พระพาย part 1

1719 Words
“ฉันชื่อพระพายค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก...คุณสิงห์” ทันทีที่ประโยคแนะนำตัวง่ายๆ นั้นจบลง เธอก็ได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า เป็นรอยยิ้มทั้งปากทั้งตาให้ความรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด 'คนอะไรยิ้มได้กระชากใจเหลือเกิน ทำคนมองอย่างเธอถึงกับตาพร่าพราย หัวใจยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันเต้นแรงเสียจนเธอกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงมัน แล้วยังเสียงนุ่มทุ้มที่เอ่ยมานั่นอีก เธอคิดไปเองหรือเปล่านะว่าเสียงของเขามันไม่ได้ห้วนดุอย่างคราวแรกที่คุยกัน' “เอาละ ถือว่าเรารู้จักกันแล้วนะครับ คราวนี้คุณคงเล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟังได้สักที คิดซะว่าผมเป็นที่ระบายก็ได้ ผมน่ะเป็นผู้ฟังที่ดีเชียวนะ” ไม่พูดเปล่า ยังแถมรอยยิ้มให้กำลังใจมาอีกด้วย พระพายเลือกที่จะยิ้มน้อยๆ ตอบเขา แล้วกล่าวต่อ “ขอเวลาเรียบเรียงสักครู่นะคะ” เธอหลับตานึกถึงเรื่องต่างๆ อยู่ราวๆ 2-3 นาที จึงลืมตาขึ้น เพื่อบอกเล่าในสิ่งที่ประสบมา ...เรื่องราววุ่นวายของพายคงเริ่มตั้งแต่…. “พาย...พายเอ้ย! รีบไปเถอะลูก ตามารับแล้ว ช้ากว่านี้เดี๋ยวรถติด หนูจะเข้าสอบสายนะลูก ไปไป๊ ที่เหลือเดี๋ยวยายเก็บเอง” ยายบัวตะโกนบอกหลานสาวที่กำลังช่วยเก็บร้านด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก “จะไปเดี๋ยวนี้แล้วจ้า พายไปก่อนนะจ๊ะยาย สอบเสร็จแล้วพายจะรีบกลับมาช่วยทำขนมนะจ๊ะ” เสียงใสๆ ตอบกลับมา พร้อมหยิบกระเป๋าเป้ใบเก่งเดินออกมาหาคนเรียกที่ยืนอยู่หน้าแผงขายอาหารเล็กๆ ในตลาดสดแห่งหนึ่ง เธอยืนยิ้มหน้าแป้นให้หญิงชราตรงหน้าและเดินเข้าไปกอดอย่างประจบเสียหนึ่งที พระพายเป็นสาวน้อยหน้าใสวัย 18 ปี บุคลิกของเธอสดใสร่าเริง ยิ้มเก่ง และเป็นที่เอ็นดูของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดแห่งนี้ ด้วยหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู ตัวเล็กๆ เพราะสูงเพียง 157 ซม. ผมสั้นประบ่า มีผมหน้าม้าเป็นปอยบางๆ มีโครงหน้าหวานรูปหัวใจ คางเรียวแต่แก้มป่อง ที่ยายบัวชอบล้อว่าแก้มพองลมทุกครั้งที่เจ้าตัวงอนใส่ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนใสมีประกายแวววาว คิ้วโค้งปลายเรียวรับกับโครงหน้า จมูกโด่งน้อยๆ พอมีสัน รับกันลงตัวกับปากอิ่มย้อยที่เจ้าตัวเคยบ่นว่า ไม่ชอบนัก เพราะเหมือนปากห้อย ดูโดยรวมแล้วพระพายคือสาวน้อยที่หน้าตาน่ารักมากๆ คนหนึ่ง แม้ไม่สวยจัดจนต้องหันมองซ้ำ แต่เธอมีความน่ารักในแบบที่มองได้ไม่มีเบื่อ บวกกับนิสัยน่ารัก มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เคยมีปัญหากับใคร จึงทำให้เธอเป็นที่รักของคนที่ได้รู้จัก แม้แต่คนที่เพิ่งรู้จักก็ยังรู้สึกเอ็นดูเธอได้ไม่ยากเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ “ตั้งใจสอบนะลูก ทำให้เต็มที่ ยายอวยพรให้หลานยายสอบได้นะ” “ขอบคุณค่ะ พายไปแล้วนะ” พูดจบก็ยกมือไหว้เสียหนึ่งที แล้ววิ่งข้ามฝั่งถนนตรงไปที่รถแท็กซี่คันหนึ่งที่จอดรออยู่ เธอยกมือไหว้ชายชราที่ยืนรออยู่ข้างรถพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส “สวัสดีจ้ะตา ไปกันเลยไหมจ๊ะ” เมื่อชายชรารับไหว้แล้วพยักหน้าให้ เธอจึงเปิดประตูรถด้านหน้าเข้าไปนั่งพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างเรียบร้อย แล้วหันไปยิ้มตาหยีให้กับ ตาเวียง คุณตาแท้ๆ ของเธอเอง ตาเวียงกับยายบัว เลี้ยงพระพายมาตั้งแต่อายุได้เพียงสองขวบ เนื่องจากทั้งพ่อและแม่ของพระพายเสียชีวิตไปในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยคนพ่อเป็นช่างไฟเสียชีวิตเพราะตกจากที่สูงระหว่างการทำงานตั้งแต่พระพายอายุได้ 4 เดือนเท่านั้น ส่วนลูกสาวของแกผู้เป็นแม่ของพระพายเสียชีวิตเพราะถูกรถชนระหว่างเดินทางกลับจากทำงานกะดึก โดยที่ไม่สามารถหาคู่กรณีมารับผิดชอบได้ ทิ้งหลานสาวตัวน้อยวัยสองขวบไว้ให้แกสองคนเลี้ยงดูมานับแต่นั้น จนถึงวันนี้พระพายอายุได้ 18 ปี และกำลังจะเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ตาเวียงกำลังพาหลานสาวของแกไปสอบสัมภาษณ์ และแกมั่นใจว่าหลานสาวจะต้องสอบผ่านแน่นอน พระพายเป็นเด็กดีและเรียนเก่ง ตาเวียงจึงตั้งใจจะส่งเสียให้หลานเรียนจบสูงๆ เท่าที่จะเรียนได้ หลานคนนี้ทำให้แกภูมิใจนัก เพราะแม้จะกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก แต่หลานก็ไม่เคยทำตัวเกเร หรือมีปัญหาให้แกต้องเหนื่อยใจเลย ตาเวียงพาหลานมาส่งที่หน้าตึกคณะเทคนิคการแพทย์ แล้วนั่งรอหลานอยู่ใต้ตึกนั่นเอง หลายชั่วโมงผ่านไป พระพายจึงเดินกลับมาหาตาเวียงด้วยท่าทางสบายใจ “เรียบร้อยแล้วจ้ะตา เรากลับบ้านกันเถอะ จากนี้ก็รอแค่จดหมายตอบรับจากคณะเท่านั้น พายมั่นใจว่าสอบผ่านแน่นอนค่ะ” หลังจากนั้นพระพายก็ได้จดหมายตอบรับเข้าเรียนต่อในคณะเทคนิคการแพทย์อย่างที่หวังไว้ แต่เธอเข้าเรียนได้แค่หนึ่งปี ก็เกิดการแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 ทางมหาวิทยาลัยจัดให้มีการเรียนการสอนทางออนไลน์ ซึ่งค่อนข้างสร้างความลำบากให้กับเธอเป็นอย่างมาก ซ้ำร้ายตาเวียงของเธอก็ติดโควิด-19 มาจากผู้โดยสาร กว่าจะรู้ตัวว่าติดไวรัส ตาของเธอก็มีอาการทรุดหนักเข้าขั้นวิกฤต และยายบัวก็มีอาการติดเชื้อด้วยอีกคน ตอนนี้ทั้งตาและยายต้องรักษาตัวอยู่ในส่วนของผู้ป่วยรหัสสีแดง และพระพายเองก็ต้องอยู่ในข่ายเฝ้าระวังการติดเชื้อ หลังเข้ารับการรักษาไม่ถึง 10 วัน ตาเวียงก็จากไปอย่างสงบ อีก 7 วันหลังจากนั้นยายบัวก็มีอาการทรุดหนักเพราะเชื้อลงปอดขั้นรุนแรง และจากไปในเวลาเพียงไม่กี่วันอีกคน เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนพระพายไม่ทันได้ตั้งตัว เธอเสียทั้งตาและยายไปในเวลาไม่ถึงเดือน โดยที่ไม่มีโอกาสได้ร่ำลา แม้แต่จะได้เห็นศพเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังทำไม่ได้ เมื่อเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลแจ้งมาว่าจะช่วยจัดการศพให้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคตามนโยบายของภาครัฐ จากนั้นจะส่งใบมรณบัตรมาให้ตามที่อยู่ที่ญาติได้แจ้งไว้ ในคราวนั้นพระพายก็ติดเชื้อโควิดด้วยเช่นกัน แต่เพราะเธอมีอาการไม่รุนแรง เชื้อไม่ลงปอด ให้ยารักษาตามอาการเพียงไม่เกิน 14 วันก็หาย แม้เธอจะรอดตายจากโรคร้ายมาได้ แต่การที่ต้องสูญเสียตายายไปอย่างกระทันหัน สร้างความบอบช้ำทางใจให้เธออย่างสาหัส เธอมีสภาวะซึมเศร้าหมดหวัง หมดแรงใจในการใช้ชีวิต บวกกับสภาพทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ พระพายจึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อหางานทำเลี้ยงตัว เวลา 6-7 เดือนนับตั้งแต่ที่ตายายจากไป เปลี่ยนพระพายให้เป็นผู้ใหญ่กว่าคนวัยเดียวกัน เธอต้องทำงาน 2 ที่ เพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย กลางวันเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางค์ในห้างสรรพสินค้า กลางคืนรับจ้างทำงานในร้านข้าวต้มรอบดึก ชีวิตวนเวียนอยู่เท่านี้ ยังดีที่เจ้าของบ้านเช่าลดค่าเช่าให้พระพายครึ่งหนึ่งเป็นเวลา 1 ปี เพราะสงสารที่เธอต้องเสียตายายไปพร้อมๆ กัน พระพายคิดว่าจะอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปเพราะนี่คือบ้านที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่เด็ก เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่มีความสุข ชีวิตของหญิงสาวดำเนินไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ กระทั่งวันหนึ่ง ‘อาทิตย์’ ผู้เป็นพี่ชายร่วมซอยเดียวกันกับพระพาย ได้กลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากที่เขาสอบเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยอยู่หลายปี นานๆ ทีจะกลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้ง และทุกครั้งที่กลับมาเขาจะต้องมาหาเธอเสมอ ครั้งหนึ่งอาทิตย์ได้ขอให้พระพายเปิดใจเพื่อคบหากับเขาในฐานะคนรัก เวลานั้นพายยังเรียนอยู่แค่ ม.5 เธอไม่พร้อมจะมีคนรัก จึงได้ปฏิเสธไป แต่อาทิตย์บอกว่า เขาไม่ได้เร่งรัดอะไร...เขารอได้ ขอแค่พระพายให้โอกาสเขาบ้างเท่านั้น และครั้งนี้อาทิตย์ก็มาหาพระพายพร้อมขอโอกาสคบหากับเธออีกครั้ง เขาแสดงความเสียใจเรื่องตากับยาย ทั้งยังเอ่ยคำสัญญาว่าต่อจากนี้ไปเขาจะดูแลพระพายเอง อีกไม่กี่เดือนเขาก็จะเรียนจบ ขอให้เธอรอเขาก่อน คราวนี้เธอตอบตกลงที่จะคบหากับเขา อาจเป็นเพราะความรู้สึกต้องการที่พึ่งเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจ และเขาก็แสดงให้เห็นว่ารอเธอมาตลอด เธอจึงเลือกจะให้โอกาสกับเขาและให้โอกาสแก่ตัวเองด้วย เธอกับอาทิตย์โทรติดต่อคุยกันแทบทุกวัน ความสัมพันธ์พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นจนเธอเริ่มไว้ใจเขา จนวันที่เขาเรียนจบ...ได้เข้าร่วมพิธีจบการศึกษาและรับมอบกระบี่ ก่อนถึงวันงานพิธี 2 วัน อาทิตย์มาหาพระพายเพื่อบอกว่าเขาเรียนจบแล้วและจะเข้าร่วมพิธีรับกระบี่ใน 2 วันข้างหน้า เดิมทีเขาตั้งใจจะชวนพระพายไปด้วย แต่เพราะงานนี้มีญาติผู้ใหญ่มาจากต่างจังหวัดหลายคน หากพาเธอไปด้วยเขาก็กลัวว่าจะดูแลได้ไม่ดี แต่เขาสัญญาว่าจะพาเธอไปเลี้ยงฉลองกันภายหลัง ในตอนนั้นเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรและเลือกจะเชื่อตามที่เขาบอก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD