Chapter 2

1100 Words
“โซรีนจะกินอะไรดีอะ”เอมมี่ถามฉันเมื่อถึงโรงอาหาร “ไม่อยากกินอะไรเลย”หน้าฉันบ่งบอกว่าไม่อยากอาหารจริงๆ “กินอะไรรองท้องหน่อยเถอะ ยังต้องเรียนอีกตั้งหลายชั่วโมงเดี๋ยวก็หิวหรอก” “งั้นเอาก๋วยเตี๋ยวก็แล้วกัน กินง่ายดี”ตอบแบบขอไปทีแล้วรีบไปต่อคิวร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟเจ้าประจำ หมับ! ท่อนแขนเรียวถูกคว้าไว้ ฉันหันควับด้วยความหงุดหงิด ใครกันที่กล้าหยาบคายกับฉันแบบนี้ เมื่อเห็นหน้าอารมณ์ฉันเดือดแทบปะทุ “ปล่อยเลยนะปีแอร์!”เสียงตวาดฉันดังลั่นจนนักเรียนพากันหันมามอง “ไม่ปล่อย ทำไมต้องปล่อยคนเป็นแฟนกันจับมือถือแขนแค่นี้ไม่ได้!” “ใครเป็นแฟนนายฮะ อย่ามาพูดจาทุเรศ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ฉันพยายามสะบัดท่อนแขน เอมมี่รีบมาช่วยดึงแต่กลับถูกเพื่อนปีแอร์กระชากตัวออกไป ฉันหงุดหงิดจริงๆ ไอ้หมอนี่มันจะเอายังไงกันแน่ถึงได้ตามตอแยกันนัก หมับ! “โอ้ย!”ปีแอร์ร้องออกมายอมปล่อยมือฉันเป็นอิสระ “โซรีนบอกให้ปล่อยทำไมแกถึงไม่ปล่อย!”เสียงเข้มห้าวบอก ฉันได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น ไม่นึกว่าคนที่ช่วยไว้จะเป็นเคเซย์ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมีพละกำลังหักข้อมือของปีแอร์ได้ มันราวกับฉันได้พบเรื่องมหัศจรรย์ เข้าใจไหมว่า.... เคเซย์น่ะเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เขาไม่มีเพื่อนเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้เขากลับกล้าต่อกรกับปีแอร์ซึ่งหมอนี่ไม่ธรรมดาเลยถ้าจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนนักเลงคุมซอยนั้นล่ะ “พวกมึงยืนเฉยทำไมวะ ช่วยหน่อยดิ!”ปีแอร์เริ่มร้องให้พักพวกช่วย “อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นกูจะหักแขนไอ้ปีแอร์!”เคเซย์ชี้หน้า และทุกคนก็ถอยทัพออกมากันหมด “ปล่อยดิวะ ก็กูปล่อยโซรีนแล้วไง” “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก ครั้งนี้จะปล่อยไป!” เคเซย์ยอมปล่อยท่อนแขนอีกฝ่ายเป็นอิสระ เขาหันมาสบตาฉันนิดนึงแล้วเดินจากไป ทุกคนในโรงอาหารมองเขาอย่างตื่นตะลึงไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ สงครามกลางโรงอาหารจบลงปีแอร์ยอมลามือจากฉัน แต่สายตาเหมือนกับว่าต้องการเล่นงานเคเซย์เสียมากกว่า หลังทานอาหารกลางวันฉันกลับมาที่โต๊ะเรียนตัวเดิม ฉันดึงหนังสือจากช่องใต้โต๊ะ ตุบ! ฉันก้มลงมองว่าอะไรตกลงมาจากใต้โต๊ะ สิ่งทีเห็นตรงหน้าคือตุ๊กตาหมีตัวเล็กพร้อมกระดาษโน้ต เมื่อหยิบมันขึ้นมาได้พบข้อความ เราให้... อย่าเศร้าไปเลย ในโลกนี้ยังมีคนมากมายที่เจอกับเรื่องราวเลวร้าย เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะโซรีน ฉันพูดไม่ออก ใครกันเป็นคนให้ตุ๊กตาตัวนี้กับฉัน แต่ที่สำคัญมันทำให้รอยยิ้มของฉันกลับคืนมา เพราะอย่างน้อยก็เข้าใจได้ว่ายังมีคนยืนเคียงข้างฉันเสมอมา “อะไรอะโซรีน ใครให้ตุ๊กตาน่ารักจังเลย”เอมมี่ถาม “ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเจอมันอยู่ใต้โต๊ะเมื่อกี้” “ว้าว! มีหนุ่มปิ๊งแกอีกแล้วแน่เลย ถึงได้ให้หมีน้อยแทนใจไว้เนี่ย” “คงงั้นมั้ง”ฉันตอบแบบขอไปที แล้วค้นหนังสือในกระเป๋าออกมาเพื่อเตรียมตัวเรียนคาบแรก อาจารย์เข้ามาสอน ตอนนี้ฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครจ้องมองอยู่ เมื่อหันไปพบกับสายตาของเคเซย์กำลังมองมา แม้ว่าฉันจะจ้องกลับแต่หมอนั่นก็ไม่ยอมหลบสายตาเลย เขาชี้มือตรงหน้าอกตัวเอง ฉันงุนงงส่งภาษาใบ้กับเขาด้วยความไม่เข้าใจ จนกระทั่งก้มลงมองช่วงอกตนเองกระดุมเสื้อเม็ดหนึ่งมันหลุดออกโชคดีที่ใส่เสื้อซับในมาด้วย แต่มันก็สร้างความไม่พอใจให้อย่างมาก ฉันหันขวับไปหาเคเซย์และหลุดปากทำในสิ่งที่ไม่ควร “ไอ้บ้า นายมันทุเรศ!”ฉันตวาดเคเซย์ เพื่อนในห้องพากันมอง เมื่อหันกลับมาเห็นสายตาดุจพญาเหยี่ยวของอาจารย์จับจ้องมารังสีอำมหิตแผ่ซ่าน “เธอสองคนไปเย็นนี้ไปทำความสะอาดโรงยิมซะ พรุ่งนี้โรงเรียนจะจัดงานแข่งกีฬาสามัคคีกับโรงเรียนอื่น ถือว่าเป็นการทำโทษที่บังอาจมาเสียงดังในคาบเรียนของครู!”อาจารย์พิมอรเดินหนีออกจากห้องไป ปล่อยให้ฉันยืนค้างเติ่งอยู่ตรงนั้น แล้วค่อยๆ หย่อนก้นงามๆ นั่งลงดั่งคนไร้เรี่ยวแรงแล้วปรายสายตาของฉันก็หันหาคนต้นเรื่องอย่างอาฆาต เคเซย์ก้มหน้างุดเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า แล้วเปลี่ยนเป็นเล่มใหม่เพื่อเริ่มเรียนในคาบต่อไป ส่วนฉันวันทั้งวันได้แต่นั่งกุมขมับเมื่อรับรู้ชะตากรรมตนเองที่ต้องไปทำความสะอาดโรงยิมสุดอลังการของโรงเรียน ตกเย็นนักเรียนพากันแยกย้ายกลับบ้าน ฉันเริ่มทำหน้าที่ของตนเองโดยการเดินทางไปโรงยิม ส่วนเคเซย์นะเหรอเดินตามมาติดๆ เราสองคนเปลี่ยนใส่ชุดพละแล้วเริ่มทำความสะอาดกันจนเกือบหนึ่งทุ่ม ฉันไม่พูดอะไรกับหมอนั่นเลย ทำไมจะต้องพูดด้วยก็เพราะเขาทำให้ฉันถูกลงโทษแบบนี้ ฉันเห็นเขาเหลือบมองมาบ่อยๆ พอจับได้ก็ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ตนเองต่อ มือยกขึ้นปาดเหงื่อมองดูผลงานตนเองเล็กน้อย พอเวลาเกือบสองทุ่มงานเสร็จสิ้นฉันรีบไปเปลี่ยนชุดแต่ห้องน้ำปิดหมดแล้ว ชั่งใจพักใหญ่ตัดสินใจเข้าไปเปลี่ยนในห้องเก็บของโรงยิม แกร๊ก! เสียงล็อกประตูหน้าห้องดังขึ้น ฉันตกใจมากรีบวิ่งไปกระชากประตูแต่มันเปิดไม่ออกแล้ว ปัง! ปัง! ปัง! ฉันทุบประตูไม่ยั้งแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย กำลังคิดไปเองหรือเปล่า... เหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าคนอยู่ด้านนอก มีคนแกล้งกันใช่ไหม “ใครอยู่ข้างนอก ช่วยเปิดประตูทีข้างในมีคนอยู่!”ฉันตะโกนออกไปสุดเสียง กวาดตามองรอบๆ มีแต่ความมืดมีเพียงแสงสว่างจากถนนสาดส่องเข้ามาเพียงเล็กน้อย ความรู้สึกหนาวสะท้านมันคืออะไรนี่ฉันกำลังกลัว“ช่วยด้วย! มีใครอยู่ไหม!”ฉันร้องออกไปเป็นสิบก็ไม่มีใครได้ยิน 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD