เนตรดาวเปิดประตูเข้ามาในห้องก็เห็นคนป่วยกำลังจัดดอกไม้ลงในแจกัน แทนที่จะนอนอย่างที่ควรจะเป็น หญิงสาวเดินไปหยิบเครื่องดื่มในครัวแล้วเดินมานั่งทีโซฟาหน้าทีวี พร้อมไอแพดที่พกติดตัวมาด้วย
“ทำไมไม่นอนล่ะพลอย แกต้องพักเยอะๆ นะ”
“เดี๋ยวจัดดอกไม้พวกนี้ลงแจกันแล้วค่อยนอน อันที่จริงอยู่ที่โรงพยาบาลก็นอนเยอะมากแล้วนะ”
“ฉันรู้ว่าแกไม่อยากนอนหรอก ที่พูดบนรถเพราะกลบเกลื่อนความอายเท่านั้นแหละ” เมื่อถูกรู้ทันก้านกุหลาบที่ถูกตัดกองไว้ก็ถูกโยนมาใส่เนตรดาวเป็นการแก้เขิน
“เขินเหรอ” เนตรดาวถามแล้วขำออกมาอย่างอดไม่ไหว
“เขินอะไรล่ะ หมั่นไส้ต่างหาก คนอะไรพูดกำกวมให้คนเข้าใจผิด”
“แต่ฉันว่าดีแล้วแหละ ที่คุณมาร์คให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้น จะได้ไม่มีใครมาวุ่นวายกับแก”
“แกหมายถึงใครเหรอ”
“ก็ไม่รู้สิ แค่คิดไปเองเฉยๆ อย่าลืมว่าไอ้คนที่ยิงแกมันเป็นลูกของนักการเมือง พ่อแม่มันอาจจะคิดหาวิธีช่วยลูกแบบที่ใครคาดไม่ถึงก็ได้” เนตรดาวรีบหาข้อแก้ตัวไปตามเรื่อง แต่จริงๆ แล้วเธอรู้ดีว่าที่เมฆาตอบนักข่าวไปแบบนั้นนอกจากต้องการปกป้องเพื่อนของเธอแล้ว เขายังต้องการประกาศความเป็นเจ้าของเพื่อนของเธอด้วย ร้ายไม่เบาเลยน้องมาร์คของเธอเนี่ย แต่พอถูกเพื่อนเธอโวยวาย เขาก็แก้ตัวแบบที่ทำให้เพื่อนเธอเป็นฝ่ายหน้าแตกเสียเองที่คิดว่าเขาแฝงความหมายอื่น
“แล้วที่หายไปคุยกับเขามานานสองนานเนี่ย คุยเรื่องอะไรกัน”
“ไม่มีอะไร คุณมาร์คเขาก็แค่ฝากให้ฉันช่วยดูแลแก ถ้ามีอะไรให้โทรหาเขาทันที ดูเขาเป็นห๊วงเป็นห่วงแกเนอะ” เนตรดาวเริ่มทำหน้าที่เชียร์เมฆาทันที คนฟังก้มยิ้มกับแจกันกุหลาบแต่ตอบไปอีกอย่าง
“จะมาห่วงอะไร ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย แผลแค่นี้ไกลหัวใจ แค่ยังเจ็บอยู่นิดๆ พรุ่งนี้ฉันว่าจะเข้าร้านแล้วล่ะ”
“ฉันว่าอย่าเพิ่งดีกว่า ไปทำนั่นทำนี่เดี๋ยวแผลจะอักเสบเปล่าๆ ให้หายสนิทก่อนดีกว่า” เสียงโทรศัพท์มือถือของพลอยขวัญดังขึ้นเมื่อหยิบมาดูก็พบว่าเป็นสายจากทางบ้านนั่นเอง และเป็นไปอย่างที่คิดพี่ชายของเธอเห็นข่าวจึงโทรมา
“พี่เห็นข่าวแล้วนะพลอย พลอยไปรู้จักกับไอ้พวกไฮโซอันธพาลนั่นได้ยังไง แล้วที่มันบอกว่าพลอยเป็นคนสำคัญของมันหมายความว่ายังไง” พี่ชายของเธอโวยวายอย่างไม่สบอารมณ์
“พี่พัฒน์ใจเย็นๆ ก่อน”
“จะให้พี่ใจเย็นได้ยังไง เลิกจากไอ้กันต์มาไม่ทันไร พลอยจะไปคบกับไอ้พวกลูกเศรษฐีไม่เอาถ่านอย่างนั้นเหรอ พี่ไม่ยอมเด็ดขาด วันๆ เอาแต่ผลาญเงินพ่อแม่และมีเรื่องทะเลาะวิวาทเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน คนแบบนี้พลอยอยู่ให้ไกลเลยนะพี่ขอเตือน”
“ไปกันใหญ่แล้ว เขาคือคนที่ช่วยพลอยไว้นะคะ ไม่ใช่อันธพาลสักหน่อย อันธพาลน่ะพลอยไม่เถียง แต่เป็นอีกคนไม่ใช่คุณมาร์ค ที่เขาให้สัมภาษณ์แบบนั้นเพราะต้องการปกป้องพลอย เพื่อไม่ให้ใครมาวุ่นวายกับพลอย”
“หมายความว่าไง”
“ก็คนที่ยิงพลอยมันเป็นลูกนักการเมืองดัง รัฐมนตรีเกรียงไกรไง พี่พัฒน์รู้จักไหม คุณมาร์คเขาเลยต้องการปกป้องพลอยเลยให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้น เขากลัวว่าคุณเกรียงไกรจะมาวุ่นวายกับพลอย เรื่องคดีความหรืออะไรก็ตามแต่เลยป้องกันไว้ก่อน มันไม่มีอะไรเลยค่ะ อีกอย่างเขาไม่ใช่อันธพาลผลาญเงินพ่อแม่นะคะ เขาทำงานมีกิจการของตัวเอง ส่วนคนที่ไม่เอาถ่านผลาญเงินพ่อแม่ไปวันๆ นั่นคือไอ้กรวิทย์ที่ยิงพลอยต่างหาก และสาเหตุที่พลอยถูกยิงมันเริ่มจากคุณมาร์คมาช่วยพลอยตอนที่โดนไอ้กรวิทย์ลวนลาม พอมันสู้ไม่ได้ก็คิดจะเอาปืนมายิง พลอยเห็นเข้าเสียก่อนเลยผลักคุณมาร์คให้พ้นวิถีกระสุน แต่พลอยหลบไม่พ้นเลยโดนยิงถากๆ” พลอยขวัญรีบอธิบายโดยไม่เปิดช่องให้พี่ชายค้านเพราะไม่อยากให้เขาเข้าใจเมฆาผิด เพราะอย่างน้อยเขาก็ช่วยเธอเอาไว้ถึงสองครั้ง
“พี่ว่าไม่ใช่แค่นั้นหรอก”
“จะแค่ไหนก็ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันไม่มีอะไร พี่พัฒน์ไม่ต้องสนใจหรอก ส่วนเรื่องคดีความครอบครัวคุณมาร์คเขาจะจัดการเอง พลอยแค่มีหน้าที่ให้ปากคำแค่นั้น”
“ถ้าไม่มีอะไรก็ดี พี่แค่เป็นห่วงไม่อยากให้น้องสาวของพี่ไปคบคนไม่ดีอีก คราวไอ้กันต์ก็แทบปางตายมาแล้ว ต่อไปนี้จะคบใครก็ดูดีๆ หน่อย หรือจะไม่มีเลยก็ได้ น้องสาวคนเดียวพี่เลี้ยงได้”
“เรื่องนั้นพี่พัฒน์ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พลอยไม่คิดจะมีใครตอนนี้หรอก ขอทุ่มเทให้กับงานดีกว่า”
“ไอ้คนที่พูดแบบนี้ สุดท้ายไม่รอดสักราย เผลอแปปเดียวอุ้มลูกแล้ว”
“ไม่ใช่พลอยหรอกน่า พลอยรออุ้มหลานแล้วกัน” หลังจากนั้นพลอยขวัญก็คุยกับพี่ชายอยู่อีกชั่วครู่เพื่อรายงานว่าเธอออกจากโรงพยาบาลมาพักที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่พี่ชายเธอจะวางสายไป
“พี่พัฒน์เนี่ย จมูกไวเหมือนกันนะ การข่าวรวดเร็วทันใจดีจริงๆ” เนตรดาวเอ่ยชมพี่ชายของเพื่อนที่เธอมีโอกาสเจอตอนไปเที่ยวบ้านของพลอยขวัญ
“หูผีจมูกมดเลยล่ะ เห็นอยู่ในไร่ในสวนแบบนั้น แต่การข่าวเร็วมาก”
“ว่าแต่แกเนี่ย รีบอธิบายไม่เว้นช่องให้พี่แกค้านเลยนะ ทำไมเหรอ กลัวเขาจะเข้าใจฮีโร่ของแกผิดหรือไง”
“อะไรของแก ก็พี่ชายฉันเข้าใจผิด ฉันก็ต้องรีบอธิบายไม่ใช่หรือไง อย่างน้อยคุณมาร์คเขาก็มีบุญคุณที่ช่วยฉัน เราต่างช่วยกันและกันถือว่าหายกัน”
“แค่นั้นแน่นะ”
“ก็แค่นั้นน่ะสิ จะแค่ไหนกันล่ะ”
“โอเค แค่นี้ก็แค่นี้”
“แกจะดูซีรีส์ก็ดูไปเลย ฉันจะนอนฟังเพลงกับหาข้อมูลการรับจัดดอกไม้นอกสถานที่สักหน่อย” หลังจากนั้นสองสาวก็แยกย้ายกันคนละมุมและทำกิจกรรมของตัวเอง เวลาผ่านไปพักใหญ่เมื่อเนตรดาวเหลือบมองเพื่อนก็พบว่า พลอยขวัญนั้นหลับคาโทรศัพท์ไปแล้ว
‘บี1 เรียก บี2 ตอนนี้เป้าหมายหลับไปแล้วค่ะ’ เนตรดาวไลน์ไปรายงานเมฆาอย่างที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเขาก็เปิดอ่านทันทีเหมือนรออยู่แล้ว แถมยังเล่นกับเธออีกต่างหาก
‘รับทราบครับบี1 ขอบคุณมากครับ’ เนตรดาวหัวเราะคิกคักกับโทรศัพท์ก่อนจะดูซีรีส์ต่อไป ส่วนคนป่วยที่กำลังหลับสบายนั้น ไม่รู้เลยว่าเพื่อนรักของตัวเองได้เปิดประตูรับข้าศึกเข้าบ้านมาแล้วอย่างแสนเต็มอกเต็มใจ
ผ่านไปแค่สามวันพลอยขวัญก็ไม่สามารถทนอยู่ที่คอนโดเฉยๆ ต่อไปได้อีก หญิงสาวกลับมาทำงานที่ Flower Lover โดยมีพนักงานในร้านเข้ามารุมถามไถ่อย่างเป็นห่วง หลังจากพากันโทรถามอาการตั้งแต่ทราบข่าว เมื่อเห็นว่าเธอหายดีทุกคนก็มีท่าทีโล่งใจและแยกย้ายกันไปทำงาน ยกเว้นสรัยฉัตรพนักงานที่ทำงานกับเธอมาตั้งแต่เริ่มเปิดร้านและมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าคอยดูแลร้านแทนเธอที่ยังยืนอ้ำอึ้งอยู่
“พี่ส้มมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เอ่อ…คือว่า…”
“พี่ส้มมีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“ตอนที่คุณพลอยมีข่าวว่าถูกยิงและอยู่โรงพยาบาล คุณกันต์เขาโทรเข้ามาที่ร้านและถามอาการของคุณพลอย และฝากบอกว่าให้น้องพลอยเลิกบล็อกเบอร์ด้วยค่ะ” ชื่อของอดีตคนรักทำให้พลอยขวัญต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายที่เขายังพยายามจะมายุ่งวุ่นวายกับเธอ ทั้งที่ทำกับเธอไว้อย่างเจ็บแสบ
“ถ้าเขาโทรมาอีก พี่ส้มก็บอกไปเลยนะคะว่าไม่ต้องโทรมาอีก ถ้าเขายังไม่เลิกพี่ส้มก็ด่าไปได้เลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจพลอย เพราะเขากับพลอยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”
“ได้ค่ะ ถ้างั้นพี่ไปทำงานก่อนนะคะ” พลอยขวัญถอนหายใจและหมดอารมณ์จะช่วยเด็กในร้านจัดดอกไม้ส่งให้ลูกค้า จึงเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวที่มีไว้สำหรับทำงานด้านเอกสาร เมื่อนั่งนิ่งๆ และสำรวจความรู้สึกตัวเองพลอยขวัญก็พบว่าเธอไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรอีกแล้วกับอดีตคนรัก แต่กลับรู้สึกรำคาญและไม่เข้าใจว่าทำไมตอนมีเธออยู่ถึงไปวุ่นวายกับผู้หญิงคนอื่น แต่พอเธอให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นสมใจ เขากลับพยายามจะมาวุ่นวายกับเธออีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจผู้ชายมักมากคิดจะจับปลาสองมืออย่างกษิดิศ เธอไม่มีวันย้อนกลับไปคบหากับผู้ชายโลเลหลายใจอย่างนั้นอย่างแน่นอน พลอยขวัญถือโอกาสตรวจเช็กเอกสารต่างๆ ที่กองอยู่บนโต๊ะ หลังจากไม่ได้มาทำงานหลายวัน รวมถึงเปิดคอมพิวเตอร์เช็กสต็อกดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่ถูกส่งเข้ามาช่วงที่เธอไม่อยู่ หญิงสาวทำงานเพลินจนกระทั่งถึงเที่ยงจึงมีเสียงเคาะประตูจากเด็กในร้าน
“คุณพลอยคะ อาหารที่สั่งมาส่งแล้วค่ะ” พลอยขวัญขมวดคิ้ว เพราะเธอทำงานเพลินจนแทบจะลืมเวลาด้วยซ้ำ ยังไม่ทันได้สั่งอาหารใดๆ ทั้งนั้น
“พลอยไม่ได้สั่งนะคะ”
“อ้าว เหรอคะ” พนักงานทำหน้างงก่อนจะหันไปมองหน้ากัน พลอยขวัญรีบเดินไปดูถุงอาหารหลายใบที่มีตราสัญลักษณ์ของร้านอาหารชื่อดังที่เด็กในร้านนำมาวางไว้บนโต๊ะทานอาหารในครัวเล็กๆ ด้านหลังร้าน
“แต่คนส่งเขาบอกชื่อร้านถูกนะคะ” พลอยขวัญถึงบางอ้อเมื่อเสียงไลน์ในโทรศัพท์เธอดังขึ้น
‘ทานให้อร่อยนะครับ คุณเพิ่งหายป่วยต้องทานอาหารดีๆ มีประโยชน์ ผมสั่งเผื่อเด็กๆ ในร้านคุณด้วยนะ ผมไม่รู้ว่าพลอยชอบทานอะไรเลยสั่งไปหลายๆ อย่าง หวังว่าจะชอบนะครับ…เมฆา’ พลอยขวัญเผลอยิ้มก่อนจะรีบทำสีหน้าเป็นปกติเมื่อเห็นเด็กๆ ในร้านและสรัยฉัตรมองมาอย่างสงสัย
“เอ่อ เพื่อนพลอยเขาส่งมาให้น่ะค่ะ พอดีว่าไม่ได้บอกก่อนพลอยเลยไม่ทราบ พี่ส้มกับคนอื่นๆ ทานกันตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวพลอยจะไปทานในห้อง” พลอยขวัญหยิบเอาอาหารถุงหนึ่งขึ้นมา โดยไม่ได้มองด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร ก่อนจะรีบเดินกลับห้องทำงานทันที คล้อยหลังพลอยขวัญเด็กในร้านก็หันไปถามสรัยฉัตรอย่างสงสัย
“พี่ส้มเห็นเหมือนที่หนูเห็นไหม ตะกี้หนูว่าหนูเห็นคุณพลอยยิ้มตอนอ่านไลน์นะ อาการมันไม่เหมือนอ่านไลน์เพื่อนเลยนะ หรือว่า…”
“พูดมากน่าโอปอล์ ไปกินข้าวกันเถอะ ดูสิมีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย”
“หูย อันนี้กุ้งตัวเบ้อเริ่มเลยพี่ส้ม ลาภปากแท้ๆ เพื่อนคุณพลอยนี่ท่าทางจะรวยน่าดู เพราะดูจากหน้าตาและคุณภาพแล้วอาหารพวกนี้ต้องแพงแน่ๆ” สรัยฉัตรไม่ได้ตอบอะไร แต่แอบมองตามเจ้านายสาวที่เดินกลับเข้าไปในห้อง เธอเองก็คิดไม่ต่างจากโอปอล์และจะดีใจมากถ้าเจ้านายสาวของเธอจะมีผู้ชายดีๆ มาดูแล