เสียงไวโอลินบรรเลงแผ่วเบา แทรกผ่านหมู่เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะในค่ำคืนแห่งเกียรติยศของ ‘งานเลี้ยงรางวัลบริษัทดีเด่นแห่งปี’ — บรรยากาศภายใต้แสงไฟคริสตัลที่ห้อยระย้าเหนือเพดานโถงกว้างของโรงแรม Imperial Crest กลางกรุงเทพมหานคร ดั่งโลกอีกใบที่ถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อสรรเสริญผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อำนาจ
แขกผู้มีเกียรติหลากหลายวงการต่างจับกลุ่มสนทนา ถือแก้วแชมเปญหรือไวน์แดงในมืออย่างสง่างาม บทสนทนาเต็มไปด้วยศัพท์แสงธุรกิจ แผนควบรวมกิจการ และตัวเลขที่บ่งบอกถึงศักดิ์ศรี
แม้รอยยิ้มจะดูสุภาพและเป็นมิตร—แต่ทุกสายตาที่เหลือบมองกันกลับเปี่ยมด้วยการประเมินค่า ไม่ต่างจากสนามประลองที่ทุกคำพูดล้วนมีเดิมพัน
ริมขอบฟลอร์กระจกใส แสงไฟวูบไหวสะท้อนเล่นกับเสื้อสูทสีเงินเมทัลลิกของชายหนุ่มผู้หนึ่ง เขายืนสงบนิ่งท่ามกลางความเคลื่อนไหว ดั่งหมากตัวกลางกระดานที่ไม่จำเป็นต้องขยับ แต่ทรงพลังยิ่งกว่าทุกหมากที่เดินอยู่
ดวงตาสีเทาคมกริบใต้แพขนตาเรียงเส้นทอดมองไปยังเวทีด้วยท่าทีเรียบนิ่ง หากแต่แฝงเร้นความคมลึกบางอย่างที่ยากจะอ่านออก
อลิสแตร์ ราเมียส
หรือที่ใครต่อใครในแวดวงเรียกขานอย่างให้เกียรติว่า ‘คุณอลิส’ ซีอีโอหนุ่มแห่งราเมียสกรุ๊ป (Ramius Group) — กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ระดับยักษ์ที่ผงาดขึ้นเป็นเบอร์ต้น ๆ ของประเทศในรอบไม่กี่ปี ด้วยกลยุทธ์ลึกล้ำและการเดินเกมที่ไม่มีใครคาดเดาได้ ที่สำคัญบริษัทของเขาปีนี้เป็นตัวเต็งที่จะชนะรางวัลบริษัทดีเด่นแห่งปี
ใบหน้าคมคายของเขาถูกกล่าวขานว่าเย็นชาเกินจริงจัง แต่ไม่ใช่ด้วยความหยิ่งผยอง หากเป็นเพราะเขาเลือกจะเก็บทุกอารมณ์ไว้เบื้องหลัง และก็ไม่มีใครรู้เลยว่า—เบื้องหลังใบหน้าเรียบนิ่งคู่นั้น แท้จริงคือ เจ้าพ่อแบล็คฟิน (Blackfin) ชื่อในเงามืดของโลกธุรกิจที่หมายถึง ‘ผู้ลากเส้นชะตาให้บริษัทนับสิบ’
ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะพาไปสู่ความรุ่งเรือง...หรือความล่มสลายก็ตาม
“คุณอลิสครับ ทางฝั่งฝรั่งเศสอยากพูดคุยเรื่องดีลใหม่ของลอนดอนครับ”
เสียงนุ่มลึกของเลขาผู้ชายร่างบาง หน้าตาหวานราวตุ๊กตาพอร์ซเลนกระซิบใกล้หู ดวงตาของเขาเยือกเย็น ท่าทางสุขุมราวคนที่คุ้นชินกับการเดินอยู่ข้างมังกร
อลิสเพียงยกมือขึ้นเป็นเชิงรับรู้ ไม่เร่งรีบหรือแสดงความลังเลแม้เพียงวินาที
“บอกให้พวกเขารอที่ห้องรับรองส่วนตัว”
เสียงเขาเรียบ ราบเรียบจนน่ากลัว แต่แฝงแรงกดดันบางอย่างที่แม้แต่ผู้ฟังก็ยังต้องสะอึก
เขาหันกลับไปยิ้มสุภาพให้กับกลุ่มคู่ค้าที่เพิ่งเจรจาจบ พร้อมพยักหน้าอย่างให้เกียรติ
“ขอตัวสักครู่ครับ ผมมีเรื่องต้องไปทักทายเพื่อนเก่า”
คำว่า ‘เพื่อนเก่า’ ในประโยคนั้นฟังดูอบอุ่น ทว่าในแววตาของเขากลับแฝงนัยที่ยากจะตีความ—มันไม่ใช่ความคิดถึง หากเป็นการ ‘เตรียมปิดบัญชี’
เขาก้าวออกจากกลุ่มอย่างมั่นคง จังหวะเดินช้า ๆ พร้อมจิบไวน์จากแก้วทรงสูงในมือ
ดวงตาสีเทาคู่เดิมกวาดมองไปทั่วงาน...หาเป้าหมายที่เขาตั้งใจจะเผชิญหน้าในคืนนี้ แต่ก่อนที่ฝ่าเท้าจะก้าวย่างต่อ—บางสิ่งบางอย่างก็ดึงความสนใจของเขาไป แวบหนึ่ง—สายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับเงาร่างหญิงสาวคนหนึ่ง
ร่างบอบบางในชุดเดรสเกาะอกสีงาช้าง ความยาวเหนือเข่าเผยให้เห็นเรียวขาได้รูป ผิวขาวเนียนดั่งน้ำนมดูเปล่งประกายยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ใต้แสงไฟหรู
เธอไม่ได้สูงโดดเด่นจนเกินพอดี แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับตรึงสายตาราวกับการแสดงจากเวทีใหญ่ ทรงผมยาวสลวยถูกเซ็ตเป็นลอนคลื่นอ่อน ล้อมกรอบใบหน้ารูปไข่ที่งดงามจนน่าหลงใหล เส้นผมสีน้ำตาลประกายทองวาวระยับดั่งเส้นไหมต้องแสง ด้านหนึ่งถูกเหน็บทัดหูเผยให้เห็นตุ้มหูเพชรเม็ดเล็กที่แกว่งเบา ๆ ทุกครั้งที่เธอหันหน้า
นัยน์ตากลมโตสีเฮเซลแวววาวระยิบระยับราวน้ำผึ้งในแก้วคริสตัล จมูกโด่งเล็กเรียว กับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ยกยิ้มเพียงนิด แต่กลับทำให้ใครต่อใครใจเต้นระส่ำ
และหากมองให้ลึกลงไป—เบื้องหลังรอยยิ้มหวานนั้น แววตากลับเปล่งประกายความเจ้าเล่ห์อย่างเด็กสาวที่รู้ตัวดีว่าตัวเอง "อันตรายและน่ารัก"
“เอ๊ะ นั่นหุ้นของ Suncrest ใช่ไหมคะ? น่าจะขึ้นเพราะข่าวลือ merger กับ Blue Bridge ใช่ไหมคะ?”
เสียงเธอหวานใส ออกเสียงชัดเจนทุกพยางค์ แม้จะเป็นคำพูดเชิงธุรกิจ แต่กลับฟังเหมือนคำหยอกล้อที่แฝงแววขบขัน
เธอพูดขณะเอนตัวเล็กน้อยเหมือนตั้งใจฟัง ท่าทางช่างเจรจาราวกับเจ้าหญิงในวัง แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเชิดรั้นนิด ๆ เหมือนแมวเปอร์เซียตัวหรูที่รู้ว่าตัวเองน่ารัก…และไม่มีใครควบคุมได้
“แต่...คุณลุงเคยบอกหนูนี่คะว่า Blue Bridge ไม่มีทางกล้าซื้อกิจการถ้ายังมีหนี้ก้อนนั้นอยู่”
น้ำเสียงหวานใสฟังดูไร้เดียงสา แต่เนื้อหาที่ออกจากริมฝีปากกลับเฉือนคมเสียจนชายวัยกลางคนในกลุ่มต้องหัวเราะกลบเกลื่อน บ้างก็หลบสายตา บ้างยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเพื่อลบอาการเก้อเขิน
หญิงสาวกลับยังคงยิ้มหวานอย่างไม่รู้ไม่ชี้ จิบไวน์อย่างเชื่องช้าเหมือนกำลังเล่นเกมที่เธอคุมกติกาอยู่ฝ่ายเดียว
ริมฝีปากของอลิสแตร์ยกยิ้มเหยียดเพียงนิด ดวงตาคมไหววูบวาวคล้ายแฝงความเอ็นดูและขบขันในเวลาเดียวกัน
เขารู้ดี...ว่าเรื่องที่เธอพูดนั่นคือ “ข้อมูลลับเฉพาะ”
และถึงแม้เขาอยากจะฟังเสียงหวาน ๆ นั้นต่อ แต่ตอนนี้…ยังมี ‘ธุระ’ ที่สำคัญกว่า
อลิสถอนสายตาจากหญิงสาว ก่อนหันกายอย่างนุ่มนวล แววตาเปลี่ยนกลับมาเป็นความเย็นเยียบที่ไม่มีร่องรอยอารมณ์
เขาก้าวตรงไปยังโซนรับรองพิเศษ ซึ่งถูกจัดแยกออกจากพื้นที่หลักของงานเลี้ยง ภายในห้องนั้นเงียบสงบ แสงไฟสลัว ผ้าม่านทึบปิดบานกระจกอย่างมิดชิด และที่มุมโซฟาหนังแท้สีดำ—ชายวัยห้าสิบในสูทอิตาเลียนหรูนั่งรออยู่แล้ว
ฌอง บราซัวส์
หุ้นส่วนจากฝรั่งเศส ผู้ร่วมลงทุนโปรเจกต์ใหญ่ในลอนดอนกับเขา และในขณะเดียวกัน...ก็เป็นคนที่กล้าหักหลังเขา
“คุณอลิส! มาถึงแล้ว ดีจริง ๆ ผมกำลัง...”
“นั่งให้เรียบร้อย”
น้ำเสียงของอลิสดังขึ้นเรียบเฉียบจนคู่สนทนาชะงักคำพูด ฌองยิ้มฝืดเล็กน้อย มือที่เคยมั่นใจบีบแน่นกับแก้วไวน์ที่หน้าโต๊ะ
“ผมไม่แน่ใจว่าคุณเข้าใจผิดอะไร แต่ทางเรา—”
“ผมเข้าใจถูกหมด”
อลิสตัดบททันควัน ดวงตาสีเทาวาววับอย่างน่ากลัว เขาเดินเข้ามาใกล้ทุกย่างก้าวราวกับแรงกดดันของอากาศรอบตัวถูกรูดต่ำลงเรื่อย ๆ
“คุณคิดว่าผมจะไม่รู้ว่าคุณขายข้อมูลโปรเจกต์ Echelon ให้ฝั่งคู่แข่งในนามบริษัทลูก?”
ฌองหน้าเสีย รอยยิ้มหลุดหายไปในพริบตา
“ผม...ผมแค่...”
“คุณแค่ขายผม แลกเงิน และคิดว่าผมจะปล่อยผ่าน”
น้ำเสียงของเขานิ่งมาก...นิ่งเสียจนเหมือนใบมีดที่เพิ่งลับคมเสร็จ ชายหนุ่มยื่นมือออกไปโดยไม่หันหลัง
เลขาหนุ่มหน้าหวานที่เดินตามหลังเงียบ ๆ ยื่นซองเอกสารมาให้อย่างรู้หน้าที่ อลิสวางมันลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าอีกฝ่าย
“ภายในสามวัน คุณจะโอนหุ้นของ Bluebridge Holdings ที่คุณถืออยู่ให้บริษัทผมทั้งหมด และจะถอนตัวจากทุกโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับ Ramius Group — แบบไม่โต้แย้ง”
เขาเว้นจังหวะ หรี่ตาเล็กน้อย
“หรือจะให้ผมส่งไฟล์นี้ให้รัฐบาลฝรั่งเศส...แล้วปล่อยให้คุณไปนอนนับเพดานคุกหรูที่นีซ?”
ไม่มีเสียงตอบรับ
เพียงแค่เสียงลมหายใจถี่กระชั้นของชายแก่ที่เริ่มเหงื่อตก แม้ในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ
อลิสเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ก่อนหันหลังกลับอย่างไร้เยื่อใย
“หวังว่าคุณจะตัดสินใจได้ภายในคืนนี้นะครับ…คุณฌอง”
เขาหยุดฝีเท้าแค่หน้าประตู ก่อนจะหันกลับมายิ้มนิด ๆ
“ผมยังมีอีก ‘ธุระ’ ที่อยากจัดการให้จบเหมือนกัน”
แล้วบานประตูก็ปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงชายวัยกลางคนที่เริ่มสั่นน้อย ๆ และความรู้สึกเย็นยะเยือกที่เหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้ในห้องทั้งห้อง
☠️ ☠️ ☠️ ☠️ ☠️ ☠️