ทำงานให้คุ้มค่าจ้างด้วย.....
อี้ซานกลับมาทำงานในส่วนของเขาที่จำเป็นต้องทำ อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องทำงานก็ได้เพราะเงินทองที่ดินต่างๆ เขามีเยอะจนใช้ไม่หมด เขาก็อยู่เพียงคนเดียวไม่สิ มีเจ้ามู่เฉินอีกคน มีกันแค่สองคน
หลังจากที่กลับมาจากที่ทำงานอี้ซานก็รีบไปจัดการชำระล้างร่างกายของตัวเองทันที เขาสามารถดื่มและกินอาหารอย่างมนุษย์ธรรมดาทั่วไปทำกันได้ แต่เขาก็ทำแค่เพื่อตบตามนุษย์ทั้งหลายก็เท่านั้น เขาไม่ได้หิวโหยเหมือนมนุษย์ทั่วไป เพราะเขาไม่จำเป็นต้องกินอาหารพวกนี้เขาก็อิ่มได้ อิ่มทิพย์น่ะว่าง่ายๆ เขาเลือกเดินออกไปอีกห้องที่เปิดโล่ง สามารถมองเห็นดวงดาว พระจันทร์และพระอาทิต์ได้ อี้ซานมักจะดินไปบำเพ็ญชาญที่นั่นทุกๆคืน ไม่เว้นแม้แต่มู่เฉิน เจ้านั้นก็จะมีห้องหนึ่งห้องที่เอาไว้นั่งบำเพ็ญเช่นกัน....
แต่สิ่งที่แปลกไปวันนี้ก็คืออี้ซานจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ เขามัวแต่นึกถึงเด็กสาวที่ชื่ออะไรนะ ป๊อกป๊อกๆ แป๊กๆ อะไรสักอย่างนั่น... เพราะเพียงแค่แวปเดียวที่เขาตามหล่อนไป เขาก็สามารถสัมผัสได้ว่ารอบกายของนางมีวิญญาณเยอะเกินกว่ามนุษย์ธรรมดา....
เมื่อเป็นเช่นนั้นอี้ซานจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้องนอนของหัวเอง ห้องนี้เป็นห้องที่เขาร่ายมนต์และลงอักขระเอาไว้ เพื่อกันภัยมืดที่มันพยายามจะเข้ามาโจมตีเขา รอบบ้านแม้ว่าเขาและมู่เฉินจะป้องกันกันดีขนาดไหนก็ตาม แต่ก็จะมีพวกที่อยากลองวิชาอาคมและพวกที่ต้องการลองฝีมือกับเขาพยายามแหกมนต์ตราของเขาเข้ามาเสมอ....
เพียงแค่อี้ซานหลับตาลงเขานึกแค่หน้าของหญิงสาว เขาก็สามารถมาหยุดอยู่ที่ห้องของเธอได้ทันที... อี้ซานร่ายมนต์เอาไว้เพื่อที่จะป้องกันตัวเอง และทำให้หญิงสาวคนนี้ไม่ต้องตื่นมารับรู้อะไรทั้งนั้น.... บรรยากาศตอนกลางคืนที่นี่มันค่อนข้างหน้ากลัวนัก เขาไม่รู้หรอกว่าที่นี่มีอะไร แต่ที่แน่ๆ เจ้าพวกด้านนอกเพียงแค่รับรู้ว่าเขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ พวกมันก็รีบเพ่นหนีกันไปหลายลี้เลยทีเดียว...
" นี้เจ้าเป็นใครกันแน่... ทำไมพวกวิญญาณชั้นต่ำถึงพยายามที่จะเกาะตัวเจ้าแจแบบนี้..."
พรึบ!!!
อี้ซานลงไปนั่งบนเตียงเล็กของหญิงสาว ท่านอนที่ไม่มีความเป็นหญิงในห้องหอ เสื้อผ้าที่นางใส่... อืม มันดูไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป....
อี้ซานใช้ฝ่ามือลงไปลูบไล้อย่างแผ่วเบาที่กรอบหน้า... เพียงแค่เขาพยายามจะสัมผัสมือลงไป เขากลับรับรู้ถึงพลังงานบางอย่างที่อยู่ภายในร่างกายของหญิงสาว พลังงานบริสุทธิ์ที่ขาว ที่มันกำลังพวยพุ่งออกมา มันทำให้อี้ซานถึงกับต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน... เขาไม่เคยเจอพลังงานแบบนี้มาก่อน... ครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบเจอ ก็คือช่วงที่เขาได้เข้าไปอยู่ในศึกสงครามปราบมารปลายแถวที่พวกมันพยายามก่อตั้งตัวเองให้เป็นใหญ่ และเขาก็ได้รับคำขอร้องจากท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ให้มาช่วยปราบพวกมัน... พลังงานบริสุทธิ์สีขาวนี้เขาเคยเห็นผ่านๆตา มันเป็นพลังงานจากเซียนน้อยนางหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เขาสนใจแค่เขาต้องกำจัดพวกมารปลายแถวนี้ให้สิ้นซากเพราะนั่นมันคือภาระกิจของเขา....
" หรือว่าจะเป็นพลังงานนี้ มันเลยทำให้พวกวิญญาณทั้งหลายต่างพยายามเข้าใกล้เจ้า... เจ้าตัวโง่งมเอ้ย.... โง่แสนโง่...เฮ้อ...."
อะไรไม่รู้ดนจิตดนใจให้เขาขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกนิด เขาสังเกตุใบหน้าของหญิงสาวอย่างใกล้ชิด เขาไม่ได้สนใจว่าเธอจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เขาสนใจแค่เพียงพลังงานในตัวของหล่อนเสียมากกว่า เพราะเขาไม่รู้หรอกว่าใครสวย ใครไม่สวย เขาเจอผู้หญิงมาเยอะ เขาไม่สามารถบอกได้ว่าใครสวย เพราะเขาไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลยต่างหาก....
อี้ซานขยับเข้าไปใกล้อีกนิด เขาเลือกที่จะล้มตัวลงไปนอนอยู่ข้างกายของหญิงสาว..... เพียงแค่เขาได้เข้าไปใกล้ๆ เขากลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับพลังงานบวกของหญิงสาวบนเตียงนอน พลังงานที่แม้ว่าเขาจะบำเพ็ญชารมากี่ร้อยปี ก็ไม่สามารถรับรู้ได้มากถึงเพียงนี้....
"เจ้าเป็นใครกันแน่... ทำไมพลังงานของเจ้ามันถึงได้รุนแรงถึงขนาดนี้.... ถ้าเช่นนั้นข้าขอใช้พลังงานในตัวของเจ้าหน่อยก็แล้วกัน..."
อี้ซานเลื่อนตัวเองให้ไปอยู่ในผ้าห่มเดียวกันหญิงสาว เขาใช้ท่อนแขนของตัวเองกอดรัดร่างกายของหญิงสาวเอาไว้แน่น... เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงทำเช่นนั้น แต่ก็ช่างปะไร เขาไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรนอกจากพลังงานที่เขากำลังได้รับในตอนนี้....
ป๊อกแป๊กรับรู้เพียงว่าคืนนี้ตัวเธอเองนอนหลับลงอย่างสงบ เธอไม่ฝันร้ายเหมือนเช่นเคย ปกติเวลาเธอนอน เธอมักจะฝันร้ายเสมอ บางวันเธอแทบจะขาดใจตายเพราะในฝันเธอต้องวิ่งหนีเหล่าบรรดาผีที่หน้ากลัว บางคืนเธอฝันว่าเธอโดนจับท่วงลงไปในแม่น้ำที่ลึกและเย็นเชียบ เธอไม่เคยนอนหลับสนิทมาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่เธออายุ12เธอก็ฝันร้ายตลอด ทุกครั้งที่ฝันร้ายเธอจะต้องสวดมนต์ ใส่บาตร และแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรอยู่เสมอ...
หนึ่งราชามาร กับสาวน้อยนอนกอดกันจนเวลาล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่ อี้ซานผู้ที่ตื่นเช้าเป็นประจำเห็นว่าตัวเองต้องกลับแล้ว ส่วนแม่สาวคนนี้ เขาคงจะต้องรับมาทำงานและให้อยู่ข้างกายเขาก่อน เพื่อที่เขาจะได้สืบเสาะหาความจริงว่านางเป็นใครกันแน่.. เพราะเมื่อคืน พลังงานที่เขาได้รับจากนาง เพียงแค่เขานอนเกยกอดเอาไว้ มันกลับทำให้พลังชาญของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว....
" แล้วเราจะเจอกันสาวน้อยป๊อกๆ "
พรึบ....
อี้ซานถอนมนต์ที่สะกดเอาไว้แล้วเขาก็เร้นกายกลับไปยังบ้านหลังใหญ่ของเขาทันที
มู่เฉินที่สามารถรับรู้ได้ว่านายท่านของตนกลับมาแล้ว เขาก็มายืนรออยู่ที่หน้าห้องทันที.....
"เข้ามา"
แกร๊ก....
"นายท่าน เมื่อคืนท่านไปไหนมาขอรับ.."
"ข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นมา โทรไปบอกนางว่าให้นางมาเริ่มงานได้เลย เพราะข้ามบางอย่างที่ต้องการรู้จากตัวนาง เมื่อคืนข้าไปหานาง ก่อนที่ข้าจะอยู่กับนางที่นั่นทั้งคืน ข้าเพียงแค่จะสัมผัสใบหน้าของนาง ร่างกายนางกลับมีพลังงานสีขาวเปล่งออกมา พลังงานนี้ข้าเคยเห็นตอนที่ข้าได้รับสารจากท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ให้ไปช่วยปราบพวกมารชั้นปลายแถว... พลังงานนี้ข้ารับรู้ได้จากเซียนน้อยนางหนึ่ง... แต่ข้าไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ข้าต้องเอาตัวนางให้มาอยูใกล้ๆเสียงก่อน แล้วข้าถึงจะสามารถตรวจสอบได้.... ส่วนเรื่องงานก็อย่าไปหวังพึ่งพาจากนาง เพราะข้าไม่รู้ว่านางมีความสามารถอย่างที่นางโอ้อวดมาหรือไม่.... เจ้าไปได้แล้ว.."
" ขอรับนายท่าน" มู่เฉินรีบรับคำของนายท่าน ของตน แล้วก็ออกไปจัดการตามคำสั่งที่นายท่านได้สั่งเอาไว้.....
@ 7 โมงเช้า....
วันนี้ป๊อกแป๊กได้มีโอกาสนอนหลับอย่างเต็มตื่น นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เธอไม่เคยได้นอนหลับแบบนี้เลย ดังนั้นการที่เธอนอนแบบเต็มอิ่มมันเลยทำให้เธอตื่นไม่ทันมาใส่บาตร....
" ตายแล้วป๊อกแป๊กเอ้ย... ตื่นสายเลยเนี่ย... ดูสิไม่ได้ใส่บาตรเลยวันนี้.... แต่ไม่เป็นไรๆ สวดมนต์แทนก็แล้วกัน...."
หญิงสาวจัดการอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ลุกขึ้นมาถวายน้ำพระบนหิ้งพระ แล้วก็จัดการสดมนต์บทต่างๆที่เธอคิดว่าเธอพอจะสวดได้ แม้บางครั้งเธอคิดว่ามันใช้เวลานาน แต่พอเอาเข้าจริงๆ การที่เธอสละเวลาครั้งละ 10-30 นาที มันก็สามารถทำให้จิตใจเธอผ่องใส และเธอก็รู้สึกว่าถ้าเธอได้สวดมนต์พุทธคุณมันคือเกาะป้องกันอันดีที่สุดสำหรับเธอ.....
หลังจากที่หญิงสาวสวดมนต์เสร็จสพรร เธอก็จัดการไปกรวดน้ำแผ่บุญกุศลในครั้งนี้ หญิงสาวเดือนเข้ามาภายในห้องของเธอจัดการเปิดโน๊ตบุคตัวโปรด เสิชหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการสมัครงาน เธอต้องพยายามอีกนิด เธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
กริ๊งงงงงง
" ว๊ายแม่แหกๆๆ ตกใจหมด... ไอ้บ้าเอ้ย.... "
หญิงสาวที่เป็นคนขี้ตกใจถึงกับอุทานออกมาเพียงแค่เธอกำลังหาข้อมูลเพลินๆ พอโทรศัพท์ดังปุ๊บ มันก็ทำให้เธอผู้ที่ขีตกใจถึงกับแทบจะอุทานออกมาเป็นภาษาฝรั่งเศสแต่ติดที่เธอพูดไม่ได้นี่สิ
"สวัสดีค่ะ.... ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ คะ? อะ อะไรนะคะ จริงเหรอคะ กรี๊ดดดด ได้ค่ะ วันนี้ดิฉันสามารถเริ่มงานได้เลยค่ะ ไม่ติดค่ะๆ ขอบคุณค่ะ... "
กรี๊ดดดดด
" ได้งานแล้ว ฉันได้งานแล้ว.... อ๊ายยย ตายแล้วๆ ฉันต้องไปหาซื้อของมาแก้บนแล้ว.... "
อี้ซานได้แต่อมยิ้มให้กับหญิงสาวที่เขาเฝ้ามองมาจากบ้านของเขา เธอไม่เหมือนใครจริงๆ บางครั้งเธอก็จะออกไปในแนวคล้ายคนวิปริต ไม่สิ เขาต้องพูดให้เป็นธรรมดามากที่สุด เธอคนนั้นคล้ายคนบ้า...
นฤมลรีบจัดการแต่งตัวให้ตัวเองดูดีที่สุดสำหรับการเริ่มงานในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของเจ้านายคนใหม่ เธอเลือกเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อยแต่ไม่ดูแก่จนเป็นครูเพ็ญศรี
นฤมลรีบโบกรถแท็กซี่ไปยังตึกทำงานตึกใหม่ของเธอทันที เธอจะต้องรีบ เธอจะไม่มาทำงานสาย.....
เพียงแค่เธอมาถึงที่บริษัทแห่งนี้ พนักงานต้อนรับก็รีบกุลีกุจอมาหาเธอแล้วถามว่าต้องการอะไร มีอะไรให้ช่วยหรือไม่... เพียงแค่เธอบอกว่าเธอมาทำอะไร พนักงานต้อนรับถึงกับต้องหรี่ตามองด้วยความสงสัย แต่นฤมลก็ยังบอกให้พนักงานต้อนรับสามารถถามเลขาท่านประทานได้ เพราะเธอได้รับสายจากเลขาท่านประธานยังไงล่ะ....
'คุณนฤมล เชิญครับ' มู่เฉินรีบเดินลงมายังข้างล่าง เพราะพนักงานต้อนรับบอกว่ามีคนมาอ้างว่าท่านประธานให้เธอมาเป็นเลขาส่วนตัว ซึ่งในที่นี้ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน เพราะท่านประธานสุดหล่อหมาดเข้ม นิ่ง เย็นชาไม่เคยมีเลขาผู้หญิง นอกจากคุณอู่เฉินแล้ว พวกเธอก็ไม่เคยเห็นว่าท่านประธานจะมีเลขาผู้หญิงเลยนักคน... ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องแปลกใหม่มากๆ
ก๊อกๆ
' ขออนุญาตครับท่านประธาน'
"อืม เชิญนั่งสิ... "
ป๊อกแป๊กรีบทำตามอย่างว่าง่าย เพราะเธอกลัวว่าเจ้านายคนใหม่จะเปลี่ยนใจ...
" นี้คือสัญญาจ้างงาน... สัญญานี้เราจะเปลี่ยนทุกๆปี ตำแหน่งงานของคุณมันสามารถที่จะโยกย้ายและถูกเชิญออกได้ตลอดเวลา... ดังนั้นอ่านให้ละเอียดก่อนแล้วจึงเซ็น"
ป๊อกแป๊กอ่านแต่ละบรรทัดอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดทีหลัง เธอจึงต้องรอบคอบไว้ก่อน...
อืม... สัญญาก็ไม่เลวอะไร เอาว่ะไหนๆก็มาถึงขนาดนี้แล้ว... แต่ว่าอะไรคือ.... ต้องรับโทรศัพท์ทุกครั้งห้ามมีข้ออ้าง....
" เอ่อ.... ขอโทษค่ะ ตรงข้อนี้... ที่ว่าต้องรับโทรศัพท์ทุกครั้ง ทุกที่ ทุกเวลาห้ามมีข้ออ้าง แล้วถ้าสมมุติว่าดิฉันมีเรื่องส่วนตัวที่สำคัญมากๆล่ะค่ะ แบบว่ามีเหตุที่ไม่สามารถรับสายตอนนั้นได้... จะเป็นอะไรไหมคะ"
" ถ้ามันสำคัญถึงชีวิตจริงๆ เธอสามารถส่งข้อความมาบอกได้ แต่ต้องเป็นตอนนั้นเดี๋ยวนั้น หรือไม่ก็ก่อนหน้าที่เธอจะต้องไปทำธุระสำคัญนั้นๆ เรื่องแบบนี้เลขาทั่วไปเข้าก็ทราบ... หวังว่าเธอจะเข้าใจนะ อ๋อ เรื่องเงินเดือนที่ฉันให้ ฉันหวังว่าเธอคงจะทำงานให้คุ้มค่าจ้างนะ เพราะเงินเดือนเกือบครึ่งแสน.... อย่ามักง่าย อย่าหาข้ออ้างว่าไม่เคย ไม่รู้ ฉันไม่ชอบ ฉันมีเรื่องที่จะบอกแค่นี้ เชิญได้ ตามมู่เฉินไปได้ แล้วมู่เฉินจะสอนงานเบื่องต้นให้เธอเองว่าอะไรเป็นอะไร..."
"ค่ะ ดิฉันจะทำงานอย่างสุดความสามารถเลยค่ะท่านประธาน..."
"เธอเรียกฉันว่าอี้ซาน ส่วนคนอื่นให้เขาเรียกฉันว่าท่านประธาน เพราะเธอกับฉันจำเป็นต้องสนิทสนมกัน "
ห๊ะ? อิหยังว่ะ แบบนี้ก็ได้เหรอวะเนี่ย... เอาเถอะๆ ไม่ให้เรียกลุง เรียกที่รัก เรียกเหล่ากง หรือ
ไอ้เยรินก็พอ อ๊ายยย บ้าไปแล้วไอ้ป๊อกแป๊ก...ง
มู่เฉินถึงกับต้องเม้มปากของตัวเองเอาไว้เพราะเขากับลังกลั้นขำให้กับความคิดของหญิงสาวคนนี้...
ส่วนอี้ซานเขาถึงกับมุมปากกระตุก เขาปรายตา มองไปยังมู่เฉินเล็กน้อย ส่วนเจ้านั้นเมื่อรับรู้ถึงแรงกดดันจากนายท่าน มู่เฉินก็รีบชวนเลขาส่วนตัวคนใหม่ของนายท่านให้ออกไปจากห้องทันที....