'พีชควรจะไปดูสถานที่จริงสักครั้งนะ'
หลีกเลี่ยงสิ่งไหนมักจะได้เจอสิ่งนั้น พี่ชายฉันแสดงเจตนารมณ์ของตัวเองชัดเจนมาก พี่พลับต้องทิ้งซากระเบิดไว้ให้ฉันเคลียร์แน่ๆเลย
เวฬาดี คอฟฟี่ >> ร้านกาแฟที่เพิ่งตั้งใหม่ได้ไม่นานโดยมีที่มาจากชื่อของลูกชายฉัน
เพ-ลา ชื่อที่ฉันตั้งให้ลูกชาย แปลว่า เวลา ดังนั้น คุณพ่อจึงตั้งชื่อร้านกาแฟ ว่า เวฬาดีเปลี่ยนจาก ล เป็น ฬ ให้สวยงามเหมือนกับชื่อจริงของลูกชายฉัน ด.ช. กาลเวฬา
ทุกคนมีความเห็นที่จะทำธุรกิจร้านกาแฟและยกผลกำไรทั้งหมดให้กับเพลา
กิจสุพัฒน์คอฟฟี่ มีมานานแล้วก็จริงแต่ไม่เคยทำเป็นร้านกาแฟ ร้านกาแฟคุณพ่อเพิ่งจะเริ่มต้นเมื่อหลานชายเกิด และพี่ชายฉันก็ขยายสาขาไปไวมาก สาขาใหญ่อยู่ที่ห้างไทม์ซึ่งเป็นสถานที่ที่ฉันไม่อยากย่ำเท้าเข้าไปที่สุด และตอนนี้มันมีปัญหาเรื่องสัญญาเช่า!
สัญญาหมดไปเมื่อเดือนที่ผ่านมาและยังไม่มีใครเข้าไปติดต่อ ถามว่าทำไม พี่ชายฉันตอบได้อย่างหน้าตายมาก
'งานยุ่งมาก พี่ลืมตรวจสอบ ไหนๆพีชก็จะกลับมาแล้ว ร้านกาแฟก็ของเพลา พีชจัดการต่อเลยนะ'
ให้ตายเถอะ!...คนที่เป๊ะเรื่องการทำงานอย่างพี่ชายฉันไม่มีทางที่จะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น
ฉันรู้ว่าเขาจงใจ!
ในที่สุดฉันก็ต้องมาเหยียบที่นี่ ความจริงฉันให้คตนที่บริษัทมาทำก็ได้ แต่ไม่มีใครมาทำแทนได้เพราะอะไร พี่ชายบังเกิดเกล้าของฉันน่ะซิ
'เราจะเรียนรู้อะไรได้อีกมากมาย ถ้าเราลงมือทำทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง ดีซะอีกเลขาของพีชไม่ต้องวิ่งไปมา ไปเอง อ่านเอง เซ็นเองเลยเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ไงพีช'
"เรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่คิดว่าผู้บริหารจะมาเองเลยนะคะ"
"ขอบคุณค่ะ"
ฉันยิ้มรับและบอกกับตัวเองว่ารีบออกมาจากสำนักงานของห้างให้ไวที่สุด
ถึงแม้ว่าห้างจะกว้างมากแต่ก็รู้สึกไม่โอเคอยู่ดี เพราะลางสังหรณ์มันบอกกับฉันว่า ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่นานนัก
Rrrr...
(ว่าไงคะพี่พลับ)
"ฝากซื้อกาแฟที่ร้านมาด้วยนะ"
พี่ชายฉันพูดจบก็ตัดสายไปเลยทันที ส่วนฉันได้แต่กลอกตามองบนและเดินฉับๆตรงไปที่ร้านของตัวเอง
ก็ดีจะได้เห็นกับตาว่าเช่าที่ขนาดไหนทำไมแพงหูฉีกขนาดนี้
ว่าแต่ว่าโทรมาสั่งกาแฟทำไมไม่บอกละว่าจะเอาอะไร โทรไปก็ไม่รับพี่พลับนะพี่พลับ ฉันต้องแชทข้อความไปสอบถามเองเพราะโทรยังไงพี่ชายฉันก็ไม่รับสาย
ปึก! ตุบ!
"ขอโทษค่ะ"
ฉันรีบเงยหน้าขอโทษขอโพยใหญ่เมื่อเดินชนเข้ากับคนอื่นอย่างแรงแฟ้มที่ถืออยู่ร่วงลงพื้น
"ไม่เป็นไรค่ะ"
เด็กนักศึกษาผมสีชมพู เธอยิ้มให้ฉันก้มเก็บชาแนลใบเล็กของตัวเองที่หล่นบนพื้น ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นคุณหนูบ้านไหน แบรนด์เนมทั้งตัวเลยถ้าไม่ติดที่สวมชุดนักศึกษาอยู่ละก็ ฉันคิดว่าเธอคงมาเดินงานแฟชั่นโชว์
"นัตตี้ไปกันได้ยัง"
เสียงผู้ชายดังมาจากข้างหลังฉัน ซึ่งมันก็คุ้นหูมาก
"ค่ะ คุณไทเสร็จงานแล้วเหรอคะ"
ยิ่งได้ยินชื่อนี่แล้ว
ใช่เลย! ต้องใช่เขาแน่ๆ ยิ่งมั่นใจฉันยิ่งไม่คิดจะหันกลับ เลือกที่ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าทันทีแต่…
"พี่คะ!!"
น้องนัตตี้ผมสีชมพูเรียกฉันไว้ เธอก้มเก็บแฟ้มที่ฉันลืมเก็บ เธอรีบวิ่งตรงมาที่ฉันและส่งแฟ้มเจ้าปัญหามาให้
"ขอบคุณนะคะ"
ฉันรีบขอบคุณและเดินเร็วออกจากที่ตรงนั้นทันที
ฉันไม่ได้กลัวที่จะเผชิญหน้า แต่ฉันกลัวความลับเรื่องเพลาแตกมากกว่า
แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง เขาเดินไปด้วยกันไกลจากฉันไปมากแล้ว
เขาโอบไหล่เธอแนบชิดไม่กลัวเป็นขี้ปาก ส่วนน้องหัวชมพูก็เอาแต่เกาะแขนออดอ้อนกันเดินออกไปจนลับสายตาฉันไป
สันดานคนมันเปลี่ยนยากจริงๆ ถ้าไม่คิดจะเปลี่ยน
"สวัสดีค่ะคุณลูกพีช"
พอฉันเดินเข้ามาในร้านพนักงานทุกคนรีบยกมือไหว้ฉันทันทีทั้งที่ฉันเคยมาเป็นครั้งแรก
"สวัสดีค่ะตามสบายกันเลยค่ะ ขอกาแฟให้พี่พลับด้วยนะคะ"
มิน่าล่ะ ทำไมค่าเช่าแพง คาเฟ่ต่างหากไม่ใช่ร้านกาแฟอย่างที่ฉันคิดเลย กว้างและใหญ่กินพื้นที่ยาวไปสามล็อก
"สวัสดีค่ะคุณลูกพีช ดิฉันชื่อ สิตาค่ะ เป็นผู้จัดการของที่นี่ค่ะ"
ผู้จัดการมาเสิร์ฟกาแฟให้เองเลย
"สวัสดีค่ะ ขอเรียกพี่สิตานะคะ..เอ่อรู้จักพีชได้ยังไงคะ"
"คุณพลับแจ้งไว้ค่ะ อีกอย่างก่อนเข้ามาทำงานที่นี่ทุกคนผ่านการอบรมมาค่ะ เวฬาดี คอฟฟี่ มาจากชื่อคุณหนูเพลา"
ฉันนี่อึ้งกิมกิ เกือบสำลักกาแฟที่เพิ่งยกไป และต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเสียงทุ้มที่เพิ่งจะได้ยินเมื่อครู่ดังขึ้นจากข้างหลัง
"สวัสดีครับคุณ พิชญ์สินี วิรุฬห์วัชรสกุล"
นามสกุลที่ถูกเรียกมันทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ ผู้จัดการที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามยกมือไหว้และขอตัวไปทำงานต่อ
ฉันนิ่งเงียบ แบบไม่พูดไม่ทักไม่แม้แต่ที่เอ่ยอะไรออกมา
"กลัวที่จะเผชิญหน้าเหรอลูกพีช"
"ขอโทษนะคะ คุณคงทักผิดคนแล้ว ฉันชื่อ พิชญ์สินี กิจสุพัฒน์ภาคินค่ะ"
"หึ! ขออภัยที่ผมจำผิด"
เขาเดินผ่านฉันไปและหย่อนก้นนั่งลงโซฟาตัวเดิมที่ผู้จัดการนั่ง เขายกขาขึ้นไขว่ห้างนั่งในท่าที่สบายสายตาเอาแต่มองฉันที่นั่งอยู่ตรงข้าม
"ฉันไม่มีธุระอะไรกับคุณ ขอตัวนะคะ"
ฉันลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าสะพายและไม่ลืมถือแฟ้มเจ้าปัญหามาด้วย
"เก่งจังนะ ที่ทำเหมือนไม่รู้จักผัวตัวเอง"
เขาจงใจพูดให้เสียงดัง ฉันรีบหันไปมองรอบร้าน ยังดีที่ยังไม่เป็นจุดสนใจ
ปึก!
ฉันวางแฟ้มลงด้วยความหงุดหงิด มองคนตรงหน้าตาขวาง กัดฟันพูดกับเขาให้เบาที่สุด
"หยุดพูดบ้าๆนะ!"
"พี่พูดความจริง"
"ต้องการอะไร"
คนตรงหน้ายักไหล่ ส่งยิ้มกวนๆ มาให้ฉันที่กำลังหงุดหงิด
"ทานข้าวด้วยกันสักมื้อนะพีช"
"ไม่! ไปทานกับคนของคุณซิ"
"นัตตี้เหรอ..กลับไปแล้ว"
ท่าทางสบายๆ กับใบหน้าที่ไม่เคยรู้สึกรู้สานั่นมันทำให้ฉันยิ่งโมโห
"ปะพีช..ไปทานข้าวกันหิว"
"ไม่"
"แค่คุยกัน นั่งทานข้าวจะกลัวอะไร"
"ฉันไม่ได้กลัว"
"พีช"
"หยุดเรียกฉันแบบนั้นเราไม่ได้สนิทกัน"
"ไอ่ดื้อ! จะไปไม่ไป"
"คุณไทเกอร์"
"จำผัวตัวเองได้แล้ว?"
ฉันเงียบสะบัดหน้าหนีด้วยความหงุดหงิด
"จะพูดให้ดังกว่านี้ถ้ายังดื้อไม่ไปด้วยกัน!"
ฉันมองไปรอบๆคนในร้านเริ่มหันมาสนใจพวกฉันสองคนแล้ว ฉันก็คงทำได้แค่ตกลงไปกับเขา
"อืม! นำซิ"
"เชิญครับคุณผู้หญิง"
"เรียนจบแล้วเหรอ"
คนตรงหน้าพยายามชวนฉันคุยตั้งแต่เดินออกจากร้าน จนถึงร้านอาหารที่อยู่ในห้างเนี่ยแหละแต่อยู่ชั้นถัดไป
"สบายดีไหม"
พอเห็นฉันไม่ตอบเขาก็หัวเราะและย้ายที่มานั่งข้างๆ แทน
"สบายดี สบายมาก เรียนจบแล้ว"
"เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ"
"คุณก็เช่นกัน ไม่เปลี่ยน"
เขาตักกับข้าวใส่จานให้ฉันเหมือนอย่างเคย
"มีคนใหม่หรือยัง"
"มีแล้ว..เขาหล่อ รวย งานดีกว่าอดีตสามีของฉันมาก แล้วคุณละคะ ยังควงเด็กเหมือนเดิมซินะ"
เขายักไหล่และลุกขึ้นกลับไปนั่งที่เดิม มองหน้าฉันนิ่งและก็ยกยิ้มเหมือนเดิม ไม่ลืมที่จะตักกับข้าวให้ฉันอีก
"ดียังไงเลี้ยงแฟนตัวเองผอมขนาดนี้ กินเยอะๆ"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
"ว่างๆ พามาแนะนำด้วยนะ อย่างน้อยเราก็คงเป็นเพื่อนกันได้ ใช่ไหม"
"รีบทานรีบกลับค่ะ ฉันมีงานต้องทำอีกมาก"
"ผ่านมาสี่ปีแล้วนะ"
"ถ้าจะพูดถึงเรื่องไร้สาระ ฉันขอตัวนะคะ"
"เดี๋ยว!"
เขาลุกขึ้นและจับมือฉันไว้แน่น
"ขอโทษ..นั่งลงก่อน"
"..."
"ถึงแม้พีชจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่พี่ยังอยู่ที่เดิม อย่างน้อยก็ขอให้เราหลงเหลือมิตรภาพที่ดีต่อกัน..ได้ไหม"
เขาจับมือฉันไม่ปล่อย สายตาเว้าวอนที่ส่งมานั้น มันไม่ได้เป็นการแสร้งทำแต่อย่างใด มันมีแต่ความจริงใจที่ส่งมา
“นั่งซิ..ไม่อยากให้คนสนใจเราไม่ใช่เหรอ”
ฉันมองไปรอบร้านที่สายตาทุกคู่กำลังมองมา
ใช่ซินะ...ไม่มีใครไม่รู้จักเขา
“มิตรภาพดีๆ พี่ชาย หรือเพื่อนก็ได้”
"จะเก็บไปคิดดูนะ"
••••••