“ลุกขึ้นได้” สุรเสียงอันน่าเกรงขามนั้นมิใช่ฮ่องเต้ทรงกล่าว แต่เป็นชินอ๋องผู้นั่งถัดลงมาเป็นผู้รักษาแทน เหล่าขุนนางต่างลุกขึ้นจากการคุกเข่าคำนับและกลับเข้าไปนั่งประจำที่ทางด้านข้าง จะเหลือเพียงบัณฑิตใหม่ร่วมสามสิบคนที่ยังนั่งรวมกันอยู่ตรงกลาง ซึ่งบัณฑิตหลายคนในที่นี้ล้วนมีบิดาผู้เป็นขุนนางอยู่ก่อนแล้ว คอยเฝ้าสนับสนุน “เลขาซือจัดการขานรายชื่อผู้เข้าสอบมาเถิด” “พะยะค่ะท่านอ๋อง” ซือเหล่าอวิ้นผู้เป็นเลขาในวังหลวงลุกขึ้นแล้วยืนอ่านใบรายชื่อ หนึ่งในนั้นมีบุรุษแซ่เสิ่นร่วมอยู่ด้วย เสียงขานรายชื่อให้ไปรับตำแหน่งพร้อมกับชุดเสื้อผ้า ดังเข้าสู่โสตประสาท เสิ่นซัวหยางมีความตื่นเต้นจนปิดไม่มิดเพราะตัวเขาเพิ่งจะเคยเข้าวังเป็นครั้งแรก พระพักตร์ของฮ่องเต้และท่านอ๋องเป็นเช่นไร ตัวเขามิเคยรู้และเคยเห็น จากที่ฟังท่านพ่อของเขาเคยบอกนั้น ทั้งสองพระองค์คือพี่น้องที่รักใคร่ปรองดองกันมาก อีกทั้งฝ่าบาทเองทรงมีพระ

