ตอนที่ 6 เพราะเธอเป็นของฉัน...ตั้งแต่เซ็นสัญญา

1772 Words
เสียงดนตรีแจ๊สบรรเลงคลอเบา ๆ ท่ามกลางแสงไฟนวลหรูของฮอลล์กลางงานเลี้ยง อลิสแตร์ ก้าวนำลลิลเข้าไปยังอีกฝั่งของห้องโถง ที่ตอนนี้มีชายเกาหลีท่าทางเนี้ยบจัด สวมสูทเข้ารูปและผูกไทด์ลายเอกลักษณ์ เขาหันมาทันทีเมื่อเห็นอลิส พร้อมรอยยิ้มเปื้อนริมฝีปาก “Mr. Alistair! You came, good!” ชายเกาหลียื่นมือออกมา “Mr. Seo.” อลิสจับมือแน่นแต่สั้น ตามแบบคนที่ถือไพ่เหนือกว่า พอลลิลเดินตามมาถึง เธอก็ยกมือไหว้แบบไทย ๆ อัตโนมัติ แต่ชายเกาหลีผู้นั้นหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “You brought a new assistant this year, huh?” “More than that,” อลิสตอบเรียบ ๆ พร้อมปรายตามองลลิล “She's my personal secretary now. Lalin, this is Mr. Seo Min-hyun —CEO ของ SKI Holdings ฝั่งโซล” ลลิลยิ้มแบบมีมารยาท และตอบกลับด้วยภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างคล่อง “Nice to meet you, Mr. Seo.” เขาดูพอใจ หัวเราะเบา ๆ แล้วชำเลืองมองอลิส “เธอดูเฉียบดีนะ มิสเตอร์อลิสแตร์... ฉันชอบความฉลาดในสายตาแบบนี้” อลิสไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มมุมปากบาง ๆ ก่อนจะโน้มตัวกระซิบข้างหูลลิล “จำไว้นะ—เขาแยกคำพูดกับสายตาไม่ออก อย่าเชื่อทุกอย่างที่เขาชม” เธอพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเริ่มจดจำท่าทางและสไตล์การพูดของคู่ค้า …แต่ก่อนที่การสนทนาจะจบลง เสียงทุ้มอ่อนโยนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังเธอ “ลลิล ลูกมาอยู่ตรงนี้เอง” ร่างของคุณสุรพงศ์ คหบดีวัฒน์ ปรากฏขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนแบบผู้ดีไทยแท้ ใบหน้าท่านเปื้อนยิ้ม สุภาพ และเปี่ยมด้วยความเป็นห่วง เขาทักทายทุกคนด้วยมารยาทไร้ที่ติ แล้วหันมาหาลูกสาว “แม่อมราบอกให้พ่อมาถาม…ว่าเย็นนี้จะว่างไปรับแขกที่บ้านได้ไหม เขาจะมาแนะนำตัวกับลูก เรื่องที่เราคุยกันไว้ก่อนหน้านี้น่ะ…” ลลิลตัวแข็งทันที ราวกับโดนหยุดเวลาไว้กลางงานหรู ดวงตาไหววูบ แต่พยายามยิ้มตอบอย่างใจเย็น “คืนนี้…หนูติดงานค่ะพ่อ หนูติดตามท่านประธานอยู่” “หืม?” คุณสุรพงศ์ขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปหาอลิสซึ่งยืนอยู่ข้างเธอ อลิสสบตาเขาเต็ม ๆ อย่างนุ่มนวลแต่หนักแน่น “สวัสดีครับคุณคหบดีวัฒน์” “ผม อลิสแตร์ ราเมียส” “ในฐานะเจ้านายของคุณลลิล ผมเกรงว่าผมต้องขอ ‘ยืมตัว’ เลขาของผมไปอีกสักพักนะครับ เพราะเธอกำลังดูแลงานสำคัญของบริษัทอยู่...และผมไม่อยากให้เธอเสียสมาธิด้วยเรื่องส่วนตัว” น้ำเสียงเรียบเย็นแต่สุภาพอย่างที่สุด แต่สำหรับคุณสุรพงศ์...มันกลับทำให้ท่านนิ่งงัน “เอ่อ...เข้าใจแล้วครับท่านประธาน” เขาหัวเราะแห้ง ก่อนจะหันไปมองลลิลอีกครั้ง “ก็ได้...ไว้คุยกันที่บ้านนะ ลิน” “เห็นจะไม่ได้เหมือนกันครับ” อลิสขัดอีกครั้ง “ดูเหมือนเธอต้องทำหน้าที่เลขาผมไปจนกว่า เธอจะเรียนจบ” อลิสบอกน้ำเสียงนิ่ง ๆ คุณสุรพงษ์อึ้งไปครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้น...” “ไว้ถ้าว่าง หนูจะไปค่ะ” ลลิลรีบตอบก่อน ทำให้บอสของเธอหน้ามุ่ยทันที “งั้นไว้เจอกันนะ ลูก” พ่อของเธอมีสีหน้าดีขึ้น ก่อนจะหมุนตัวเดินหายไป อลิสหันมามองเลขาคนใหม่ของเขา “ขอบคุณที่ช่วยนะคะ…” เธอพูดเบา ๆ อลิสไม่ได้ตอบ แต่เอียงคอมองเธอเล็กน้อย “ยังไงท่านก็เป็นพ่อฉันค่ะ” ลลิลรีบบอกด้วยความร้อนตัว “ดูเหมือนคุณคงอยากแต่งงานมากกว่าสินะ” ดวงตาสีเทาคมกริบมองเธออย่างค้นหา “ไม่ใช่นะคะ” เธอรีบปฏิเสธอย่างร้อนรน หน้าแดงระเรื่อ อลิสหันไปหามิสเตอร์ซอ มินฮยอน ที่ยืนรออยู่พร้อมพยักหน้าให้ลลิล “ไปเถอะคุณลิน…เวลาทำงานยังไม่หมด” ... เสียงแชมเปญสุดท้ายยังไม่ทันจางหาย กลิ่นน้ำหอมจากแขกผู้มีเกียรติยังลอยคลุ้งอยู่กลางอากาศ ลลิลคิดว่าคืนนี้จบแล้ว...เธอควรจะได้กลับไปนอนเตียงเก่า ๆ ที่คุ้นเคย แต่ดูเหมือนว่า...ใครบางคนจะไม่คิดแบบนั้น “งั้น...ขอบคุณมากนะคะ” เธอหันไปยิ้มให้อลิสแบบมารยาทครบถ้วน “ฉันจะกลับก่อน พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะคะ—” “ไปไหน?” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นเบา ๆ แต่แรงสะกิดใจทำเอาเธอสะดุ้ง “คะ?” ลลิลชะงัก อลิสปรายตามองเธอเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะก้าวเข้ามายืนชิด “อย่าบอกว่า คุณจะกลับไปคอนโดเก่า” “เอ่อ...” ลลิลกลืนน้ำลาย “คือ...ลินยังลืมของไว้น่ะค่ะ แค่จะแวะเข้าไปเอานิดเดียวเอง—” “ไม่จำเป็น” อลิสตอบทันควัน น้ำเสียงเด็ดขาดจนเธออยากเขวี้ยงกระเป๋าใส่หน้าหล่อ ๆ ของเขาสักครั้ง “จำเป็นสิคะ! ของลินอยู่ที่นั่น—” “ผมให้ไทเลอร์ไปขนมาหมดแล้ว” เขาพูดขณะก้าวนำ “ไม่มีอะไรเหลือที่คุณต้องกลับไปอีก” “อะ…อะไรนะ?” ลลิลเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง “คุณเอาของฉันออกมาโดยไม่บอกเนี่ยนะ?!” “คุณเซ็นสัญญาแล้ว” เขาตอบหน้าตาย “ชีวิตคุณอยู่ในความรับผิดชอบของผม” “เอ๊ะ!!” เธอกำลังจะโวยวายต่อ แต่ร่างสูงของเขาก็หันกลับมาคว้าข้อมือเธอไว้แน่น และดึงเดินอย่างไม่เปิดช่องให้พูดอะไรอีก “เดี๋ยว—!” “รถอยู่ทางนี้” “แต่ฉันยังไม่ได้—” “ลิน” เสียงเขาเรียกชื่อเล่นของเธอเบา ๆ แต่ดวงตาสีเทานั่น...กำลังจ้องลึกเข้ามาแบบที่เธออยากเอาหัวมุดพื้น “คุณจะไปนอนที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว” “…ฮะ?” เธอหันขวับไป “ที่นอนคุณตอนนี้ อยู่ข้างห้องผม” เขาพูดพลางเปิดประตูรถเบนซ์สีดำด้านให้ “จำไม่ได้เหรอ...ว่าต้องอยู่ใกล้ผม 24 ชั่วโมง?” เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มือเขาก็กดไหล่เธอลงเบาะอย่างสุภาพแต่บังคับ “ถ้าคุณยังดื้อ...ผมจะคิดว่าคุณกำลังท้าทายเงื่อนไข” “ฉันเปล่านะ!!” ลลิลร้องเบา ๆ อย่างคนเริ่มเหนื่อยกับความมึนของบอส อลิสนั่งลงข้าง ๆ แล้วปิดประตูด้วยเสียงเบา เขาเอนหลังในเบาะเหมือนคนเพิ่งไล่ศัตรูออกจากงานไปสิบคน แล้วหันมาพูดเสียงเรียบ “ดี…เพราะถ้าคุณยังคิดหนี” “ผมอาจจะต้อง ‘ใช้วิธีอื่น’ บังคับให้คุณอยู่” ประโยคสุดท้ายนั้นเหมือนสายลมหนาวที่ลูบไล้ต้นคอเธอเบา ๆ ปลายเสียงแฝงความนัยจนน่าขนลุก...และขนลุกนั้นก็ดันลามไปถึงปลายขาเฉยเลย! ลลิลนั่งตัวแข็ง แกล้งเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เธอไม่กล้าถามว่า ‘วิธีอื่น’ ของเขาคืออะไร... “คุณชอบบังคับผู้หญิงแบบนี้ทุกคนรึไงคะ?” ลลิลตวัดสายตามองเขา อลิสปรายตามองเธอนิ่ง ๆ ก่อนเหยียดยิ้มเล็กน้อย เขาโน้มหน้ามาใกล้กระซิบที่ข้างหู ขณะรถเคลื่อนออก “เฉพาะแค่...บางคนเท่านั้น” ... ติ๊ง! เสียงลิฟต์ส่วนตัวหยุดลงตรงชั้นบนสุดของคอนโดหรูระดับท็อปย่านกลางเมือง ประตูบานใหญ่เลื่อนเปิดอย่างเงียบเชียบเผยให้เห็นเพนต์เฮ้าส์สุดอลังการราวกับฉากหนังสายลับ ห้องเพนต์เฮาส์สุดหรูที่กว้างพอจะทำให้เธอลืมบ้านของตัวเองได้ชั่วคราว แชนเดอเลียร์คริสตัลไล่แสงละมุนเหนือศีรษะ ตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่นโปร่งกว้างที่มีทั้งมุมไวน์ บาร์ส่วนตัว และชุดโซฟาราคาแพงราวกับยกห้องรับรองจากโรงแรมห้าดาวมาไว้ในตึก แสงไฟสลัวอุ่นนวลส่องผ่านม่านโปร่งที่ปลิวไหวจากลมแอร์อุณหภูมิพอดี กลิ่นไวน์แดงผสมกลิ่นไม้หอมจาง ๆ ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ และบรรยากาศเงียบราวกับไม่มีมนุษย์อยู่มาก่อน—ยกเว้นผู้ชายตรงหน้า อลิสแตร์เดินนำออกจากลิฟต์โดยไม่พูดอะไรสักคำ ขณะที่ลลิลเดินตามเขาเข้ามาอย่างงง ๆ “เดี๋ยวค่ะ…” เธอเรียกเขาเบา ๆ “ฉันอยู่ชั้นล่างไม่ใช่เหรอคะ?” ชายหนุ่มหยุดเดิน หันกลับมาด้วยท่าทีเรียบนิ่ง แต่ในดวงตานั้นกลับฉายแววไม่ยอมรับฟัง “เปลี่ยนแผน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ย “เปลี่ยนอะไรคะ?” ลลิลเริ่มขยับถอยอย่างสัญชาตญาณ เพราะร่างสูงนั่นขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ “ฉันยังไม่ได้ย้ายของเลย…แล้วก็—” “ของ...คุณไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะมีคนจัดการให้” อลิสหยุดห่างจากเธอไม่ถึงฝ่ามือ ดวงตาเรียบนิ่งจ้องเธอเหมือนกำลังวิเคราะห์บางอย่าง “แต่คุณน่ะ...ผมต้องจัดการเอง” ลลิลหายใจสะดุด แผ่นหลังชิดกำแพงกระจกบานใสที่มองเห็นวิวเมืองทั้งแถบ เธอเม้มปาก ก่อนเงยหน้าขึ้นถามเสียงแข็ง “แล้วคุณจะให้ฉันนอนตรงไหนล่ะคะ…บนพรมกลางห้องรับแขกเหรอ?” อลิสเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ เหมือนแปลกใจในความกล้าของเลขาคนใหม่ แต่ริมฝีปากกลับโค้งยิ้มบางเฉียบอย่างเจ้าเล่ห์ “ห้องข้างในสุด ซ้ายมือ มีประตูไม้โอ๊ค” “นั่นคือห้องคุณ” เขาโน้มหน้าเข้าใกล้ มือเท้ากระจกบานใส ใบหน้าห่างจากลลิลเพียงคืบ “มีห้องน้ำส่วนตัว ตู้เสื้อผ้าบิ้วอิน เครื่องสำอางครบ และถ้าของในคอนโดเก่าคุณมีค่าพอ...ผมจะให้ไทเลอร์ไปขนมาให้พรุ่งนี้” อลิสกระซิบเสียงทุ้มต่ำข้างหู ลมหายใจอุ่นรินรดแก้มของเธอ “แล้ว...คุณอยู่ตรงไหนคะ?” “ผมอยู่ห้องถัดไป...” น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบ “...ใกล้พอจะได้ยินคุณคราง ถ้าฝันอะไรเร้าใจ” “คุณอลิส!” ลลิลร้องเสียงหลง หน้าแดงแปร๊ดไปถึงท้ายทอย อลิสผละออกห่าง ริมฝีปากสวยได้รูปยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “พักผ่อนให้เต็มที่นะ คุณเลขา...เพราะพรุ่งนี้ผมมีภารกิจให้คุณอีกเยอะเลย” พูดจบเขาก็หมุนตัวจากไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยอ้อยอิ่งในอากาศ...และหัวใจของลลิลที่เต้นไม่เป็นส่ำ “บ้าชะมัด...นี่ฉันเข้ามาอยู่รังเสือแล้วใช่มั้ยเนี่ย” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะยกมือทาบหน้าอกตัวเองเพื่อปลอบหัวใจไม่ให้เต้นแรงกว่านี้ และเดินตรงไปยังห้องที่เขาบอกไว้—อย่างคนที่ไม่แน่ใจว่า ห้องนั้นคือ ‘ที่พัก’ หรือ ‘กับดัก’ แต่เธอรู้เพียงอย่างเดียว... คืนนี้คงไม่ได้นอนเฉย ๆ แน่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD