ในความกังวล

1310 Words
“คุณหนู” เสี่ยวเม่า สาวใช้ที่เลี้ยงดูเย่วซินมานานนับสิบปี เอ่ยเรียกร่างบางที่เดินเหมือนไม่มีแรง ‘เหตุใดนายท่านเสิ่นจึงไม่มองไปถึงก้นบึ้งของจิตใจมากกว่าการมองฐานะและชาติกำเนิด คุณหนูไร้สกุลแล้วอย่างไร อย่างน้อยนางก็เป็นสตรีที่ดีที่จงฮูหยินเป็นผู้ชุบเลี้ยงมา อีกเรื่องคือความรักของคุณชายและคุณหนู มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์ รักด้วยใจหาใช่เพราะสถานะ’ เย่วซินแสร้งยิ้มใส่สาวใช้ของตนเองเพื่อให้อีกฝ่ายได้สบายใจ “แค่ยามนี้เท่านั้นที่ข้าจะอ่อนแอ ข้ามิเป็นไร” ร่างบางรีบเดินเข้าไปในเรือนเล็กพร้อมกับปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา &&&& “นายท่านกล่าวเช่นนั้นเจ้าค่ะ” แม่นมว่านผู้ติดตามจงฮูหยินมานาน แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของเสิ่นซูฉี ก่อนหน้านี้ตัวนางเป็นอีกหนึ่งคนที่คอยฟูมฟักเลี้ยงดูเย่วซินจนกลายเป็นสตรีที่เพียบพร้อม งดงามและสูงส่ง จะกล่าวว่าหากบุรุษใดได้นางไปเป็นสะใภ้ ย่อมเชิดหน้าชูตาได้ไม่ยาก ‘แต่คงต้องยกเว้นสกุลเสิ่น’ “นมสงสารคุณหนูเย่วซิน” “ข้ารู้ มิใช่ว่าข้ามิสงสารนาง แต่ข้ามิสามารถช่วยให้นางเข้ามาเป็นสะใภ้ใหญ่ได้ ท่านพี่ว่าอย่างไรข้าล้วนต้องเห็นด้วย” จงฮูหยินถอนหายใจ “ซัวหยางต้องหาทางเข้ามาขอร้องข้าแน่ๆ สงสารลูกนัก” แม่นมว่านได้แต่ถอนหายใจตามฮูหยิน ที่ไม่มีทางแก้ไขเรื่องนี้เพราะ มันซับซ้อน การตัดสินใจมิได้อยู่กับจงฮูหยิน แต่มันไปอยู่กับผู้อื่นมากกว่า! ยามเซิน (16.00) ของวันเดียวกันเสิ่นซัวหยางผู้กลับมาจากที่ว่าการอำเภอ ก็รีบวิ่งเข้าไปหาท่านแม่ของตนเองในเรือนทันที เรื่องสำคัญที่ร้องขอคือเรื่องของเย่วซิน แต่นอกจากท่านแม่จะบอกว่าท่านไม่กล้าโต้แย้งกับท่านพ่อแล้ว ท่านแม่ยังกล่าวว่าจะหาบุรุษที่ดีที่สุดมาให้เย่วซินอีกด้วย ‘เขาจะทำเช่นไร!’ ในเมื่อเรื่องนี้มันไม่ง่ายอย่างใจคิดเหมือนก่อนหน้า บุรุษรูปงามเดินวนไปมาราวกับกำลังวางแผนการรบระหว่างแคว้น หากเรื่องมันไม่ง่ายแล้วเหตุใดตัวเขาถึงไม่รอไปก่อน “ใช่แล้ว!” หรือเขาจะรอให้ตัวเองได้รับตำแหน่ง หลังจากนั้นเขาจะพาเย่วซินออกไปจากจวน แต่ในระหว่างที่รออยู่นี้เรื่องที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือ ตามใจบิดา หากท่านอยากจะให้เขาเข้าไปพบปะสตรีสกุลใด เขาจะไปโดยมิอิดออด ‘แค่ไปพบพวกนาง แต่ไม่เลือกมาเป็นฮูหยินก็คงไม่เป็นไร’ พร้อมกันนั้นเขาคงต้องบอกกับเย่วซินว่าเขาอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับนางไปอีกสักพัก “อาไฉ่ตามข้ามา” เขาเดินกลับเข้าไปในเรือนนอนของตนก่อนจะตวัดพู่กัน เขียนข้อความบางอย่างไปหาสตรีอันเป็นที่รัก “นำข้อความนี้ไปมอบให้เย่วซิน” “ขอรับ” ‘ขอให้เจ้าใจเย็นๆ และรอให้พี่ได้รับตำแหน่งนายอำเภอเสียก่อน หลังจากนั้นพี่จะพาเจ้าเดินทางออกไปจากเมืองหลวงด้วยกัน’ นั่นคือเรื่องสำคัญที่อยู่ในจดหมายของเสิ่นซัวหยาง ถ้าหากวันหน้าเขารับเย่วซินเข้าจวนของเขาสำเร็จแล้ว เรื่องของคุณหนูเหล่านั้นที่ท่านพ่อต้องการคงเป็นเรื่องหลังสุดที่เขาจะทำ ‘หวังว่าวันนั้น เรื่องชาติกำเนิดของเย่วซินจะถูกปัดตกไป’ หลายวันผ่านไป ในที่สุด การประกาศผลสอบของขุนนางก็มาถึง ตำแหน่งบนแผ่นป้ายด้านหน้าของวังหลวงถูกติดไว้แผ่หรา เหล่าบุรุษมากกว่าสองร้อยคนต่างยืนจับกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น บ้างดูแล้วกู่ร้องดีใจ บ้างดูแล้วร้องไห้เดินเซื่องซึมจากไป ในขณะที่เสิ่นซัวหยางยังคงรั้งรออยู่ด้านข้างร่วมกับสหายสนิทอีกห้าคน แต่ละคนมิได้สอบเพื่อชิงตำแหน่งเดียวกันแต่สอบตามความชอบของใครของมันมากกว่า เหมือนดังเช่นเขาที่เจริญรอยตามบิดาเพื่อช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านอย่างใกล้ชิด “ไปเถอะซัวหยาง” เล่อปินเทาแตะไหล่สหายแล้วชวนอีกสี่คนที่เหลือให้เดินเข้าไปดูป้ายประกาศรายชื่อ ในใจของทุกคนคงหวังให้ได้ตำแหน่งเพื่อสร้างรากฐานชีวิตที่ดีให้กับตัวเอง เพื่อสกุลของตนเองที่อาจจะมีฮูหยินและบุตรอีกหลากหลายคนร่วมอยู่ด้วย เสิ่นซัวหยางผู้เลือกตำแหน่งนายอำเภอโดยไม่จำกัดพื้นที่ มองรายชื่อมากกว่ายี่สิบรายชื่อของผู้สมัครในตำแหน่งนี้จนพบกับชื่อของตนที่อยู่ในลำดับที่สิบสาม อำเภอตั้วฉ่างคืออำเภอที่เขาต้องไปดูแลนั้นอยู่ในพื้นที่ห่างไกลกับเมืองหลวง แต่ไม่ถึงกับต้องออกไปอยู่นอกเมืองเหมือนท่านพ่อของเขาในอดีต นับว่าดีแล้วกับการเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตใหม่ ในหัวบุรุษผู้มีรักนึกถึงใบหน้าของเย่วซินเป็นคนแรก เขามองวันเวลาเข้ารับตำแหน่งคือในอีกสองวันข้างหน้า หลังจากนั้นอีกสิบห้าวันจึงได้เวลาออกเดินทางไปยังอำเภอที่รับผิดชอบ การเตรียมตัวมิใช่เรื่องยากแต่การจะพาเย่วซินของเขาเดินทางไปด้วย นับว่ายากกว่า “ข้าต้องไปทำหน้าที่นายอำเภอตั้วฉ่างในอีกร่วมยี่สิบวันหลังจากนี้ พวกเจ้าเล่า” เขาเชื่อว่าสหายอีกห้าคนย่อมได้ตำแหน่งขุนนางไม่ต่างจากเขาเพราะทุกคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม สมหวัง ปินเทาตอบ “ข้ารายงานตัวในกองทัพวันมะรืน” และอีกสี่คนที่เหลือก็รีบแย่งกันกล่าว สุดท้ายหกสหายต่างพากันไปร่วมสนทนาต่อในโรงเตี๊ยมเนี่ยจื่อ ที่อยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าวังหลวง จวนสกุลเสิ่น ข่าวคราวการสอบและตำแหน่งของนายอำเภอนอกพื้นที่ถูกกระจายออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อเสิ่นซัวหยางกลับไปถึงจวน ท่ามกลางการรับสำรับเย็นอย่างพร้อมหน้าและคำอวยพร พาลพาให้ว่าที่นายอำเภอคนใหม่ยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ ตาคมเหลือบมองเย่วซินมิได้หยุด เห็นได้ชัดว่านางยังมีความเขินอาย ‘หรือคืนนี้ เขาควรจะลักลอบไปหานางดี’ “เช่นนั้นนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เจ้าก็มิต้องออกจากจวนไปที่ใดอีก รอเตรียมตัวเดินทางเข้าไปรับตำแหน่งก็พอ” เสิ่นซูฉีเอ่ยขัดบุตรชายที่เอาแต่ลอบมองสตรีที่นั่งก้มหน้าอยู่ทางฝั่งตรงกันข้าม ช่วงหลังมานี้สังเกตได้ว่าทั้งสองคนมิได้ทำตัวสนิทสนมหรือสนทนาอะไรกันเลย อีกทั้งซัวหยางผู้เป็นบุตรชายยังคงติดตามเขาเข้าออกจวนของเหล่าขุนนางที่มีบุตรสาวหลายต่อหลายครั้ง แม้ยังมิได้พึงพอใจบุตรสาวของผู้ใดแต่ยังถือได้ว่ามันมิใช่เรื่องแย่ “ขอรับท่านพ่อ” สองวันกับการเข้ารับตำแหน่งในวังและอีกสิบห้าวันกับการเดินทาง ‘หากไม่นับเรื่องจวนหลังใหม่ แผนออกไปประจำการของเขาต้องมีเย่วซินร่วมอยู่ในนั้น’ การรับสำรับยังคงมีเพียงบุตรชายและบิดาที่เฝ้าสนทนากันอย่างออกรส ด้านของสตรีอีกสี่นางยังคงนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ในภวังค์ความคิดของใครของมัน...และมีเพียงเย่วซินที่ดูจะเงียบมากกว่าผู้อื่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD