เสียงลิฟต์ส่วนตัว ‘ติ๊ง’ เบา ๆ เมื่อทั้งสองกลับมาถึงชั้นบนสุดของโรงแรม อลิสแตร์เดินนำลลิลเข้ามาในห้องเพนต์เฮ้าส์ที่เปิดไฟสลัวไว้ตั้งแต่ก่อนออกไป—แสงไฟวอร์มไวท์แตะแนวผนังหินอ่อนเบา ๆ ทำให้บรรยากาศดูอุ่น...และน่าใจเต้นกว่าเดิม
ลลิลถอดรองเท้าส้นสูงออกอย่างเบา ๆ หวังจะรีบหนีกลับเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุด
“ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว” เสียงของเขาต่ำและนุ่ม แต่ดึงดูดจนเธอลืมหายใจ อลิสเดินเข้ามาใกล้เธอกว่าที่ควร ใกล้จนเธอต้องหยุดชะงัก
อลิสยื่นมือมาด้านหน้า...ปลายนิ้วแตะแก้มเธอแผ่วเบา แล้วเกลี่ยอะไรบางอย่างที่มุมปาก
“ไวน์เลอะ” เขาพูดสั้น ๆ
แต่ลมหายใจอุ่นที่รินรดตรงผิวแก้ม...ทำให้เธอหน้าแดงวาบ ก่อนจะเบือนหน้าหนีพลางหัวเราะเก้อ ๆ
“ขอบคุณค่ะ…”
เธอกำลังจะเดินถอย แต่อลิสไวกว่า มืออีกข้างดันหลังเธอเบา ๆ พาเธอเดินไปทางโซฟา
“นั่งก่อนสิ”
น้ำเสียงไม่ใช่คำสั่ง...แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้
เธอยอมนั่งลงตามแรงนำ โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หัวใจเธอเต้นรัวแรง และบรรยากาศรอบตัวก็เงียบเกินไป...เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
อลิสเดินไปหยิบแฟ้มเอกสาร แล้วเดินกลับมาที่โซฟา
“ก่อนคุณจะพัก ผมอยากให้ดูสรุปข้อมูลโครงการที่เราจะพรีเซนต์พรุ่งนี้ก่อนนิดหน่อย”
ลลิลรับไว้พลางกะพริบตา
“ตอนนี้เลยเหรอคะ...?”
“หลังดินเนอร์ดี ๆ แบบนี้ มีเวลาไหนเหมาะกว่านี้อีกเหรอ?”
เขายกยิ้มที่มุมปาก ก่อนเอ่ยต่อเสียงต่ำ
“เพราะถ้าคุณดูตอนเช้า...ผมอาจต้องใช้วิธีอื่นช่วยให้คุณจำ”
“วิธี...อะไรคะ?” เธอเผลอถามออกมาก่อนจะทันคิด
อลิสแตร์ไม่ตอบทันที เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบขวดไวน์แล้วเทมันลงในแก้วคริสตัล เสียงไวน์รินเบา ๆ ดังในความเงียบ ก่อนที่เขาจะเดินกลับมานั่งลงบนโซฟาตัวเดิม
สายตาคมกริบกวาดมองเธอตั้งแต่ปลายผมจรดปลายเท้า — ช้าและจงใจ
“เลขาส่วนตัว...ควรรู้ว่าเจ้านายคิดอะไรอยู่ ตั้งแต่ตอนที่สบตากันครั้งแรก”
เขาจิบไวน์ช้า ๆ ก่อนวางแก้วลง แล้วพูดต่อราวกับกำลังสั่งงานธรรมดา
“ถือซะว่า...นี่คือการฝึกงานพิเศษต่อจากมื้อดินเนอร์”
ลลิลยกแฟ้มขึ้นบังหน้าเล็กน้อย พลางเม้มริมฝีปากกลั้นลมหายใจที่เริ่มร้อนขึ้นทุกที
“…ฉันจะอ่านให้จบคืนนี้ค่ะ”
เธอกัดฟันพูด กลบอาการร้อนวูบวาบที่เริ่มลามไปทั้งตัว
อลิสแตร์ลุกขึ้นอีกครั้ง เดินเฉียดผ่านด้านหลังเธอไปช้า ๆ ก่อนจะหยุดลงข้างหู กระซิบเสียงต่ำจนลมหายใจอุ่น ๆ รินรดแนวแก้มเนียน
“ดี...หวังว่า ‘งานคืนนี้’ จะไม่ทำให้คุณฝัน…”
เขาหยุดเว้นจังหวะสั้น ๆ — แล้วกระซิบประโยคสุดท้ายชิดใบหูเธอ
“…แล้วครางเรียกชื่อผมอีกนะ”
“บอส!!!”
ลลิลหลุดเสียงดังเบา ๆ อย่างตกใจ หันขวับ แต่อลิสเดินผละออกไปแล้ว
เสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอคือสิ่งสุดท้ายที่เธอได้ยิน ก่อนที่ประตูห้องเขาจะปิดลงอย่างสนิท เหลือเพียงลลิลที่ยังนั่งนิ่ง บนโซฟากลางห้อง มือยังกำแฟ้มไว้แน่น แต่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ
“บ้าชะมัด...”
เธอบ่นพึมพำ ก่อนลุกพรวดพร้อมแฟ้มในมือ เดินเข้าห้องตัวเองหน้าแดงระเรื่อ
คืนนี้...เธอไม่แน่ใจแล้วว่า จะหลับลงได้เพราะแฟ้มงาน หรือเพราะ ‘คำพูดของเขา’
30 นาทีต่อมา…
ลลิลเดินออกจากห้องน้ำในชุดนอนสายเดี่ยวผ้าซาตินสีแดงไวน์ คัตลิ่งเว้าหลังบางเบา แนบผิวจนเห็นส่วนเว้าโค้งทุกจุดของร่างกาย
ปลายผมยังชื้นจากไอน้ำอุ่น ริมฝีปากแต่งสีระเรื่อจากลิปบาล์ม และผิวแก้มแดงจางจากไอน้ำในห้องอาบน้ำ
เธอไม่คิดว่าใครจะเห็น…เพราะเธออยู่ในห้องของตัวเอง
มือบางหยิบแฟ้มงานจากโต๊ะเล็กปลายเตียงมาเปิดดู ทันทีที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเบา ๆ
“บอสอยากได้ข้อมูลหน้าไหนกันแน่เนี่ย…”
เธอพึมพำในคอ ขณะเลื่อนสายตาไปตามเอกสาร จนกระทั่ง…
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ
“ค่ะ...” ลลิลขานรับ พลางเดินไปเปิดประตูอย่างไม่ทันระวัง
เมื่อประตูเปิดออก…
เธอก็เบิกตากว้าง หายใจติดขัด เหมือนอากาศที่มีไม่เพียงพอ
อลิสแตร์ยืนอยู่ตรงหน้าในสภาพ...มีเพียงกางเกงนอนขายาวเนื้อผ้านิ่มสีเข้มพอดีเอว แผงอกกว้างและหน้าท้องแน่นเป็นลอนชัดเจน
ผ้าขนหนูสีขาวคลุมอยู่บนเส้นผมเปียกหมาดแบบลวก ๆ
หยดน้ำยังเกาะบนผิวแน่นตึงของแผ่นอก ไล่ลงมาตามร่องท้องราวกับตั้งใจทำเอาลลิลถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย
“แฟ้ม”
เสียงเรียบต่ำดังขึ้น
ลลิลยืนนิ่ง ค้างเป็นรูปปั้นไปหลายวินาที
“อ-อะไรนะคะ?”
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น เช็ดน้ำจากต้นคอลวก ๆ ก่อนพูดซ้ำ
“แฟ้มที่อยู่กับคุณ…ผมลืมเอกสารไว้หน้าสุดท้าย”
“อะ…อ๋อ ค่ะ! เดี๋ยวค่ะ—”
เธอรีบเดินกลับไปหยิบแฟ้มที่อยู่บนเตียงมาให้ ใจเต้นแรงจนมือสั่น
เธอยื่นให้ แต่เขาไม่รับทันที
อลิสก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว จงใจยืนใกล้พอให้ไอน้ำจากตัวเขาแตะผิวเธออย่างบางเบา
สายตาไล่จากแก้มแดงของเธอลงมาถึงชุดที่เธอใส่...แล้วหยุดตรงแนวไหล่บางที่สายเดี่ยวเกี่ยวไว้แทบไม่อยู่
“คุณแต่งตัวแบบนี้ตอนอ่านเอกสารทุกคืนหรือเปล่า?”
เสียงของเขาเรียบ แต่ดวงตาสั่นไหวระริกแบบที่ทำให้เธอกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
“ม-ไม่ค่ะ...แค่...คือ มันร้อน”
เขาเลิกคิ้ว
“ผมว่ามัน...อุ่นพอดี”
เขารับแฟ้มไป มือของเขาเฉียดหลังมือเธอเพียงเสี้ยววินาที—แต่ราวกับทิ้งไฟฟ้าสถิตไว้ทั้งฝ่ามือ
อลิสเปิดแฟ้มดูเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้น
“อ่านถึงตรงนี้แล้วเหรอ?”
“ก็...พยายามจะอ่านค่ะ” เธอเบี่ยงสายตาหลบ แต่อยู่ดี ๆ เขาก็โน้มหน้าเข้ามาอีกนิด
“คุณยังไม่นอนใช่ไหม?”
เสียงเขาแผ่วเบา แต่กระแทกลงบนใจเธอเต็มแรง
“…ผมมีงานเพิ่มให้คุณอีกนิดหน่อย”
อลิสแตร์ยกมือขยี้ผ้าขนหนูบนศีรษะตัวเองเบา ๆ ก่อนยกยิ้มมุมปากแบบที่เธอไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก
“เจอกันที่โซฟา...อีก 10 นาที”
แล้วเขาก็หันหลังกลับ เดินจากไปพร้อมกล้ามท้องแน่น ๆ ที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะฝีเท้า
ลลิลยืนตัวแข็งอยู่นาน ก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ
“…นี่มันงาน หรือฉันกำลังโดนบอสปั่นหัวกันแน่คะเนี่ย”
10 นาทีต่อมา...
ลลิลเปิดประตูห้องนอนออกมาอีกครั้ง คราวนี้เธอสวมเสื้อคลุมเนื้อบางเบาสีครีมทับชุดนอนสายเดี่ยวเอาไว้ มือหนึ่งกอดแฟ้มงานไว้แน่น ส่วนอีกมือ...ลูบต้นคอตัวเองราวกับหวังให้ใจเต้นช้าลงบ้าง
พอเดินออกมาก็พบว่า อลิสแตร์นั่งอยู่บนโซฟายาวที่เดิม เพียงแต่ตอนนี้...เขาดูผ่อนคลายยิ่งกว่าเดิม
กล้ามอกเปลือยเปล่าขยับขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจ ร่างสูงเอนพิงพนักโซฟาอย่างสบาย—ในสภาพที่ไม่มีแม้แต่ผ้าเช็ดตัวพันกาย
หน้าท้องลอนชัดแน่นตึงรับกับแผ่นอกแน่น แสงไฟอุ่นจากห้องนั่งเล่นสะท้อนวับลงบนผิวสีอำพันของเขา ราวกับรูปสลักหินอ่อนที่มีชีวิต…และกำลังยั่วเย้าให้เธอก้าวเข้าไปสัมผัส
ใจเย็นนะ ยัยลิน!!...นั่นมันก็แค่...กล้าม...แค่กล้ามแน่น ๆ ...
ที่เหมือนหล่อหลอมมาจากหินเทพเจ้ากรีก—แม่งเอ๊ย!!
เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ข่มใจตัวเองไม่ให้เบิกตาแตก แล้วรวบรวมความกล้าก้าวเข้าไปใกล้
“นี่ค่ะ...เอกสาร”
น้ำเสียงสั่นเบา ๆ เหมือนคนเพิ่งผ่านศึกสงครามกับซิกซ์แพ็กทางสายตา
เธอยื่นแฟ้มให้แบบไม่กล้าสบตา แล้วรีบหอบตัวเองไปนั่งฝั่งตรงข้าม หวังให้โต๊ะกระจกตรงกลางทำหน้าที่เป็นโล่ห์กันกล้ามให้
แต่เมื่อเธอเหลือบมอง—โอ๊ย!! กล้ามอกบ้าอะไรแน่นจัดจนอยากเอาไม้แบดไปตีดูว่ามันเด้งมั้ย!?
จมูกเธอเริ่มร้อนวาบ หัวใจเต้นเป็น EDM ไปแล้วตอนนี้
ขออย่าให้เลือดกำเดาพุ่งตอนนี้เลยน้า~พระเจ้าขา…
ลินยังอยากมีงานทำ!!
อลิสรับแฟ้มมาเปิดดูบางส่วน แล้ววางไว้บนโต๊ะกระจกอย่างไม่รีบร้อน
“อืม...ผมอยากให้คุณเตรียมข้อมูลคู่ค้าเพิ่มอีก 2 ราย”
เขาส่งกระดาษอีกแผ่นให้ ดวงตาคมกริบจ้องเธอระหว่างที่เธอรับไป
ลลิลรู้สึกได้ทันที...ว่าสายตาของเขาไล่มองตั้งแต่ใบหน้า ไล่ลงมาที่เสื้อคลุม ถึงแม้มันจะมิดชิดกว่าเดิม แต่ด้วยเนื้อผ้าบางเบาก็ยังเผยเค้าโครงร่างกายอยู่ดี
เธอขยับตัวเล็กน้อย กอดแฟ้มแน่นขึ้น ...แต่มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย อลิสแตร์ยังคงมอง...แต่ไม่พูดอะไร สายตานิ่งเรียบ
และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง สบเข้ากับดวงตาคู่นั้น…กลับไม่เห็นความหื่นกระหายในแววตาเขาเลย ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
มีเพียงความเรียบเย็นราวกับ...มันคือเรื่องปกติของเขา และนั่นแหละ—มันยิ่งทำให้ลลิลใจสั่นมากกว่าเดิม
“จัดเรียงลำดับการประชุม แล้วส่งเข้ามือถือผมก่อนเที่ยงพรุ่งนี้” เสียงเขาเรียบเหมือนเดิม
อลิสแตร์ลุกขึ้นจากโซฟา เดินหายเข้าไปในห้องนอนครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับออกมาพร้อมถ้วยเซรามิกสีเข้มในมือ กลิ่นหอมละมุนอุ่น ๆ ของโกโก้แท้ลอยตามไอน้ำออกมาก่อนตัวเขาเสียอีก
เขาวางถ้วยใบเล็กลงตรงหน้าเธอ—โดยไม่พูดอะไร
ลลิลเลิกคิ้ว มองเขางุนงง
“ให้ลินเหรอคะ?”
อลิสพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาคมจ้องลึก
“ก่อนนอน ดื่มอะไรอุ่น ๆ จะช่วยให้คุณหลับง่ายขึ้น”
เสียงเขาเรียบ แต่ลมหายใจของเธอกลับติดขัดแบบไม่มีเหตุผล
“บอสทำเองเหรอคะ?”
เขาไม่ตอบตรง ๆ แค่ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น แล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“โกโก้แบบนี้...ผมชอบชงเองเป็นบางครั้ง ไม่ใส่นมข้น แต่ใช้น้ำผึ้งออร์แกนิกกลั่นเย็นแทนความหวาน”
“แล้วมันจะทำให้ลินหลับสบายเหรอคะ?”
ลลิลถามพลางยกถ้วยขึ้นแนบปลายจมูก กลิ่นหอมซับซ้อนแต่นุ่มนวล
อลิสแตร์ยกยิ้มบาง ๆ — มุมปากซ้ายยกขึ้นเพียงนิดเดียว แต่ทำเอาเธอใจเต้นแปลก ๆ
“ผมเติมลาเวนเดอร์ฝรั่งเศสลงไปนิดหน่อย...ตามด้วยวาเลอเรียนแบบบดแค่ปลายช้อนชา”
เขาเว้นจังหวะ ก่อนจะมองเธออย่างมีนัย
“แล้วใส่น้ำผึ้งป่าออร์แกนิกผสมคาโมมายล์ ช่วยให้สมองสงบและหลับสบาย”
อลิสแตร์พูดเรียบ ๆ เหมือนแค่บอกเมนูธรรมดา
ลลิลพยักหน้า ก่อนยกถ้วยโกโก้ขึ้นจิบ
“อื้ม อร่อยจังค่ะ”
รสโกโก้เข้มข้นเคล้ากลิ่นหอมอ่อน ๆ ละลายลงในลำคออย่างนุ่มนวล...จนเหมือนความเหนื่อยทั้งวันละลายหายไป
อลิสมองเธอเงียบ ๆ จนเธอดื่มหมด ก่อนจะลุกขึ้น
ร่างสูงขยับกล้ามเนื้อแน่นรับกับกางเกงนอนที่หลวมพอดีตัว และผ้าเช็ดผมสีขาวที่คลุมคออยู่หลวม ๆ ทำให้ทุกอย่าง...ดูไม่จงใจ แต่ยิ่งกว่าตั้งใจ
เขาเดินอ้อมโซฟามาช้า ๆ แล้วหยุดอยู่ข้างเธอ เสียงทุ้มต่ำกระซิบที่ข้างหู
“ฝันดีนะ...คุณเลขา”
แล้วเขาก็เดินจากไป พร้อมกับรอยยิ้มบางเฉียบที่มุมปาก—ทิ้งไว้เพียงลลิลที่นั่งตัวแข็ง หน้าแดงซ่าน กำถ้วยโกโก้แน่นเหมือนจะหลอมละลายตามแก้วในมือ
“อ่อยกันเหรอคะ...บอส...?”
เธอบ่นกับตัวเองเบา ๆ ขณะพ่นลมหายใจยาวแล้วลุกขึ้น
“ยัยลิน...เลิกเพ้อได้แล้ว! นอน!”
เธอสั่งตัวเองเสียงดัง ก่อนจะผลักประตูห้องนอนเข้าไปด้วยหัวใจที่ยังเต้นไม่เป็นจังหวะ
🫣🫣🫣🫣🫣