ตอนที่ 8 ฝันเปียก…หรือคิดไปเอง?

1722 Words
แสงยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่ง สาดแสงอุ่นเข้ามาในห้องนอนเพนต์เฮาส์สุดหรู เสียงนาฬิกาปลุกเรือนเงินดังขึ้นอย่างแผ่วเบา “...อือ…” ลลิลพลิกตัวช้า ๆ บนเตียง เส้นผมกระเซิงนิดหน่อย ปากยังงึมงำเหมือนคนเพิ่งตื่นจากฝันลึก และมันเป็นฝันที่เธอยังจำได้อย่างชัดเจน ดวงตากลมค่อย ๆ ลืมขึ้นช้า ๆ ก่อนจะเบิกเล็กน้อย “...หกโมง?” เธอพึมพำ พลางยันตัวขึ้นนั่งช้า ๆ บนเตียง ดวงตาเริ่มปรับแสงได้ เผยให้เห็นแสงอาทิตย์แรกผ่านม่านโปร่งสีขาวที่ปลิวไหว แต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องนิ่งคิดอยู่นาน ไม่ใช่พระอาทิตย์… แต่คือ ‘สัมผัส’ ในความฝันเมื่อคืน ฝ่ามือข้างหนึ่งลูบที่แก้มตัวเอง...ซึ่งยังร้อนอยู่เล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีจาง ๆ อย่างช่วยไม่ได้ “เมื่อคืน...” หัวใจของลลิลเต้นโครมครามขึ้นมาทันที ภาพความฝันเมื่อคืนผุดขึ้นมาเต็มสมองไปหมด... ริมฝีปากอุ่นที่ไล่จากไหล่ เสียงครางต่ำที่ดังในความมืด ปลายนิ้วที่แทรก… ลิ้นที่วนตรง— “อ๊ะ…ไม่!” เธอร้องเบา ๆ แล้วใช้สองมือปิดหน้าไว้แน่น แก้มร้อนวาบจนแทบระเบิด เธอทั้งอับอาย สับสน และ...หัวใจยังเต้นไม่หยุด “มันก็แค่ฝัน...ใช่ไหม…?” “ฝะ...ฝันแบบนั้นกับบอสเนี่ยนะ…?” เธอเม้มปากแน่น รีบหันขวับไปมองข้างเตียง ว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยใด ๆ แม้แต่กลิ่นน้ำหอมที่เธอจำได้แม่นจากในฝัน…ก็ไม่มี เธอรีบสลัดผ้าห่มออกทันที ก่อนจะกลืนน้ำลาย แล้วค่อย ๆ ก้มสำรวจตัวเองอย่างละเอียด ชุดนอนยังอยู่ดี ไม่มีรอยจูบ ไม่มีรอยข่วน ไม่มีคราบอะไรตรงนั้นเลยสักนิด...แม้แต่น้อย เธอนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ...แล้วเมื่อคืนน่ะ ฉัน...ฝันไปเหรอ? ฝันว่าเขาไล้ลิ้น ฝันว่าเธอครางออกมา ฝันว่า— “อ๊า!” ลลิลเอาหมอนฟาดหน้าเบา ๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง “บ้าเอ๊ย…ทำไมฉันฝันทะลึ่งกับบอสได้ขนาดนี้…” ฝันที่ชัดเสียจนหัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่พอไม่มีหลักฐานอะไรเลย เธอก็เริ่มเชื่อแล้วว่าฝันจริง ๆ ยิ่งทำให้ความอายทวีขึ้นเป็นสิบเท่า! “ฉันนี่มันบ้าชัด ๆ... ฝันถึงเขาแบบนั้นได้ไงกัน” ยังไม่ได้รู้จักกันจริงจังเลยด้วยซ้ำ! ทันใดนั้น...เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น “คุณลิน ตื่นหรือยังครับ?” เป็นเสียงของไทเลอร์ “ตะ...ตื่นแล้วค่ะ!” เธอตะโกนตอบออกไปอย่างลนลาน พร้อมกระโดดลงจากเตียง เสียงไทเลอร์พูดต่ออย่างเรียบ ๆ “บอสจะออกไปพบลูกค้าตอนเช้า ขอให้คุณลงไปพบที่ห้องอาหารก่อน 7 โมงนะครับ” “บะ...บอสเหรอคะ?” เธอพูดเบา ๆ เหมือนจะกลั้นใจ ทันทีที่ได้ยินชื่อเขา...เธอหน้าร้อนวาบอีกครั้ง หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ... ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา ลลิลในชุดเดรสเรียบหรูสีครีมหวานเดินลงมายังห้องอาหารส่วนตัวของเพนต์เฮาส์ แต่พอเห็นชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอยู่ริมโต๊ะ—หัวใจเธอก็กระตุกอีกรอบ อลิสแตร์ ราเมียส ยังหล่อเหมือนเมื่อคืน เขาสวมเสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงผ้าวูลเทาอ่อน ใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนหินอ่อน ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีคำทักทายพิเศษ ไม่มีแม้แต่แววตาที่บ่งบอกว่า ‘เคยทำอะไร’ กับเธอมาก่อน เขาเพียงแค่…เงยหน้าขึ้นพยักหน้าสั้น ๆ “นั่งสิ ลิน” ...เท่านั้นเอง เธอกะพริบตาปริบ ๆ ใจหวิววาบ ไม่มีคำว่า ‘เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม’ ไม่มีคำว่า ‘ฝันอะไรหรือเปล่า’ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแบบที่เธอคิดว่าเขาจะทำ …เหมือนกับว่า เมื่อคืนมันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เขาทำตัวเป็นปกติทุกอย่าง เธอเม้มปากแน่น หัวใจสับสน แล้วนี่ฉันจะมองหน้าเขายังไงทั้งวันเนี่ย… ลลิลนั่งลงตรงข้ามเขาอย่างเกร็ง ๆ พยายามไม่สบตา เธอหยิบขนมปังปิ้งขึ้นมาทาเนยบาง ๆ พลางเหลือบสายตามอง เห็นเขากำลังตั้งใจอ่านบางอย่างบนไอแพดด้วยท่าทางปกติ จนกระทั่ง— “เมื่อคืน...บอสหลับเร็วเหรอคะ?” เสียงเธอหลุดออกมาก่อนจะรู้ตัว มือที่กำลังจับส้อมสั่นเล็กน้อย ทันทีที่พูดจบ ลลิลก็เบิกตากว้าง — เฮ้ย! ฉันพูดอะไรออกไปเนี้ยยยยย อลิสแตร์เงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ ดวงตาสีเทานิ่งงันมองตรงมา คิ้วเขากระตุกเล็กน้อย เหมือนเพิ่งสังเกตอะไรบางอย่าง “มีอะไรรึเปล่า?” “มะ...ไม่ค่ะ ลินแค่...ถามเฉย ๆ น่ะค่ะ” เธอรีบปฏิเสธทันที พลางหัวเราะแห้ง ๆ แล้วใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกใส่ปากแก้เก้อ เขาวางไอแพดลงบนโต๊ะ ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเกินจริง “อื้อ หลับเร็ว...หลับดีมากด้วย” ดวงตาคมยังจับจ้องเธอขณะพูด “ไม่รู้ทำไมผมถึง...นอนหลับฝันดีผิดปกติ” “บอสฝันเหรอคะ?” เธอถามอย่างเผลออีกครั้ง เขายกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ ก่อนตอบอย่างมีเลศนัย “เรียกว่าฝันได้มั้ยนะ...ผมแค่รู้สึกเหมือนได้ ‘ลิ้มรส’ อะไรบางอย่างเมื่อคืนนี้” “…..!!!” ลลิลหน้าร้อนวาบ จังหวะนั้นขนมปังในมือแทบร่วงลงใส่จานบนโต๊ะ เธอหันหน้าหนีแทบไม่ทัน “แล้วเธอล่ะ? หลับฝันดีมั้ย?” “ลลิล...ปะ เปล่านะคะ หนูหมายถึง—ไม่ใช่ฝันของบอ—ของลิน! เอ๊ย!” เธอรีบปฏิเสธอย่างลนลาน หน้าแดงแปร๊ดเหมือนคนเป็นไข้ อลิสมองเธอนิ่ง ๆ ก่อนเอ่ยประโยคสุดท้ายที่ทำให้เธอแทบสำลักน้ำส้ม “คุณคงฝันดีมากสินะ...ถึงได้หน้าแดงขนาดนี้” เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ “...แปลว่ามัน ‘ชัด’ พอสมควรเลยสินะ” ลลิลแทบจะลุกหนีโต๊ะอาหาร แต่เสียงของเขายังไม่จบ “ไว้ถ้าคุณ...ฝันแบบนั้นอีก” เขาพูดเรียบ ๆ ขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้น “ช่วยครางชื่อผมเบา ๆ ด้วยล่ะ” ลลิลช็อก!! เขาได้ยิน!! เธอกลั้นหายใจ ตาโตขึ้นอีกสองระดับพร้อมกับหัวใจที่แทบจะกระเด็นออกมาเต้นรำอยู่บนโต๊ะ อลิสลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างสง่างาม ริมฝีปากยังยิ้มละมุนในขณะที่เอ่ยสั้น ๆ “ผมออกไปพบลูกค้าก่อนนะครับ...คุณเลขา” “หวังว่า...สิบโมงจะเจอคุณที่ห้องประชุมบริษัทนะครับ” แล้วเขาก็หมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้ลลิลฟุบหน้าลงกับโต๊ะอาหาร มือทาบอกแน่น แขนขาอ่อนแรง “บ้าชะมัด...ฉันนี่มันบ้าจริง ๆ ที่ไปฝันถึงเขา...” »——————◦•♛•◦——————« “คุณลิน?” เสียงทุ้มสุภาพคุ้นหูทำให้ลลิลหันควับ หน้าห้องประชุมส่วนตัวของบอสหนุ่มผู้แสนเจ้าเล่ห์...คิมหันต์ยืนอยู่ตรงนั้น เลขาผู้ชายหน้าหวานผิวขาวจัดในสูทเข้ารูปที่ทำให้ใครต่อใครต้องเหลียวมอง แต่ดวงตาเรียวคมนั้น...กลับไม่เคยหวานเหมือนรอยยิ้มเลยสักครั้ง “คุณคิม...หันต์” ลลิลตอบกลับเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มเก้อเขิน “มาเร็วจังนะครับ...คุณเลขา” เขาพูดพลางเปิดประตูด้านข้าง เชื้อเชิญให้เธอเข้าไป “บอสให้ผมเตรียมห้องนี้ไว้ให้คุณเช็กเอกสารก่อนประชุม” “อ้อ...ขอบคุณค่ะ” ลลิลพยักหน้ารับ แล้วเดินตามเข้าไป ภายในห้องประชุมหรูเงียบสงบ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้สนลอยประสานกลิ่นกาแฟเบา ๆ จากเครื่องชงที่อยู่ตรงมุมห้อง แสงแดดเช้าอ่อน ๆ ตกกระทบกระจกใส สะท้อนเงาร่างของเธอในสูทสีงาช้างขับผิว และ...ตอกย้ำความจริงว่าเมื่อคืนเธอ ‘ฝัน’ ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะฝัน ฝันนั้น...มันรู้สึกเหมือนจริงเกินไป ลลิลเผลอแตะหน้าท้องเบา ๆ ใบหน้าร้อนวาบขึ้นอีกครั้ง “คุณโอเคนะครับ?” เสียงคิมหันต์ดังขึ้นเบา ๆ ไม่ดังแต่ชัดพอจะทำให้เธอสะดุ้ง “เอ่อ...คะ? โอเคค่ะ โอเค...แค่แบบ...นอนน้อยนิดหน่อย” เธอรีบบอกปัด ยิ้มแห้งให้ คิมหันต์หัวเราะเบา ๆ “เมื่อคืนบอสสั่งให้ผมจัดแฟ้มส่งให้คุณตอนเที่ยงคืน...ผมนึกว่าเขาจะให้งานคุณหนักตั้งแต่วันแรก” น้ำเสียงราบเรียบ แต่ฟังดูมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในน้ำเสียงนั้น ลลิลหน้าแดงขึ้นอีกหนึ่งระดับ “คะ...ค่ะ ก็...หนักพอควรเลยค่ะ” เธอรีบหันกลับไปเปิดแฟ้ม รู้สึกได้ว่าความร้อนบนหน้า ตอนนี้น่าจะทำให้ห้องประชุมอุ่นขึ้นอีกสามองศา คิมหันต์เดินอ้อมโต๊ะมายืนข้าง ๆ แล้วหยิบแฟ้มอีกชุดมาวาง “คุณนี่ ตลกดีนะครับ...” “คะ?” ลลิลเงยหน้าขึ้น “เวลาเขิน ชอบพูดวนไปมาอยู่เรื่อย” เสียงเขานุ่ม แต่เฉียบพอจะทำให้มือที่เธอถือปากกาสั่นนิด ๆ ลลิลรีบหลบตา หัวเราะกลบเกลื่อน “ฉันเปล่าเขินนะคะ—แค่...ทำงานน่ะค่ะ” เธอเม้มปากแน่น คิมหันต์ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบชิดหูเธออย่างเจตนา “ผมนึกว่าวันนี้ คุณจะไม่มีแรงมาทำงานแล้วซะอีกนะครับ” ... ลลิลตัวแข็งทื่อ หูแดงวาบ จมูกชา ราวกับมีคลื่นบางอย่างแล่นผ่านแนวสันหลัง เขารู้เหรอ? เขาพูดถึงอะไร? หรือแค่แซวเล่น... เธอไม่กล้าถามซ้ำ เพราะรอยยิ้มมุมปากของคิมหันต์ มันนิ่งเกินไป...นิ่งเกินกว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลยจะพูดแบบนั้นได้ “เห็นคุณบอกว่า บอสใช้งานคุณหนัก?” เขาพูดเรื่อย ๆ พลางช่วยจัดแฟ้มเอกสาร แต่นั่นกลับทำให้ลลิลหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา “เอ่อ...ฉันขอตรวจแฟ้มก่อนนะคะ...” เธอก้มหน้าแนบกระดาษแทบจะทันที คิมหันต์ไม่พูดอะไรอีก แค่หมุนตัวกลับไปจัดเอกสารเพิ่มที่ปลายโต๊ะ แต่ดวงตาคมดุนั้น...เหลือบมองมาทางเธอ ...ริมฝีปากสวยได้รูปแอบยกยิ้มที่มุมปาก ‘ของเล่นใหม่ของบอส...ดูท่าจะไม่รู้ตัวเลยว่าโดนบอสเล่นอยู่’ ...และเขาเองก็เป็นคนหนึ่งในทีมที่ ‘วางหมาก’ ด้วยมือของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD