เสียงเครื่องบินส่วนตัวค่อย ๆ ร่อนลงแตะรันเวย์สนามบินภูเก็ตในช่วงบ่ายแก่ ๆ แสงแดดยังเจิดจ้า แต่ลมทะเลเริ่มพัดเอื่อยราวกับเชื้อเชิญให้ใครสักคน...ปล่อยตัวให้ผ่อนคลาย
อลิสแตร์พาลลิลขึ้นรถลีมูซีนที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว มุ่งหน้าไปยังโรงแรมหรูระดับ Ultra Luxury บนหาดส่วนตัว
เมื่อมาถึง พนักงานต้อนรับยืนเรียงรายตั้งแต่ล็อบบี้ พร้อมพาแขกพิเศษขึ้นลิฟต์ส่วนตัวสู่ชั้นบนสุดของตึก
ประตูห้องเพนต์เฮ้าส์เปิดออก เผยให้เห็นพื้นที่โปร่งกว้างตกแต่งโทนไม้สีเข้มผสมทองและขาว แสงธรรมชาติทะลุผ่านกระจกบานสูงจากพื้นจรดเพดาน เผยวิวทะเลระยิบระยับราวกับภาพวาด
เพดานสูงแบบ Double Volume ทำให้ห้องกว้างโปร่ง ด้านในเป็นโถงรับแขกสไตล์ Modern Luxury ที่แยกเป็นสองห้องนอน คนละฝั่งของพื้นที่ส่วนกลาง
อลิสปรายตามองรอบห้อง
“ห้องนอนฝั่งขวาเป็นของคุณ” เสียงทุ้มเรียบของอลิสดังขึ้นข้างหลังลลิลที่กำลังตะลึงกับวิวทะเล
“ส่วนห้องของผม อยู่ติดกัน...”
อลิสทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แต่เขากลับมองเธอด้วยสายตาลุ่มลึก
ลลิลหันมามองพลางเลิกคิ้วสงสัย
“คะ?”
“คุณไปจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ...”
เขาพูดเสียงต่ำในจังหวะที่เดินเฉียดเธอเข้ามาใกล้จนกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากน้ำหอมของเขาแตะปลายจมูกเธอ
“ตอนเย็นค่อยลงไปหาอะไรกินข้างล่างกัน”
“แต่เราไม่ได้มาทำงานตอนนี้เหรอคะ?” ลลิลถามเสียงเบา พยายามไม่สบตาเขานานเกินไป
อลิสหยุดเดินห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว หันกลับมามองตรง ๆ
“งานคืนนี้เริ่มพรุ่งนี้ แต่เวลานี้…”
“ผมขอให้คุณพัก เพื่อ ‘เก็บแรง’ ไว้ดีกว่า”
น้ำเสียงเน้นตรงคำว่าเก็บแรง ทำให้เธอเม้มริมฝีปาก และหลบตาอย่างช่วยไม่ได้
อะไร? เก็บแรงอะไรของเขา
อลิสปรายตามองเธอเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องฝั่งซ้ายมือ ทิ้งเธอไว้กลางห้องนั่งเล่นที่เงียบสนิท...นอกจากเสียงหัวใจเธอที่ยังเต้นแรง
—
30 นาทีต่อมา...
ลลิลก้าวออกจากห้องนอนส่วนตัวในชุดเดรสสั้นสีครีมพิมพ์ลายลูกไม้บางเบา เนื้อผ้าพริ้วไหวแนบเนื้ออย่างพอดิบพอดี ด้านหน้าดูเรียบง่ายนุ่มนวล ทว่าแผ่นหลังเว้าเปลือยลึกจนเกือบถึงเอวเผยผิวเนียนน่าสัมผัส เพิ่มลูกเล่นเซ็กซี่อย่างจงใจ
เธอหวีผมให้เป็นลอนอ่อน ๆ แล้วปล่อยไว้หลวม ๆ ริมฝีปากแตะสีชมพูอ่อนละมุน เครื่องหน้าแต่งเพียงบางเบาแต่พอมีสีสัน
เธอกะจะลงไปหาอะไรเย็น ๆ กินข้างล่าง แต่พอเปิดประตูห้องนอนออก...
อลิสนั่งอยู่บนโซฟาเรียบหรูกลางห้องโถง
เขาสวมเสื้อเชิ้ตผ้าซาตินเนื้อด้านสีกรมท่า แขนพับขึ้นถึงข้อศอก เผยท่อนแขนแน่นกำลังดี เส้นเลือดใต้ผิวขาวอมแทนขับให้ข้อมือที่สวมเรือนเวลาสีดำทองดูโดดเด่น
กางเกงสแลคผ้าละเอียดเข้ารูปสีเทาเข้มพอดีตัว ท่อนขาข้างหนึ่งพาดเข่าอีกข้างอย่างสบาย ๆ
เมื่อเธอก้าวออกจากห้อง ดวงตาคมเฉียบของเขาเงยขึ้นมามองตรงพอดี
สายตานั้นไล่มองตั้งแต่ปลายผมที่เธอเป็นลอนธรรมชาติ จนถึงปลายขาเปลือยในเดรสสั้นลูกไม้สีครีม…
ช้า…นิ่ง…และลึกเสียจนลมหายใจของเธอสะดุด เริ่มติดขัด
“เอ่อ...จะลงไปหาอะไรทานเลยมั้ยคะ?”
ลลิลพยายามพูดให้เสียงมั่นคง แม้ใบหน้าจะร้อนผ่าวแทบลามถึงปลายหู
อลิสแตร์เอนตัวพิงพนักเบา ๆ ก่อนตบเบาะข้างตัวเองเบา ๆ
“นั่งก่อนสิ...”
“ร้านอาหารเขาจัดวิวดีที่สุดไว้ให้แล้ว”
เสียงของเขาทุ้มต่ำ ฟังดูธรรมดาแต่กลับทำให้หัวใจเธอกระตุกไม่เป็นจังหวะ
ลลิลชั่งใจ...ก่อนจะก้าวไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน โดยเว้นระยะห่างจากเขาเล็กน้อย
อลิสเหลือบมอง แล้วเอนตัวพิงพนักอย่างผ่อนคลาย แขนข้างหนึ่งพาดขอบพนักโซฟา หลังเหยียดตรงอย่างคนมีอำนาจ
“ชุดคุณน่ารักดีนะ...” เขาเอ่ยขึ้นเสียงทุ้ม
“แต่เมื่อคืน...” เขาหยุดนิดหนึ่ง สบตาเธอด้วยแววตาลุ่มลึกเกินคาดเดา
“คุณ...น่ากินมากกว่า”
“คะ!?” ลลิลหันขวับมาอย่างตกใจ
อลิสยักคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเรียบ พร้อมยิ้มที่มุมปากแบบคนที่รู้อยู่เต็มอก
“ผมหมายถึงไวน์ที่คุณชิมเมื่อคืน”
“มันหวาน...นุ่มลิ้น...และน่าจดจำมาก”
ลลิลกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
เธอไม่แน่ใจเลยว่าเขากำลังพูดถึง ‘ไวน์’ หรือกำลังจะบอกอะไรเธอ ผ่านประโยคนั้น
แล้วเขาก็โน้มตัวเข้ามาใกล้อีกนิด ใกล้จนกลิ่นน้ำหอมโน้ตหนังและไม้เข้ม ๆ ของเขากลืนเข้ากับลมหายใจของเธอ
ริมฝีปากเขาเอียงยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกระซิบ...
“ไวน์เมื่อคืน...หวานสมใจไหม?”
คำถามแฝงความหมายซับซ้อนเกินจะตอบ เธอรู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจตัวเอง...และไอร้อนบนผิวแก้ม
เขาไม่พูดอะไรต่อ แค่จ้องตาเธอนิ่ง ๆ ด้วยสายตาที่เหมือนกำลังรอคำตอบ แต่ลลิลไม่กล้าพูดอะไร...เพราะกลัวจะเผลอพูดเรื่องฝันประหลาดเมื่อคืนออกไป
เสียงข้อความแจ้งเตือนเบา ๆ ดังขึ้นจากมือถือของเขา อลิสแตร์เหลือบตามอง แล้วผละตัวลุกขึ้นช้า ๆ
“ไปกันเถอะ...”
“โต๊ะที่ ‘Blue Elephant’ จัดไว้ให้พร้อมแล้ว”
เขาพูดเรียบ ๆ แต่ขณะเดินผ่านหลังเธอ...กลับโน้มหน้าลงกระซิบแผ่วที่ข้างหู
“...หวังว่ารสอาหารจะไม่ทำให้คุณหน้าแดง...เหมือนตอนนี้”
...
Blue Elephant Phuket | คฤหาสน์เก่า
พระอาทิตย์คล้อยต่ำพาดแสงทองผ่านซุ้มไม้โบราณของคฤหาสน์หลวงจันทร์อุทิศฯ — สถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยที่ได้รับการบูรณะอย่างประณีต กลายเป็นร้านอาหารไทยแบบ Fine Dining ชื่อดังอย่าง Blue Elephant
เสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทของรถลีมูซีนหรูหยุดลงตรงหน้าบันไดหินอ่อน ลลิลก้าวลงจากรถอย่างสง่างามในชุดเดรสสั้นสีครีม แผ่นหลังเว้าลึกเป็นเส้นโค้งอ่อน เผยผิวเนียนนวลใต้แสงเย็นย่ำของยามเย็น เธอสวมรองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีงาช้าง เสียงปลายส้นแตะพื้นไม้เนื้อแข็งของคฤหาสน์ดังแผ่วเบาแต่หนักแน่นในทุกย่างก้าว
ข้างเธอคืออลิสแตร์ในลุคเรียบหรูแต่เฉียบคม เสื้อเชิ้ตผ้าซาตินเนื้อด้านสีกรมท่าถูกปลดกระดุมคอออกหนึ่งเม็ด แขนเสื้อพับขึ้นถึงข้อศอก เผยแนวกล้ามแขนแน่นกำลังดี กางเกงสแลคเข้ารูปสีเทากราไฟต์รับกับสไตล์โดยรวมอย่างสมบูรณ์ เขาไม่สวมเนคไท แต่กลับแผ่รังสีดึงดูดสายตาของทุกคน แววตาเงียบขรึมแต่ซ่อนแววระยิบระยับในคราวที่หันมองเธอ
เจ้าหน้าที่เปิดประตูไม้สูงโปร่งต้อนรับพวกเขาทั้งสอง—ไม่มีแขกคนอื่นเลยในค่ำคืนนี้
“ร้านนี้…ไม่มีลูกค้าเลยเหรอคะ?”
ลลิลเอ่ยเบา ๆ ขณะเดินผ่านโถงทางเข้าตกแต่งด้วยเสาไม้แกะลาย และเครื่องลายครามโบราณ
อลิสปรายตามองเธอ ยกยิ้มเล็กน้อย
“ผมไม่ชอบเสียงรบกวนตอนกินข้าว”
“ก็เลย...เหมาทั้งร้าน”
คำตอบนั้นทำให้ลลิลชะงัก — ไม่ใช่เพราะความรวย แต่เพราะความเฉยชาเวลาเขาพูดเรื่องฟุ่มเฟือย มันไม่ใช่การอวด...แต่เหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา
เธอเดินตามเขาผ่านโถงคฤหาสน์ที่เปล่งประกายด้วยไฟระย้า ก่อนพนักงานจะพาเข้าสู่ห้องรับรองส่วนตัวด้านใน — ห้อง VIP ที่มีผ้าม่านไหมทองอ่อนทอดตัวละมุน แสงตะเกียงสะท้อนผืนน้ำในสวนหลังร้านที่เงียบราวต้องมนตร์
โต๊ะไม้สักสั่งทำพิเศษ...มีเพียงเก้าอี้สองตัว และเทียนหอมลอยไส้กลางโต๊ะ
“เชิญค่ะ” พนักงานโค้งตัวก่อนถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ
อลิสแตร์เลื่อนเก้าอี้ให้เธออย่างสุภาพ ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม
ไวน์แดงถูกรินลงแก้วคริสตัล เสียงน้ำไวน์สัมผัสแก้วใสดังแผ่ว...เหมือนบอกว่าค่ำคืนนี้เพิ่งจะเริ่ม
“มื้อนี้เป็นอาหารไทยต้นตำรับ...ร้านนี้ทำได้ดีที่สุดในภูเก็ต ผมอยากให้คุณลอง”
เขาพูดเรียบ ๆ มือข้างหนึ่งหมุนแก้วไวน์ช้า ๆ แสงสะท้อนจากเทียนจับกับขอบแก้วจนเกิดประกายระยิบระยับ
“ค่ะ ที่นี่บรรยากาศสวยมาก” ลลิลยิ้มหวาน แต่น้ำเสียงเธอกลับสั่นเล็กน้อย เพราะดวงตาคมที่จ้องเธอราวกับต้องการอ่านใจเธอ
อาหารทยอยเสิร์ฟ — มัสมั่นเนื้อที่เคี่ยวนานจนเปื่อยนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศลึกซึ้ง ยำส้มโอกุ้งแม่น้ำหวานฉ่ำ ห่อหมกในกระทงใบตองเรียงมาอย่างประณีต และต้มยำกุ้งเดือดปุด ๆ ในหม้อสีทอง
ทุกจานดูเหมือนหลุดมาจากแกลเลอรี่อาหารศิลป์
อลิสทานอาหารอย่างเงียบเชียบ แต่ทุกครั้งที่ลลิลเงยหน้าขึ้น...สายตาของเขายังคงอยู่ที่เธอ
“คุณเงียบจังค่ะ”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนวางส้อมลงช้า ๆ
“ผมกำลังเพลิน...กับการมองอะไรที่น่ามองกว่าอาหาร”
ลลิลหัวเราะเบา ๆ อย่างเขิน แต่ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร
อลิสก็วางแขนพาดพนักเก้าอี้ และเอียงหน้าเล็กน้อย...รอยยิ้มเจ้าเล่ห์คลี่ออก
“แต่รู้ไหม...บรรยากาศแบบนี้ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่า มื้อนี้มันยังไม่อิ่มพอ”
เธอชะงัก ปลายช้อนหยุด
“คะ? คุณหมายถึง...อาหาร หรือว่า…”
คำถามเธอหลุดออกมาด้วยเสียงเบาหวิว
อลิสมองสบตาเธอนิ่ง...ก่อนจะเอียงศีรษะช้า ๆ แล้วเอ่ยเบา ๆ
“แล้วคุณล่ะ คิดว่าผมหมายถึงอะไร?”
เพียงแค่สบกับดวงตาคู่นั้น ใบหน้าของลลิลก็แทบลุกเป็นไฟ เธอหลบตา หัวใจเต้นแรงเกินจะควบคุม ปลายนิ้วแตะขอบแก้วไวน์แบบเก้ ๆ กัง ๆ
แต่อลิสเพียงยิ้มบาง ๆ แล้วจิบไวน์อย่างใจเย็น
คืนนี้...ยังอีกยาว และรสหวานที่แท้จริงของค่ำคืนนี้—อาจไม่ได้อยู่ในจานอาหาร
✨🍷✨🍷✨🍷