เด็กหญิงกำลังใช้นิ้วชี้เขี่ยวนขมับทั้งสองข้างของตน เพื่อจะได้เกิดปัญญาผุดความคิดดี ๆ ที่จะทำให้แม่ตัดพ่อได้อย่างเด็ดขาด ถึงตอนนี้จะเริ่มเอนเอียงแล้วก็ตามแต่การจะพานางกับพี่ชายไปจากพ่อก็ไม่ใช่จะทำได้ง่าย ๆ ท่านแม่นะถูกสอนมาให้เป็นช้างเท้าหลัง หารู้ไม่ว่าควาญช้างดีกว่าเยอะเลย
“น้องสาว นั่นทำอะไร?” พี่ชายเห็นน้องเอานิ้วแตะน้ำลายที่ปลายลิ้น แล้วจึงนำขึ้นไปนวดขมับ หรือว่านี่จะเป็นวิธีรักษาอาการปวดหัวแบบใหม่
“ข้ากำลังใช้ความคิดอยู่”
“ใช้ความคิด ใช้ทำไม ไม่เข้าใจ”
“ก็ใช้หาพ่อใหม่ไง”
“เอ๋! มันใช้ได้ด้วยหรือ น้ำลายนะ”
“อืม อันที่จริงก็ไม่เกี่ยวหรอก ทำไปอย่างนั้นเฉย ๆ”
“อ้าว! แบบนี้จะต้องสระผมนะ สกปรก”
เจ็บจี๊ดเลย! พี่ชายกำลังบอกว่าข้าซกมกใช่ป่ะ จะว่าไปมันมีกลิ่นตุ ๆ สงสัยจะต้องแปรงฟันให้สะอาดกว่านี้
“น้องสาวไปเร็ว ท่านพ่อกับเมียน้อยใกล้จะมาแล้ว หนีเข้าห้องกัน”
“ไป ๆ ข้าไม่อยากเห็นหรอก ไม่ชอบเลย!”
“ข้าก็ไม่ชอบ!”
ตอนนี้สองพี่น้องไม่ปลื้มบิดาตนเอามาก ๆ จึงหลบหน้าไม่ยอมปรากฏตัวให้เห็น และพวกเขาไม่ได้ร่วมโต๊ะกับบิดานานแล้ว จะว่าไปน่าจะตั้งแต่เขาเอาชิวอี๋เข้าบ้าน หากไม่ใช่เพราะท่านปู่ท่านย่าตายไป พ่อคงไม่สามารถพาคนรักเก่าเหยียบผ่านประตูบ้านเข้ามา เนื่องจากท่านทั้งสองไม่ชอบสตรีนางนี้ ถึงได้ให้แม่สื่อทาบทามท่านแม่มาเป็นสะใภ้แทน และยังเมตตาเอ็นดูไม่คิดรังเกียจ แม้ชาติกำเนิดจะไม่เหมาะสมกับบุตรชายก็ตาม
“อันใดกัน! ทำไมบ้านช่องจึงมีแต่ฝุ่นเยี่ยงนี้ ฮูหยินเจ้าหัดขยันและเกียจคร้านให้น้อยลงหน่อยเถอะ”
“ข้าทำแล้ว แต่มีลมพัดเข้ามา จึงมีฝุ่นให้เห็นอยู่บ้าง”
“ข้ออ้าง” อนุคนโปรดเหลือกตาแบะปากใส่ภรรยาเอกอย่างไม่สนหน้าใคร เมียหลวงแล้วไง สามีไม่เอามันจะมีประโยชน์อะไร เพียงของเก่าค้างปี
“หากอนุเช่นเจ้าทำได้ดีกว่าข้า เช่นนั้นเจ้าก็ลองมาทำให้เป็นตัวอย่างสักวันสิ”
“คิก ๆ ที่แท้ฮูหยินริษยาที่ข้าได้ไปไหนมาไหนกับท่านพี่ จึงแกล้งทำลวก ๆ โธ่! ไม่คิดว่าตัวท่านเองกำลังเรียกร้องความสนใจจากท่านพี่ด้วยการเอางานบ้านมาต่อรองอยู่หรือ เด็กจังเลยนะเจ้าคะ!”
ทำให้โง่สิ คนฉลาดเขารู้จักใช้ปากเจรจา ไม่เหมือนพวกไม่มีสมอง ก้มหน้าทำงาน จงเป็นขี้ข้าต่อไปเถอะ อย่าสะเหล่อ!
“ฮูหยิน เจ้านี่ช่างเบาปัญญานัก ชอบก่อเรื่องหาความผู้อื่น”
“ข้าเปล่า”
“ยังจะเถียงอีก แทนที่จะรีบจัดการทำให้เรียบร้อย ยืนเซ่ออยู่ทำไมกัน”
“ข้าไม่ว่าง ต้องไปกับข้าวต่อ นอกจากว่าท่านจะไม่กิน เช่นนั้นข้าจะทำให้หมดจดไม่มีฝุ่นสักเม็ด”
“อีเหนียง!”
“ตกลงจะให้ข้าเก็บวิญญาณฝุ่นอยู่รึไม่ จะได้ไปหอบถังน้ำกับผ้ามา”
หลี่หวงอึ้งกับวาจาแปลก ๆ ของภรรยา ที่จริงหมู่นี้นางดูเบื่อหน่ายแต่ไม่เคยโต้เถียงเขาจึงไม่สนใจ ทว่าวันนี้นางกลับมองเขาเหมือนตัวน่ารำคาญทั้งยังทำเฉยเมยต่างจากทุกครั้งที่จะบีบน้ำตาขอความเห็นใจ ไม่แม้จะมองหน้าหรือสบตาตน บางทีอาจทำไปเพื่อเรียกความสนใจจากเขา
“ย่อมต้องเช็ด ในเมื่อเจ้าไม่อยากทำอาหารนักเช่นนั้นก็ไม่ต้องทำ ข้าจะพาชิวอี๋ออกไปเหลาอาหาร ถือว่าพานางไปผ่อนคลาย ส่วนเจ้าก็ทำงานไป แต่อย่าให้มีฝุ่นสักเม็ดตอนข้ากลับมา”
ถึงแม้ว่าการกินอาหารข้างนอกหนึ่งมื้อจะแพงมาก แต่เขาไม่จำเป็นต้องง้อนาง ถึงกับกล้าต่อรองว่าจะไม่ทำข้าวเย็น ก็ลองดูว่าเจ้าจะทำให้ไม่มีฝุ่นได้รึไม่
อี๋เหนียงไม่กล่าวคำใด เดินออกไปหาถังน้ำกับผ้ามาเช็ดทำความสะอาดใหม่อย่างที่เขาต้องการ ตอนนี้นางเริ่มมีความคิดว่าการอยู่ที่นี่มันแย่จริง ๆ และคงปวดใจมากหากวันหนึ่งบุตรมีชะตาเดียวกันกับตน หรือนางควรหาช่องทางทำกินไว้แต่เนิ่น ๆ เมื่อมีเงินมีงานแล้วจะพาลูกออกไปอยู่เองได้ ไม่ต้องเหนื่อยเป็นบ่าวให้ใคร สมองครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรดี มือก็สาละวนทำงาน หยิบผ้ามาเช็ดทำความสะอาดไปด้วย ไม่ได้สนใจสามีกับอนุภรรยาที่มองมา
“ท่านพี่ดูฮูหยินสิเจ้าคะ นางคิดท้าทายท่านด้วย เดี๋ยวนี้ชักจะหัวแข็งใหญ่แล้ว”
“ไปกันเถอะ”
ก่อนไปทั้งคู่ยังใช้หางตามองอีเหนียง ที่ยืนเช็ดทำความสะอาดอย่างเป็นธรรมชาติเช่นเดิม หลี่หวงรู้สึกไม่ชอบใจนักที่เห็นภรรยาทำแบบนี้จึงเดินออกไปออกไปอย่างขุ่นมัว
“สุดยอด! ท่านแม่เถียงท่านพ่อด้วย”
สองพี่น้องที่แอบดูอยู่แทบจะปรบมือให้มารดา ต้องแบบนี้สิขืนยังก้มหน้าเหมือนเดิมท่านจะต้องเหนื่อย พูดหนึ่งคำลดงานไปได้หนึ่งอย่าง บิดาเรื่องมากขนาดนั้นทำดีให้ตายอย่างไรเขาก็หาเรื่องมาบ่นท่าน
“พี่ชายเราไปช่วยท่านแม่กัน”
“ช่วย?”
“อื้อ” เด็กหญิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ทำไมพอเขาเห็นน้องยิ้มถึงไม่สบายใจเลย
“แท่น แทน แท้น!”
“เอ่อหลิงเอ๋อร์ แม่ว่าเจ้าทำแบบนี้คงไม่ดีนะลูก”
“ทำไมไม่ดีเจ้าคะ ท่านพ่อบอกว่าห้ามไม่ให้มีฝุ่น นี่ไงไม่มีเลยสักเม็ด”
“....” พี่ชายกับมารดาคิดตามแล้วก็เห็นด้วย เพียงแต่มันค่อนข้างจะหัวหมอไปหน่อยแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเอาน้ำมาราดพื้นจนเจิ่งนองทำไม่มีฝุ่นจริง ๆ
“ท่านแม่อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ ข้าหิวแล้ว วันนี้ท่านทำบะหมี่ให้ข้ากินได้มั้ย ป่านนี้ท่านพ่อกับเมียน้อยเอ๊ย! ท่านน้าคงกำลังนั่งกินของอร่อยกันสองคน” ยุเข้าไป ยุให้แม่เบื่อพ่อเร็ว ๆ
“ได้ วันนี้ข้าจะทำบะหมี่ไก่ฉีกให้เจ้าสองพี่น้องกิน”
“ขอไข่ต้มด้วยได้ไหมขอรับ”
“ได้สิ วันนี้พ่อเจ้าไม่อยู่ เราจะกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
“ดีจังเจ้าค่ะ แต่เสียดาย”
“อะไรหรือ หืม”
“ถ้าท่านแม่มีเงินเป็นของตัวเอง หาได้เอง เวลาจะทำหรืออยากซื้ออะไร ก็ไม่ต้องเกรงใจ ต้องคอยมองสีหน้าท่านพ่อ ข้าเห็นเด็กบางคนเดินไปอ้อนขอซื้อขนมแล้วอิจฉามาก”
“จริงของเจ้า แต่ลูกชาวนาอย่างแม่ นอกจากออกไปรับจ้างใช้แรงงานแล้ว อย่างอื่นก็ทำไม่เป็น อีกทั้งลำพังดูแลบ้านให้ถูกใจบิดาเจ้าแทบไม่ว่างไปทำอย่างอื่น”
“เช่นนั้นเราก็ใช้เวลาที่ท่านพ่ออยู่กับท่านน้าสิเจ้าคะ อีกอย่างท่านพ่อบ่นท่านแม่ทุกวัน ทำไม่ทำท่านพ่อก็พูด”
“เจ้ากำลังจะบอกว่า ทำก็ด่า ไม่ทำก็ด่า เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำใช่มั้ย”
“ข้าเปล่านะเจ้าคะ! ข้าเป็นเด็กดี จะบอกแบบนั้นได้ยังไง”
“โอ้! เด็กดีที่ขอให้ข้าหาพ่อใหม่ให้สินะ”
“แหม! ท่านแม่ก็ พ่อเก่าไม่ดีข้าต้องอยากได้ใหม่เป็นธรรมดา”
“ฟังเจ้าพูดเข้า เรื่องอื่นช่างก่อน เราเข้าครัวทำบะหมี่กินกัน”
“ขอรับ / เจ้าค่ะ”
อีเหนียงมองลูก ๆ วิ่งนำหน้าไปอย่างร่าเริง ดูเหมือนว่าพวกเขาพี่น้องไม่ได้น้อยใจงอนบิดา และพูดไปอย่างนั้นเอง แต่ทั้งคู่ดูไม่ต้องการพ่อของพวกเขาจริง หากเป็นเช่นนี้นางควรจะลองทำตามใจตัวเองสักครั้ง
ความจริงแล้วอีเหนียงไม่ได้รักใคร่ชอบใจสามีตนนัก นางแต่งงานเพราะขัดคำบิดามารดาไม่ได้ ยิ่งเห็นว่าเขาไม่เคยพอใจตน แม้จะปรนนิบัติทำหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ไม่เพียงไม่ให้เกียรติแต่ยังทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ ทั้งวาจาการกระทำ ที่น่าแค้นใจคือเขาแต่งเอาอนุนามว่าชิวอี๋เข้าบ้านอย่างยิ่งใหญ่ จนผู้คนต่างหัวเราะเย้ยหยันเมียเอกเช่นตน
ทั้งปล่อยให้สตรีผู้นี้เหยียบหัวรังแก ถึงอย่างนั้นนางพยายามอดทนจนกระทั่งอีกฝ่ายผลักบุตรตกน้ำ สามีกลับเชื่ออนุและกล่าวโทษด่าทอตน ลูกนอนไม่ได้สติคนเป็นพ่อเอาแต่กกกอดเมียน้อยไม่สนใจ มีแต่หลี่เหมินที่เที่ยวมาดูหลานหาหยูกยาคอยดูแลเป็นอย่างดี ฟางเส้นสุดท้ายจึงขาดผึง หลิงเอ๋อร์พูดถูก มีพ่อเช่นนี้ไม่ต้องมีก็ได้
“ท่านพี่ อาหารไม่ถูกปากหรือเจ้าคะ” ชิวอี๋เห็นสามีเอาแต่เขี่ยอาหารในจาน ทว่ากินเข้าไปจริงแค่ไม่กี่คำ นางรู้ว่าเขาเป็นคนเรื่องมากกินยาก แต่อย่างไรก็สั่งมาตั้งมากจะทิ้งขว้างคงทำให้พ่อครัวรู้สึกไม่ดี เพราะนางรู้จักกับคนในภัตตาคารนี้หลายคน จึงเกรงอกเกรงใจพวกเขา
“เปล่าหรอก แต่ข้าไม่อยากอาหารเท่าใด” หลี่หวงถอนหายใจ ก่อนจะวางตะเกียบลง มองของมันเลี่ยนน้ำมันลอยเยิ้มแล้วไม่อยากจะกลืน อุตส่าห์กำชับเรื่องรสชาติแต่เหมือนพวกเขาจะไม่ใส่ใจ
“ท่านก็ฝืนกินสักหน่อย ไม่เช่นนั้นดึกจะหิวและล้มป่วย ทำงานหนักขนาดนี้หากไม่รักษาสุขภาพจะส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคต”
“ล้วนเป็นเจ้าที่ใส่ใจห่วงใยข้า”
“ข้าย่อมห่วงท่านเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้น ข้าจะกินรองท้องสักหน่อย”
“ดีเจ้าค่ะ ข้าว่าขากลับจะแวะซื้อซุปร้อน ๆ กลับไปเผื่อไว้ เกิดท่านรู้สึกหิวจะได้มีอะไรกิน เพราะกว่าเราจะกลับฮูหยินคงเข้าห้องนอนหลับฝันดี”
“หึ! ช่างเป็นสตรีที่ไร้ประโยชน์ ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมท่านพ่อกับท่านแม่ถึงได้เอ็นดูนาง ทั้งที่เจ้ามีความเข้าอกเข้าใจข้ายิ่งกว่า ถ้าตอนนั้นท่านทั้งสองไม่ยื่นคำขาดค้านหัวชนฝา ข้าคงแต่งงานกับเจ้าและอยู่กันอย่างมีความสุข”
“แต่ตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกัน ขอเพียงท่านรักข้าให้มากกว่า ปกป้องข้าไม่ให้นางกับลูกรังแก ข้าก็มีความสุข เสียดายเพียงต้องอยู่ในฐานะอนุที่มีฮูหยินเอกเป็นบุตรสาวชาวนา ถ้านางมีชาติกำเนิดที่ดีกว่าข้า อาจจะพอมองหน้ากันติดบ้าง”
อย่างไรชิวอี๋ก็มีชาติกำเนิดที่เหนือกว่า ถึงจะมีฐานะเป็นเมียน้อยแต่นางรักกับหลี่หวงมาก่อน ทั้งยังรังเกียจสตรีที่ต่ำกว่าทว่ากลับได้เป็นเมียเอก ด้วยเหตุนี้นางจึงเกลียดอีเหนียงมาก ที่ไม่เพียงแย่งคนรักของตนแต่ยังไม่คู่ควรที่จะได้รับการเคารพ