CHAPTER. 9

966 Words
“หนูนา เหม่ออะไรลูก” แม่ของเธอยิ้มขำเมื่อเห็นลูกสาวนั่งใจลอยไปไกล พูดอะไรก็เหมือนไม่ได้ยิน “แม่ว่าอะไรนะคะ” เธอเรียกสติของตัวเองให้กลับมาแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่แม่ของเธอกำลังพูด “แม่ถามว่าหนูนาไม่ลองไปสมัครเป็นแอร์ดูล่ะ ที่บริษัทของพี่ป้องน่าจะมีรับบ้างนะ เผื่อให้ป้องช่วยฝากงานให้” “หนูนาจะทำได้เหรอคะ” เธอถามอย่างไม่มั่นใจ เพราะเธอรู้สึกว่าคนที่จะเป็นแอร์โฮสเตสได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ เหตุผลที่เธอหางานทำเพราะต้องการหลบหน้าเขา แม่ยังจะให้เธอไปสมัครงานที่บริษัทของเขาอีก “ทำได้สิ หนูนาสวยเหมือนแม่ขนาดนี้ พูดภาษาอังกฤษก็เก่ง” แม่ของเธอเอ่ยขึ้นอย่างชื่นชมในความสามารถที่มีอยู่อันน้อยนิด หน้าตาที่ละม้ายคล้ายแม่ของเธอ ถึงหลายคนจะบอกว่าเธอเป็นคนหน้าตาดี แต่เธอรู้สึกว่าหน้าตาแบบเธอหาได้ทั่วไปเกลื่อนถนน สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ชื่นชม เพราะอยู่ในช่วงที่สาวๆ เกาหลีกำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทยพอดี มีแต่คนไทยนั่นแหละที่ชมเธอ เพราะตอนอยู่ที่ออสเตรเลีย เพื่อนต่างชาติมักจะบอกว่าเธอเหมือนเด็กเกินไป ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดแบบผู้หญิงทั่วไปเลย “ไม่ใช่แค่หน้าตาดีกับพูดภาษาอังกฤษได้ แล้วจะทำได้ทุกคนนะคะแม่” เธอปฏิเสธอย่างอ่อนใจ เพราะคำพูดที่ให้กำลังใจของแม่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจได้เลยว่าเธอจะทำอาชีพนี้ได้ “ลองดูก็ไม่เสียหายนี่นา พรุ่งนี้แม่จะลองถามตาป้องดู” แม่ของเธอพูดอย่างมาดมั่น จนเธอเหนื่อยแรงที่จะทัดทาน อีกอย่างงานนี้ไม่ใช่ว่าจะเข้าทำงานกันได้ง่ายๆ ต้องสอบอะไรอีกตั้งเยอะแยะ ปล่อยให้แม่ของเธอคาดหวังไปก่อนคงไม่เป็นไร พอถึงเวลาต้องสอบจริงๆ แม่ของเธอจะเลิกคาดหวังไปเอง เพราะเธอเป็นเด็กที่สอบอะไรไม่เคยติดกับเขาเลยสักครั้ง ตอนนี้ก็คงไม่ต่างกัน เช้าวันนั้น พรนาราจ้องโทรศัพท์อยู่นานจนแม่ของเธอต้องเร่งให้รีบโทรไปหาเขา เพราะกลัวว่าปริญจะออกไปทำงานเสียก่อน “พี่ป้อง หนูนาเองนะคะ” ปลายสายเงียบไปสักพัก จนเธอเริ่มลังเลแล้วว่าใช่เบอร์ของเขาไหม “ว่าไงยัยลูกหมู จะโทรมาบอกเบอร์มือถือพี่หรือไง” เสียงของเขาทักทายกลับมาอย่างร่าเริง แล้วรีบทวงสัญญาทันที “หนูนายังไม่ได้ซื้อโทรศัพท์เลยค่ะ แม่ให้โทรมาถามว่าพี่ป้องพอจะแวะมาเอาขนมที่ร้านได้ไหม แม่เตรียมไว้ให้ เพราะอยากขอบคุณที่พี่เอาของที่หนูนาทำหายมาคืน” เธออธิบายเหตุผลที่โทรหาเขาอย่างละเอียดยิบ “คนที่ควรจะขอบคุณ ก็ทำเป็นเฉย” คำพูดประชดของเขาทำให้เธอรู้สึกร้อนตัวทันที “หนูนาขอบคุณพี่ป้องไปแล้วนะคะ” เธอได้ยินเขาหัวเราะ ก่อนที่จะได้ยินเสียงของใครบางคน ซึ่งเป็นเสียงผู้หญิง เธอได้ยินไม่ถนัดจึงไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของพี่แป้งน้องสาวของเขา ที่เป็นพี่สาวคนสนิทของเธอหรือไม่ “เดี๋ยวพี่เข้าไปนะ แค่นี้ก่อน” พอพูดจบเขาก็รีบวางสายลงทันที ทำให้เธอถือสายค้างไว้อย่างมึนงง เขานึกจะวางก็ไม่บอกเธอล่วงหน้า รีบตัดบทราวกับกลัวใครมาได้ยินเข้า เสียงผู้หญิงคนนั้น ถ้าไม่ใช่พี่แป้งแล้วจะเป็นใครกันนะ หรือพี่ป้องจะมีครอบครัวแล้ว อายุขนาดเขาถ้ามีครอบครัวก็ไม่แปลก เขากำลังทำให้เช้าที่สดใสของเธอเริ่มหดหู่อีกจนได้ เพียงไม่กี่นาทีเธอเห็นปริญเดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทางที่สง่างาม ชุดฟอร์มที่เขาใส่ยิ่งทำให้เขาโดดเด่นและดูดีมากขึ้น หน้าตาที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตร หันมาส่งยิ้มให้ เธอได้แต่นิ่งงันเหมือนคนถูกสาปให้เป็นหินอีกแล้ว ระหว่างที่เขากำลังคุยกับแม่ของเธอ พรนาราแกล้งทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์ที่อยู่ตรงหน้า แต่หูได้ยินการสนทนาอย่างชัดเจน สายตาของเธอยังคอยแอบมองเขาเป็นระยะ จนถึงตอนที่แม่พูดเรื่องที่จะให้เธอไปสมัครเป็นแอร์โฮสเตส เขาหันมาสบตาของเธอที่มองอยู่พอดี เธอแปลกใจที่เห็นแววตาไม่ชอบใจของเขาอยู่เพียงอึดใจ หลังจากนั้นเขาก็หันไปคุยกับมารดาของเธอตามปกติแล้วรีบออกไปทำงาน โดยไม่ยอมทักเธอสักคำ จะให้เดาว่าเขาไม่พอใจที่แม่ของเธอให้เขาช่วยฝากงานให้ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเธอได้ยินเขารับปากเป็นธุระเรื่องงานให้ โดยไม่ได้มีทีท่าปฏิเสธแต่อย่างใด แล้วที่ทำเหมือนไม่พอใจเธอแบบนั้นมันคืออะไรกันแน่ หลังจากวันนั้นเธอไม่ได้เจอปริญอีกเลย แม้กระทั่งตอนที่เธอซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่แล้ว เธอก็ไม่ได้โทรไปบอกเบอร์ใหม่กับเขา เพราะตอนที่เจอกันครั้งล่าสุด ถ้าเขาไม่ได้มีทีท่าเหมือนโกรธเธอแบบนั้น เธอก็คงจะส่งข้อความหรือโทรไปบอกเขาแล้ว อีกอย่างเธอไม่แน่ใจด้วยว่าเขาอยากได้เบอร์ของเธอจริงๆ ไหม หรือพูดไปตามมารยาทแค่นั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD