอย่างสงสัย “วงลูกทุ่งซัมเมอร์เหรอเปล่า?” “กี่บาทฉันทุ่มไม่อั้น^_^”ฉันว่าเสียงใสอย่างตื่นเต้นเพราะฉันชื่นชอบวงนักร้องลูกทุ่งมากเลยล่ะ “จะบ้าเหรอยะ…ฉันไม่ใช่สายดนตรีเก่าครำ่ครึโบราณอย่างเธอหรอก…” “อ้าว…แล้วบัตรคอนวงอะไร?”ฉันว่าอย่างเสียดาย “วง THE PRINCE ”ลูกหว้าว่าพลางบิดตัวเป็นเกียวหน้าตายิ้มหวานอย่างเขินอาย ฉันก็กระพริบตาปริบๆมองเธออย่างงงๆ “ที่แปลว่าเจ้าชายอ่ะน่ะ?” “เดี๋ยวนี้พวกเจ้าชายมาทำคอนเสิร์ตได้ด้วยเหรอ?”ฉันว่าอย่างนึกสงสัย “แกจะบ้าเหรอยะ….” “ไปมุดหัวอยู่ไหนมาเนี่ย…ถึงไม่รู้จักเดอะปรินซ์ของฉัน” “ฉันก็อยู่บ้าน…และก็อยู่ที่คาเฟ่ของแกเกือบทุกวันนี่ไง”ฉันว่าพร้อมกับทำตาปริบๆ เพราะวันๆหนึ่งฉันก็ไปมาแค่นี้จริงๆสายตาของฉันก็อยู่แต่ตัวหนังสือและพิมพ์นิยายจนนิ้วจะล็อคอยู่แล้ว โชคดีที่ฉันปิดเล่มไปแล้วเลยว่างหนึ่งเดือนเต็มๆถึงจะค่อยปั่นงานไปส่งสำนักพิมพ์ต่อน่ะ “โอ้ย…ฉันจะบ้าตาย…” พรึบ “นี่ตกลงแกจะเอาหรือเปล่า?”ลูกหว้าโอดครวญออกมากับความเฉิ่มเฉยของฉัน “ถ้าฉันไม่เอา…แกจะทำไง?”ฉันถามลูกหว้าไปอย่างสงสัย “ถ้าฉันจะไปขายในเพจน่ะ…แปปเดียวก็ขายได้เพราะเป็นระดับที่นั่งวีไอพีเลยนะ..” “จะได้เห็นทุกรูขุมขนของไดร์ฟ….หัวหน้าวง^_^” พรึบ “เลือดกำเดาแกไหล?”ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปหยิบทิชชูในกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะไปซับเลือดที่รูจมูกของยัยลูกหว้าอย่างรวดเร็ว “เอือก…ท่านไดร์ฟขา^_^” “เห้อ….เป็นเอามาก..”ฉันส่ายศีรษะไปมาอย่างรู้สึกสงสารและเวทนาเพื่อนรักของฉันที่คลั่งไคล้และหลงใหลตัวตนปลอมๆของนักร้องที่ถูกต้นสังกัดสร้างขึ้นมา บางทีนายไดร์ฟของยัยลูกหว้าอาจจะเป็นพวกซาดิสชอบชกต่อยและมีเซ็กส์เถื่อนก็ได้นะ…ใครจะไปรู้ล่ะจริงไหม 16:00น. “แกจะไปไหน?”เสียงเรียบตึงของลูกหว้าเอ่ยถามฉันทันทีอย่างไวในขณะที่ฉันเก็บสมุดวาดรูปปากกาดินสอและสีรวมไปถึงไอแพดกับแมคบุ๊คของฉันใส่ลงไปในกระเป๋าเป้ของฉันอย่างเตรียมพร้อม “ก็จะไปคอนเสิร์ตกับแกไง?”ฉันตอบลูกหว้าไป ไหนเธอบอกว่าเขาตรวจบัตรตอนหกโมงเย็นและคอนเสิร์ตจะเริ่มเเสดงตอนสองทุ่มครึ่งไม่ใช่เหรอไง และฉันก็โอนเงินสองหมื่นห้าพันบาทให้เธอไปแล้วด้วย ถ้าไม่ติดว่าฉันจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับแสงสีของคอนเสิร์ตเพื่อมาเขียนในนิยายนะ ฉันไม่มีทางเสียเงินเยอะขนาดนั้นกับเรื่องไร้สาระแบบนี้แน่ “ชุดเนี่ย?”ลูกหว้าว่าพลางมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าเท้าจรดหัวด้วยสายตาตกใจ “อืม….ทำไมอ่ะ?”ฉันก็มองเสื้อผ้าของตัวเองที่เป็นกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะหูคีบและเสื้อยืดรูปหมีน้อยน่ารัก “ถ้าแกจะไปงานคอนกับฉัน….กรุณาแต่งธีมเดียวกับฉันด้วยค่ะ…” “ไม่อ่ะ…”ฉันตอบปฏิเสธเธอไปอย่างไวด้วยท่าทางหวาดกลัวเธอ ก็ดูการแต่งตัวของลูกหว้าดิยังกับจะไปงานแฟนตาซีแนวพวกเจ้าหญิงในเทพนิยายอย่างงั้นอ่ะ “ยัยไอ!!”ลูกหว้าเรียกฉันเสียงดังอย่างไม่พอใจฉันที่ฉันกล้าขัดเธอ แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจในการเบะปากเรียกร้องความสนใจจากเธอกลับหยิบกระเป๋าเป้สีดำของฉันขึ้นมาสะพายไหล่ทั้งสองข้างทันทีเพื่อเตรียมพร้อมในการไปชมคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตของฉัน^_^ “ถ้าแกจะกระทืบเท้าอยู่ตรงนี้….ก็เรื่องของแกนะ…” “เพราะแกอาจะจะโดนตกหล่นจนไม่ได้เข้างานไม่รู้ด้วยนะ^_^”ฉันว่าทิ้งท้ายพูดลอยๆเพื่อบอกยัยลูกหว้าที่เธอยืนกระทืบเท้าอยู่ด้านหลังฉันอย่างไม่พอใจที่ฉันกล้าปฏิเสธเธอ ฉันต้องพูดขู่เธอ ไม่งั้น วันนี้ฉันกับยัยลูกหว้ามีหวังไปไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตวงเจ้าชายอะไรนั้นแน่ และฉันอาจจะสูญเสียเงินสองหมื่นห้าไปโดยเปล่าประโยชน์แน่ ฉันเดินลอยหน้าลอยตาออกมาจากร้านคาเฟ่ของยัยลูกหว้า โดยมียัยลูกหว้าวิ่งตามหลังฉันมาติดๆ ทำให้ฉันอมยิ้มขึ้นมาที่การขู่ของได้ผลจริงๆด้วย ถ้าฉันไม่ขู่เธอ บางทีฉันอาจจะต้องใส่ชุดธีมเดียวกับเธอก็ได้นะเนี่ย คิดแล้วขนลุกชะมัดเลย บริ๊ย! สวัสดีฉันชื่อ ไอริสเรียกว่าไอเฉยๆก็ได้ ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อกับแม่ ฉันเข้ามาเรียนและได้ทำงานที่เมืองหลวงเลยส่วนพ่อกับแม่ฉันอยู่ต่างจังหวัดนานๆฉันถึงจะได้กลับไปหาพวกท่านทีหนึ่งหรือไม่ก็พวกท่านมาเยี่ยมฉัน ส่วนมากพ่อกับแม่จะเป็นฝ่ายมาหาฉันเสียมากกว่าฉันไปหาท่านอีก ฉันเป็นนักเขียนชื่อดัง นามปากกาลมหนาวสำนักพิมพ์ สานฝัน ฉันชอบอากาศหนาวน่ะเลยตั้งชื่อนี้เป็นนามปากกาซะเลย และฉันก็อยากเป็นนักเขียนของสำนักพิมพ์สานฝันมาตั้งแต่ยังเด็กเลยล่ะ และฉันก็ได้เป็นจนได้ ชีวิตของฉันก็ไม่มีอะไรมากนอกจากอยู่กับจินตนาการ แต่สถานะของฉันไม่โสดนะคะ ฉันมีแฟนแล้วและฉันก็รักแฟนของฉันมากด้วย แต่แฟนฉันเขาเป็นดารานักแสดงหนุ่มที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตกอยู่ในตอนนี้ เรารู้จักกันได้สองปีแล้วไม่สิ ฉันรู้จักเขามาก่อนที่เขาจะรู้จักฉันต่างหากอีก เพราะฉันน่ะเป็นแฟนคลับตัวยงของเขา ส่วนเขาเพิ่งจะรู้จักฉันก็เมื่อตอนที่ฉันไปเที่ยวกองถ่ายและไปเดินสายโปรโมตละครที่นำบทนิยายของฉันไปสร้างเป็นละครน่ะ และฉันที่ชื่นชอบเขาอยู่แล้ว เลยทำให้ฉันสนิทและได้คบหากับพระเอกหนุ่มฮอตคนนั้น จนมาถึงปัจจุบันแต่สถานะของเราก็ต้องเก็บเป็นความลับเพราะเขาเป็นดาราแถวหน้าของเมืองไทยส่วนฉันเป็นแค่นักเขียนธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งฉันรู้ดีว่าฉันไม่มีอะไรอาจเอื้อมเขาได้เลยสักนิดเดียว คอนเสิร์ตวง THE PRINCE 21:30น. หน้าเวที ในโซนราคาบัตร สองหมื่นห้าพันบาท… “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด” “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดก” ฉันเอามือปิดหูทั้งสองข้างที่รู้สึกแสบแก้วหูกับเสียงกรีดร้องของเหล่าบรรดาแฟนคลับที่พากันยืนแออัดเบียดเสียดเป็นปลากระป๋องอยู่ด้านหลังของฉันและแรงกระแทกที่ดึงดันเข้ามาทำให้ร่างของฉันแนบชิดไปกับขอบของเวที นี่เหรอราคาบัตรสองหมื่นห้าพันบาทโอ้มายก๊อดดดดด!!!มันเป็นบัตรวีไอพีไม่ใช่เหรอไงฟ่ะ!! มันผิดจากจินตนาการที่ฉันวาดฝันไว้มากเลยนะ ว่ามันจะเป็นบัตรนั่งชมการแสดงอย่างสบายๆน่ะ แต่นี่อะไร!!! ทั้งอึดอัดทั้งหนวกหู ร่างของฉันจะแทบจะเละเป็นปลากระป๋องอยู่แล้วเนี่ย ยัยลูกหว้าก็เอาแต่ยกมือที่มีป้ายไฟเขียนว่า ท่านไดร์ฟขาาา..โชว์เด่นหราอยู่และดีดดิ้นร่างเล็กของเธอไปมา ฉันนี่ถึงกับต้องยกยาดมตรานกเอี้ยงบินขึ้นมาสูดดมแทบจะทันที อากาศถึงจะเป็นที่ลานกว้างมีพื้นที่เป็นร้อยไร่โปร่งโล่งแต่มันไม่ได้มีอากาศถ่ายเทเพราะคนมันเยอะมากจนจะแย่งอากาศกันหายใจอยู่แล้วเนี่ย! พรึบ “ฉันจะเป็นลม….”ฉันเอ่ยกระซิบที่ข้างหูของยัยลูกหว้าแต่เธอก็หันมาทำหน้างงเหมือนไม่ได้ยินที่ฉันพูด เพราะเสียงซาวด์เช็กเครื่องดนตรีผสมกับเสียงกรีดร้องกลบเสียงของฉันไปเสียสนิทเลย “ฉัน-จะ-เป็น-ลม”ฉันเลยพยายามพูดเน้นทีละคำเพื่อบอกยัยลูกหว้าไปใหม่ให้เธออ่านปากฉันแทน แต่เธอก็ยิ่งทำหน้างงเพิ่มขึ้นไปกว่าเดิมอีกจนกระทั่งเธอเลิกให้ความสนใจฉันและหันไปมองบนเวทีที่ทุกคนก็มองตรงไปยังบนเวทีและเสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวก็เพิ่มทวีคูณดังขึ้นกว่าเดิม จนคราวนี้ ฉันรับไม่ไหวแล้วจริงๆ หูฉัน ฉันสงสารหูของฉัน!! “กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” “สวัสดีครับ….พวกเราวง THE PRINCEครับ^_^”เสียงทุ้มละมุนของผู้ชายเอ่ยขึ้นนั่นยิ่งทำให้สาวๆต่างพากันอ่อนระทวยไปตามๆกันยกเว้นฉันคนหนึ่งแหละ เพราะฉันจะตายอยู่แล้วเนี่ย ไม่มีอารมณ์ไปอ่อนระทวยให้ใครหรอก “กรี๊ดดดดดดดท่านไดร์ฟขาาาาาาาาาาาาาาา”หูฉันแทบจะแตกแก้วหูแทบจะแตกแล้วเนี่ยกับเสียงกรีดร้องของยัยลูกหว้าที่ดังสนั่นหวั่นไหวกว่าชาวบ้านเขา พรึบ “ฉันจะไม่ทน!”ฉันพูดเสียงเข้มขึ้นพลางเอามือปิดหูและค่อยๆเดินแหวกฝูงชนที่พากันรุมทึ้งเบียดเสียดกันจนไม่สามารถจะมีทางเดินได้ กว่าจะผ่านไปได้จนถึงทางออกมันช่างทุลักทุเลด้วยความลำบากเสียจริงๆ แต่ฉันทนอยู่ตรงนี้ไม่ไหวแล้วนี่ไม่ใช่ที่ของฉัน!!!!! ฉันมาทำอะไรที่นี่….ฉันโอดครวญอย่างคนที่หมดอาลัยตายอยาก….เห้อ! เงินสองหมื่นห้าพันบาทของฉันT^T
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD