ตอนที่ 1

911 Words
เด็กสาววัยสิบสี่กำลังยืนมองบ้านเรือนไทยที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็ก แม้ไม่อยากจากที่นี่ไปแต่เพราะบิดาจำต้องย้ายไปทำงานที่กรุงเทพ ถึงรู้สึกผูกพันแต่ก็ไม่อาจแยกจากบิดามารดาได้ “แม่คะ เราต้องไปจากที่นี่จริงๆ เหรอคะ”เด็กสาวถามมารดาเสียงแผ่วเบา “ต้องไปสิลูก พ่อต้องไปทำงานที่กรุงเทพถ้ามิไม่ไปมิจะอยู่กับใครล่ะลูก” มิลันดาไม่อาจเถียงมารดาได้ เจ้าของร่างอวบจึงเดินตามมารดาและบิดาไปที่รถอย่างว่าง่าย เมื่อรถเคลื่อนออกไป ดวงตาเรียวมองตามบ้านเรือนไทยแสนรักน้ำตารื้น ก่อนยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ รถแล่นมาร่วมหลายชั่วโมงก่อนจอดลงที่บ้านหลังหนึ่ง มิลันดาลงจากรถกวาดตามองรอบๆ บ้าน พลางเดินสำรวจ เด็กสาวยิ้มเล็กๆ ออกมาด้วยความพึงพอใจอย่างน้อยบ้านหลังนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่นักแม้ว่าจะไม่สวยเท่าบ้านเรือนไทยที่จากมาก็ตาม ไม่นานนักสัมภาระก็ถูกขนย้ายออกมาจากรถ ภายในบ้านมีคนใช้ที่บิดาจ้างมาคอยดูแลอยู่สองคน ต่างมาช่วยยกกระเป๋าอย่างขะมักเขม้น มิลันดาจึงเลี่ยงมาเดินเล่นรอบๆ บ้าน เสียงน้ำที่กำลังสาดกระเซ็นจากการรดต้นไม้ ทำให้เด็กสาวมองด้วยความสนใจ มิลันดานิ่งงันเมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่ง เด็กสาวพิศมองใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา ริมฝีปากหยักลึก จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้า องค์ประกอบทุกอย่างทำให้สายตาไม่อาจละจากใบหน้านั้นได้เลย คมฉณัฐจ้องมองเด็กสาวที่ยืนมองเขาไม่วางตา รู้สึกแปลกใจ แต่เห็นบิดาเอ่ยปากว่าเป็นเพื่อนที่ย้ายมาจากต่างจังหวัด ท่าทางเด็กร่างอวบคนนี้คงเป็นบุตรสาวเพื่อนพ่อ “มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ชายหนุ่มตะโกนถามข้ามรั้ว มิลันดารีบย่อกายลงนั่งกับพื้น ใบหน้าใสไร้เครื่องสำอางร้อนผ่าว แล้วยิ่งร้อนไปทั่วร่างเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะห้าวๆ ของเขาดังออกมา “กลัวพี่เหรอครับ พี่ไม่ทำอะไรหรอกไม่เห็นต้องกลัวเลย” คมฉณัฐบอก เด็กสาวกัดฟันหลบความอายค่อยๆ ยืนขึ้น เห็นสายตาเขาจ้องมองอยู่ก่อนแล้วยิ่งทำให้แทบอย่างแทรกแผ่นดินหนี “สวัสดีครับ พี่ชื่อคมฉณัฐเรียกว่าพี่คมเฉยๆ ก็ได้” ชายหนุ่มแนะนำตัวก่อนจะยิ้มพราย มิลันดารู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่สุดแสนจะมีเสน่ห์ เด็กสาวอึกๆ อักๆ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา “หนูชื่อ... มิลันดา... เรียกมิเฉยๆ ก็ได้ค่ะ” มิลันดาบอกเขาแล้วรีบชิ่งหนีออกมาด้วยความอายทันที เด็กสาววิ่งเข้าไปในบ้าน จนดาวเรืองและชัยเดชตกใจกับท่าทีของบุตรสาว “เป็นอะไรลูกวิ่งหนีอะไรมา!” ดาวเรืองถามบุตรสาวเสียงลั่น “เปล่าค่ะ” มิลันดาตอบแก้เก้อ “นี่คุณลุงพิภัทรนะลูก เพื่อนพ่อจ้ะ อยู่ข้างบ้านเรานี้เอง” ดาวเรืองแนะนำ เด็กสาวไหว้พิภัทร แล้วรีบสาวเท้าเข้าห้องนอนของตนเองเพื่อจัดการกับข้าวของที่กองอยู่มากมายภายในห้อง พิภัทรมองบุตรสาวเพื่อนด้วยความพอใจก่อนหันไปพูดคุยกับเพื่อนสนิทต่อ “ลูกสาวนายโตเป็นสาวแล้วนะเดช” พิภัทรเอ่ยปาก “โอ้ย! ยังหรอก ยังดื้อเป็นเด็กกะโปโลอยู่เลย” ชัยเดชตอบปนหัวเราะ “ไม่รู้ล่ะ ยังไงฉันก็ขอจองให้ลูกชายฉัน” พิภัทรหัวเราะร่าด้วยความถูกใจ “จะจองได้ไงไอ้ภัทร ลูกชายนายอายุเท่าไหร่แล้วป่านนี้” “ยี่สิบทำไมเหรอห่างกันแค่หกปีเองไม่เป็นไรหรอก” “เอาไว้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า” ชัยเดชตัดบท มิลันดารีบจัดข้าวของในห้องจนเสร็จ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงพลางนึกถึงใบหน้าของพี่คมที่เธอเพิ่งได้เจอ ยิ่งนึกถึงใบหน้าของเขายิ่งรู้สึกเป็นสุขอย่างประหลาด   พิภัทรแวะหาชัยเดชแต่เช้า โดยนำบุตรชายมาแนะนำตัวให้รู้จัก คมฉณัฐไหว้ดาวเรืองและชัยเดชก่อนขอตัวออกไปเดินเล่นที่สวนด้านหลังบ้าน “ลูกชายโตเป็นหนุ่ม แถมหล่อซะด้วยนะไอ้ภัทร!” ชัยเดชบอก “ก็นั่นแหละ เพราะมันหล่อแบบนี้สาวถึงได้ตามเกาะแจเลย” พิภัทรแกล้งบ่น “แล้วเรียนอยู่ปีไหนแล้วล่ะคะ?” “เรียนมหาวิทยาลัย ปีสามแล้วละครับ” “ใกล้จบแล้วละสิคะเนี่ย” “ใช่ครับ” “ยัยมิ ยังไม่รู้ว่าจะยังไงต่อดีอีกนานกว่าจะได้เข้ามหาลัย” “แกหัวดีเรียนหนังสือเก่งไม่ใช่เหรอครับ เห็นเจ้าเดชบอกผม” “อ๋อค่ะ ยัยมิเรียนเก่งอยู่เหมือนกันแต่ถ้ามาเรียนที่กรุงเทพฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกันล่ะค่ะ” บทสนทนาของผู้ใหญ่สามคนยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาเดินลงบันได แขกผู้มาเยือนเหลือบมองแล้วยิ้มกว้าง เด็กสาวยกมือไหว้ทันที  “หิวข้าวหรือยังล่ะมิ” คนเป็นแม่ถามเมื่อบุตรสาวเดินมาใกล้ “ยังค่ะแม่” “ไปเล่นกับพี่คมสิหนูมิ พี่เขาอยู่ที่สวน” พิภัทรบอกลูกเพื่อน เขาอยากให้สองคนรู้จักสนิทสนมกันไว้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD