ตอนที่ 10 ห้องพักหรู และดินเนอร์รสไวน์

1703 Words
เสียงเครื่องบินส่วนตัวค่อย ๆ ร่อนลงแตะรันเวย์สนามบินภูเก็ตในช่วงบ่ายแก่ ๆ แสงแดดยังเจิดจ้า แต่ลมทะเลเริ่มพัดเอื่อยราวกับเชื้อเชิญให้ใครสักคน...ปล่อยตัวให้ผ่อนคลาย อลิสแตร์พาลลิลขึ้นรถลีมูซีนที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว มุ่งหน้าไปยังโรงแรมหรูระดับ Ultra Luxury บนหาดส่วนตัว เมื่อมาถึง พนักงานต้อนรับยืนเรียงรายตั้งแต่ล็อบบี้ พร้อมพาแขกพิเศษขึ้นลิฟต์ส่วนตัวสู่ชั้นบนสุดของตึก ประตูห้องเพนต์เฮ้าส์เปิดออก เผยให้เห็นพื้นที่โปร่งกว้างตกแต่งโทนไม้สีเข้มผสมทองและขาว แสงธรรมชาติทะลุผ่านกระจกบานสูงจากพื้นจรดเพดาน เผยวิวทะเลระยิบระยับราวกับภาพวาด เพดานสูงแบบ Double Volume ทำให้ห้องกว้างโปร่ง ด้านในเป็นโถงรับแขกสไตล์ Modern Luxury ที่แยกเป็นสองห้องนอน คนละฝั่งของพื้นที่ส่วนกลาง อลิสปรายตามองรอบห้อง “ห้องนอนฝั่งขวาเป็นของคุณ” เสียงทุ้มเรียบของอลิสดังขึ้นข้างหลังลลิลที่กำลังตะลึงกับวิวทะเล “ส่วนห้องของผม อยู่ติดกัน...” อลิสทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แต่เขากลับมองเธอด้วยสายตาลุ่มลึก ลลิลหันมามองพลางเลิกคิ้วสงสัย “คะ?” “คุณไปจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ...” เขาพูดเสียงต่ำในจังหวะที่เดินเฉียดเธอเข้ามาใกล้จนกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากน้ำหอมของเขาแตะปลายจมูกเธอ “ตอนเย็นค่อยลงไปหาอะไรกินข้างล่างกัน” “แต่เราไม่ได้มาทำงานตอนนี้เหรอคะ?” ลลิลถามเสียงเบา พยายามไม่สบตาเขานานเกินไป อลิสหยุดเดินห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว หันกลับมามองตรง ๆ “งานคืนนี้เริ่มพรุ่งนี้ แต่เวลานี้…” “ผมขอให้คุณพัก เพื่อ ‘เก็บแรง’ ไว้ดีกว่า” น้ำเสียงเน้นตรงคำว่าเก็บแรง ทำให้เธอเม้มริมฝีปาก และหลบตาอย่างช่วยไม่ได้ อะไร? เก็บแรงอะไรของเขา อลิสปรายตามองเธอเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องฝั่งซ้ายมือ ทิ้งเธอไว้กลางห้องนั่งเล่นที่เงียบสนิท...นอกจากเสียงหัวใจเธอที่ยังเต้นแรง — 30 นาทีต่อมา... ลลิลก้าวออกจากห้องนอนส่วนตัวในชุดเดรสสั้นสีครีมพิมพ์ลายลูกไม้บางเบา เนื้อผ้าพริ้วไหวแนบเนื้ออย่างพอดิบพอดี ด้านหน้าดูเรียบง่ายนุ่มนวล ทว่าแผ่นหลังเว้าเปลือยลึกจนเกือบถึงเอวเผยผิวเนียนน่าสัมผัส เพิ่มลูกเล่นเซ็กซี่อย่างจงใจ เธอหวีผมให้เป็นลอนอ่อน ๆ แล้วปล่อยไว้หลวม ๆ ริมฝีปากแตะสีชมพูอ่อนละมุน เครื่องหน้าแต่งเพียงบางเบาแต่พอมีสีสัน เธอกะจะลงไปหาอะไรเย็น ๆ กินข้างล่าง แต่พอเปิดประตูห้องนอนออก... อลิสนั่งอยู่บนโซฟาเรียบหรูกลางห้องโถง เขาสวมเสื้อเชิ้ตผ้าซาตินเนื้อด้านสีกรมท่า แขนพับขึ้นถึงข้อศอก เผยท่อนแขนแน่นกำลังดี เส้นเลือดใต้ผิวขาวอมแทนขับให้ข้อมือที่สวมเรือนเวลาสีดำทองดูโดดเด่น กางเกงสแลคผ้าละเอียดเข้ารูปสีเทาเข้มพอดีตัว ท่อนขาข้างหนึ่งพาดเข่าอีกข้างอย่างสบาย ๆ เมื่อเธอก้าวออกจากห้อง ดวงตาคมเฉียบของเขาเงยขึ้นมามองตรงพอดี สายตานั้นไล่มองตั้งแต่ปลายผมที่เธอเป็นลอนธรรมชาติ จนถึงปลายขาเปลือยในเดรสสั้นลูกไม้สีครีม… ช้า…นิ่ง…และลึกเสียจนลมหายใจของเธอสะดุด เริ่มติดขัด “เอ่อ...จะลงไปหาอะไรทานเลยมั้ยคะ?” ลลิลพยายามพูดให้เสียงมั่นคง แม้ใบหน้าจะร้อนผ่าวแทบลามถึงปลายหู อลิสแตร์เอนตัวพิงพนักเบา ๆ ก่อนตบเบาะข้างตัวเองเบา ๆ “นั่งก่อนสิ...” “ร้านอาหารเขาจัดวิวดีที่สุดไว้ให้แล้ว” เสียงของเขาทุ้มต่ำ ฟังดูธรรมดาแต่กลับทำให้หัวใจเธอกระตุกไม่เป็นจังหวะ ลลิลชั่งใจ...ก่อนจะก้าวไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน โดยเว้นระยะห่างจากเขาเล็กน้อย อลิสเหลือบมอง แล้วเอนตัวพิงพนักอย่างผ่อนคลาย แขนข้างหนึ่งพาดขอบพนักโซฟา หลังเหยียดตรงอย่างคนมีอำนาจ “ชุดคุณน่ารักดีนะ...” เขาเอ่ยขึ้นเสียงทุ้ม “แต่เมื่อคืน...” เขาหยุดนิดหนึ่ง สบตาเธอด้วยแววตาลุ่มลึกเกินคาดเดา “คุณ...น่ากินมากกว่า” “คะ!?” ลลิลหันขวับมาอย่างตกใจ อลิสยักคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเรียบ พร้อมยิ้มที่มุมปากแบบคนที่รู้อยู่เต็มอก “ผมหมายถึงไวน์ที่คุณชิมเมื่อคืน” “มันหวาน...นุ่มลิ้น...และน่าจดจำมาก” ลลิลกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เธอไม่แน่ใจเลยว่าเขากำลังพูดถึง ‘ไวน์’ หรือกำลังจะบอกอะไรเธอ ผ่านประโยคนั้น แล้วเขาก็โน้มตัวเข้ามาใกล้อีกนิด ใกล้จนกลิ่นน้ำหอมโน้ตหนังและไม้เข้ม ๆ ของเขากลืนเข้ากับลมหายใจของเธอ ริมฝีปากเขาเอียงยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกระซิบ... “ไวน์เมื่อคืน...หวานสมใจไหม?” คำถามแฝงความหมายซับซ้อนเกินจะตอบ เธอรู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจตัวเอง...และไอร้อนบนผิวแก้ม เขาไม่พูดอะไรต่อ แค่จ้องตาเธอนิ่ง ๆ ด้วยสายตาที่เหมือนกำลังรอคำตอบ แต่ลลิลไม่กล้าพูดอะไร...เพราะกลัวจะเผลอพูดเรื่องฝันประหลาดเมื่อคืนออกไป เสียงข้อความแจ้งเตือนเบา ๆ ดังขึ้นจากมือถือของเขา อลิสแตร์เหลือบตามอง แล้วผละตัวลุกขึ้นช้า ๆ “ไปกันเถอะ...” “โต๊ะที่ ‘Blue Elephant’ จัดไว้ให้พร้อมแล้ว” เขาพูดเรียบ ๆ แต่ขณะเดินผ่านหลังเธอ...กลับโน้มหน้าลงกระซิบแผ่วที่ข้างหู “...หวังว่ารสอาหารจะไม่ทำให้คุณหน้าแดง...เหมือนตอนนี้” ... Blue Elephant Phuket | คฤหาสน์เก่า พระอาทิตย์คล้อยต่ำพาดแสงทองผ่านซุ้มไม้โบราณของคฤหาสน์หลวงจันทร์อุทิศฯ — สถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยที่ได้รับการบูรณะอย่างประณีต กลายเป็นร้านอาหารไทยแบบ Fine Dining ชื่อดังอย่าง Blue Elephant เสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทของรถลีมูซีนหรูหยุดลงตรงหน้าบันไดหินอ่อน ลลิลก้าวลงจากรถอย่างสง่างามในชุดเดรสสั้นสีครีม แผ่นหลังเว้าลึกเป็นเส้นโค้งอ่อน เผยผิวเนียนนวลใต้แสงเย็นย่ำของยามเย็น เธอสวมรองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีงาช้าง เสียงปลายส้นแตะพื้นไม้เนื้อแข็งของคฤหาสน์ดังแผ่วเบาแต่หนักแน่นในทุกย่างก้าว ข้างเธอคืออลิสแตร์ในลุคเรียบหรูแต่เฉียบคม เสื้อเชิ้ตผ้าซาตินเนื้อด้านสีกรมท่าถูกปลดกระดุมคอออกหนึ่งเม็ด แขนเสื้อพับขึ้นถึงข้อศอก เผยแนวกล้ามแขนแน่นกำลังดี กางเกงสแลคเข้ารูปสีเทากราไฟต์รับกับสไตล์โดยรวมอย่างสมบูรณ์ เขาไม่สวมเนคไท แต่กลับแผ่รังสีดึงดูดสายตาของทุกคน แววตาเงียบขรึมแต่ซ่อนแววระยิบระยับในคราวที่หันมองเธอ เจ้าหน้าที่เปิดประตูไม้สูงโปร่งต้อนรับพวกเขาทั้งสอง—ไม่มีแขกคนอื่นเลยในค่ำคืนนี้ “ร้านนี้…ไม่มีลูกค้าเลยเหรอคะ?” ลลิลเอ่ยเบา ๆ ขณะเดินผ่านโถงทางเข้าตกแต่งด้วยเสาไม้แกะลาย และเครื่องลายครามโบราณ อลิสปรายตามองเธอ ยกยิ้มเล็กน้อย “ผมไม่ชอบเสียงรบกวนตอนกินข้าว” “ก็เลย...เหมาทั้งร้าน” คำตอบนั้นทำให้ลลิลชะงัก — ไม่ใช่เพราะความรวย แต่เพราะความเฉยชาเวลาเขาพูดเรื่องฟุ่มเฟือย มันไม่ใช่การอวด...แต่เหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา เธอเดินตามเขาผ่านโถงคฤหาสน์ที่เปล่งประกายด้วยไฟระย้า ก่อนพนักงานจะพาเข้าสู่ห้องรับรองส่วนตัวด้านใน — ห้อง VIP ที่มีผ้าม่านไหมทองอ่อนทอดตัวละมุน แสงตะเกียงสะท้อนผืนน้ำในสวนหลังร้านที่เงียบราวต้องมนตร์ โต๊ะไม้สักสั่งทำพิเศษ...มีเพียงเก้าอี้สองตัว และเทียนหอมลอยไส้กลางโต๊ะ “เชิญค่ะ” พนักงานโค้งตัวก่อนถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ อลิสแตร์เลื่อนเก้าอี้ให้เธออย่างสุภาพ ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม ไวน์แดงถูกรินลงแก้วคริสตัล เสียงน้ำไวน์สัมผัสแก้วใสดังแผ่ว...เหมือนบอกว่าค่ำคืนนี้เพิ่งจะเริ่ม “มื้อนี้เป็นอาหารไทยต้นตำรับ...ร้านนี้ทำได้ดีที่สุดในภูเก็ต ผมอยากให้คุณลอง” เขาพูดเรียบ ๆ มือข้างหนึ่งหมุนแก้วไวน์ช้า ๆ แสงสะท้อนจากเทียนจับกับขอบแก้วจนเกิดประกายระยิบระยับ “ค่ะ ที่นี่บรรยากาศสวยมาก” ลลิลยิ้มหวาน แต่น้ำเสียงเธอกลับสั่นเล็กน้อย เพราะดวงตาคมที่จ้องเธอราวกับต้องการอ่านใจเธอ อาหารทยอยเสิร์ฟ — มัสมั่นเนื้อที่เคี่ยวนานจนเปื่อยนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศลึกซึ้ง ยำส้มโอกุ้งแม่น้ำหวานฉ่ำ ห่อหมกในกระทงใบตองเรียงมาอย่างประณีต และต้มยำกุ้งเดือดปุด ๆ ในหม้อสีทอง ทุกจานดูเหมือนหลุดมาจากแกลเลอรี่อาหารศิลป์ อลิสทานอาหารอย่างเงียบเชียบ แต่ทุกครั้งที่ลลิลเงยหน้าขึ้น...สายตาของเขายังคงอยู่ที่เธอ “คุณเงียบจังค่ะ” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนวางส้อมลงช้า ๆ “ผมกำลังเพลิน...กับการมองอะไรที่น่ามองกว่าอาหาร” ลลิลหัวเราะเบา ๆ อย่างเขิน แต่ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร อลิสก็วางแขนพาดพนักเก้าอี้ และเอียงหน้าเล็กน้อย...รอยยิ้มเจ้าเล่ห์คลี่ออก “แต่รู้ไหม...บรรยากาศแบบนี้ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่า มื้อนี้มันยังไม่อิ่มพอ” เธอชะงัก ปลายช้อนหยุด “คะ? คุณหมายถึง...อาหาร หรือว่า…” คำถามเธอหลุดออกมาด้วยเสียงเบาหวิว อลิสมองสบตาเธอนิ่ง...ก่อนจะเอียงศีรษะช้า ๆ แล้วเอ่ยเบา ๆ “แล้วคุณล่ะ คิดว่าผมหมายถึงอะไร?” เพียงแค่สบกับดวงตาคู่นั้น ใบหน้าของลลิลก็แทบลุกเป็นไฟ เธอหลบตา หัวใจเต้นแรงเกินจะควบคุม ปลายนิ้วแตะขอบแก้วไวน์แบบเก้ ๆ กัง ๆ แต่อลิสเพียงยิ้มบาง ๆ แล้วจิบไวน์อย่างใจเย็น คืนนี้...ยังอีกยาว และรสหวานที่แท้จริงของค่ำคืนนี้—อาจไม่ได้อยู่ในจานอาหาร ✨🍷✨🍷✨🍷
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD