หลังจากลงมาจากห้องนอนแล้วภูผาได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ชิษณุ ที่เป็นเลขาคนสนิทซึ่งพ่วงตำแหน่งคนขับรถที่ภูผาไว้ใจที่สุดและรักเหมือนน้องชายได้ฟัง
ยกเว้นเพียงเรื่องเดียวที่ไม่ได้บอกออกไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเดาได้ยากเลยสำหรับชิษณุที่รู้และเข้าใจในตัวเจ้านายของตนมากกว่าใคร
“ยายม้าดีดกะโหลกนี่ คิดจะลองดีกับฉันหรือไงกัน” ภูผาบ่นด้วยความไม่พอใจที่ต้องนั่งรอจนเกือบครึ่งชั่วโมงแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาลงมา
“ผมต้องขอโทษนายด้วยครับ ที่ไม่ได้ตรวจดูให้ละเอียดก่อน ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้”
“ไม่ต้องคิดมาก ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก ใครจะไปคิด ว่าจะมีคนกล้าคิดทำเรื่องงี่เง่าปัญญาอ่อนแบบนี้ อีกอย่างฉันก็มีแผนจัดการกับเรื่องนี้แล้วด้วย”
“ครับ งั้นเดี๋ยวผมให้แววไปตามคุณธาราให้นะครับ”
“ไม่ต้องหรอก ยายนั่นเดี๋ยวฉันจัดการเองนายไปเอารถออกให้ฉันแล้วกัน แล้วก็วันนี้นายไปดูแลงานที่บริษัทแทนฉันหน่อยนะ ฉันจะไปจัดการกับเรื่องนี้ก่อน”
เมื่อสั่งงานจบร่างใหญ่ของภูผาก็ลุกขึ้นอย่างไม่พอใจที่ถูกปล่อยให้นั่งรอ ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยเลยสักครั้งที่ต้องมานั่งรอใคร มีแต่คนอื่นต่างหากที่ต้องมานั่งรอเขา
สองเท้าก้าวตรงไปที่บันไดหมายจะไปลากยายตัวดีที่กล้าขัดคำสั่ง แต่สองเท้านั้นก็ต้องหยุดอยู่ตรงหน้าบันไดเมื่อเรียวขาสวยคู่หนึ่งกำลังย่างกรายลงมา
ชายกระโปรงชุดแซ็กสีขาวที่ภูผาได้เห็นแม้เพียงนิดเดียวก็จำได้ทันที มันเป็นชุดที่เขาเตรียมไว้สำหรับเจ้าสาวของเขา กระโปรงพลิ้วไหวตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเจ้าของร่าง
ชายหนุ่มเลื่อนสายตามองขึ้นไปจนถึงเอวคอดเข้ารูป ช่างเป็นรูปร่างที่สวยงามมาก หากเป็นร่างของหญิงสาวที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ากริยามารยาทแท้จริงแล้วเป็นแบบใด
เมื่อมองเรื่อยไปยังใบหน้าเรียวสวยรูปไข่ที่ไร้เครื่องสำอาง ช่างดูสวยใสตามฉบับหญิงไทยอย่างไร้ที่ติ แต่ความชื่นชมในใจทั้งหมดต้องหยุดชะงักลงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่ออกจากปากเรียวเล็กนั้น
“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหรือไง ไม่มีมารยาท เป็นผู้ดีเสียเปล่า”
หญิงสาวต่อว่าให้กับสายตาคม เมื่อเจ้าหล่อนถูกจ้องมองประหนึ่งกำลังถูกสำรวจร่างกายจนทั่วทั้งตัว และไม่ได้มีทีท่าว่าจะละสายตาลงแต่อย่างใด
พลางเหลือบไปเห็นชายร่างกำยำอีกคนที่กำลังมองอยู่ เธอจำได้ทันทีว่านั่นคือเลขาคนสนิทของภูผาที่เคยไปที่บ้านบ่อยๆ เพื่อไปดำเนินการเรื่องงานแต่งแทนเจ้านาย
เธอยิ้มให้ชิษณุน้อยๆ เป็นการทักทายแค่พอเป็นมารยาท ทว่าคนตรงหน้ากลับทำท่าทางขึงขังใส่เธอเสียอย่างนั้น
“ยิ้มอ่อยไปทั่ว เธอมันไม่เหมาะกับชุดนี้เอาเสียเลย กล้าดียังไงถึงได้เอาชุดนี้มาใส่”
“คำก็ไม่คู่ควร สองคำก็ไม่เหมาะมันอะไรกันนักกันหนา เป็นอะไรกับความเหมาะสมมากปะ เก็บกดเหรอ” หญิงสาวตอบกลับด้วยความระอาใจ
ธาราอดคิดไม่ได้ว่าในสายตาเขาเธอแย่มากขนาดนั้นเลยหรือยังไง
“แล้วจะให้ฉันใส่ชุดไหนได้ ทั้งตู้เห็นจะมีชุดที่เรียบสุดก็ชุดนี้นี่แหละ” นอกนั้นก็มีแต่ชุดหรูหราหมาเห่าเต็มไปหมดใครจะไปกล้าใส่
“ช่างเถอะ ฉันจะคิดเสียว่าทำบุญก็แล้วกัน ไปกันได้แล้วฉันมีธุระต่อ” ภูผาหันไปมองตาขวางใส่คนสนิท ที่ชักจะไม่อยากสนิทแล้ว “ไอ้ณุไปเอารถออก ฉันจะไปตอนนี้เลย”
“ครับ เอ่อ... แล้วนายจะไม่ทานอาหารเช้าก่อนหรือครับ” ชิษณุอึกอักเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกเจ้านายเขม่น ทั้งที่ปกติภูผามักจะเรียกแทนตัวเขาว่านายหรือแก ไม่เคยขึ้นนำด้วยไอ้สักครั้งถ้าไม่โกรธจัดจริงๆ
แล้วไอ้ณุคนนี้ไปทำอะไรให้นายโกรธตอนไหนกัน
“ไม่ ฉันต้องรีบเอาของไปส่ง จะได้รีบกลับไปทำงาน”
เมื่อสิ้นคำสั่งนายชิษณุจึงรีบเดินออกไปอย่างไม่รีรอ ปล่อยให้บ่าวสาวคู่นี้ทะเลาะกันเสมือนเด็กน้อยที่ต่างก็เอาแต่ใจด้วยกันทั้งคู่
“ไปไหน บอกแล้วไงว่าฉันไม่ไปกับนาย อีกอย่างตอนนี้ฉันก็หิวมากด้วย ฉันจะกินข้าวก่อน”
ธาราไม่สนว่าคนตรงหน้าจะคิดอย่างไร ตั้งท่าจะเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารอย่างคนไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใดที่แกล้งปล่อยให้เจ้าของบ้านต้องนั่งรอ
ภูผาคว้าข้อมือเรียวเล็กของธาราแล้วลากเธอตรงไปยังลานจอดรถ รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย ทำไมผู้หญิงตรงหน้านี่ ถึงได้ไม่รู้สึกกลัวในคำขู่ของเขาสักนิด
“นี่ปล่อยฉันนะ นายพูดดีๆ กับคนอื่นเป็นบ้างไหมห๊ะหรือเก่งแต่ใช้กำลัง” ธาราทั้งขืนตัว ทั้งสะบัดแขนจนสุดแรง ทว่าก็ยังสู้แรงอันมหาศาลของคนร่างใหญ่นี่ไม่ได้อยู่ดี
“ดีแต่ทำรุนแรงแบบนี้ไงละถึงไม่มีใครอยากคุยด้วย”
“อย่าพูดมากได้มั้ย น่ารำคาญชะมัด บอกให้ไปก็ไปเถอะน่า” ดูท่าว่ามือเดียวเริ่มจะจับยากแล้ว ภูผาจึงใช้ทั้งสองมือรวบกอดธาราไว้แล้วลากไปทั้งอย่างนั้น
“ไม่ จนกว่าฉันจะรู้ว่านายจะพาฉันไปไหน”
“ทำไม กลัวฉันพาเธอไปขายเหรอ ถึงอยากจะขายก็คงขายไม่ได้ราคาหรอก” ท่าทีเอาเรื่องแบบนั้นของธารา มันน่าหงุดหงิดจนเขาต้องตัดรำคาญไป
“ฉันจะพาเธอไปส่งคืนพ่อกับแม่ของเธอ”
“ไม่ได้นะ” หญิงสาวปฏิเสธออกไปทันทีราวกับเธอไม่ได้ใช้ความคิด ธาราขืนตัวหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินดังนั้น ยังไงก็ไม่ยอมไปขึ้นรถเด็ดขาด
“ทำไม!” เสียงดุเข้มถามกลับอย่างทันทีเช่นกัน
“กะ... ก็ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่ฉัน ท่านไม่รู้เรื่อง ถ้านายอยากแก้แค้นก็มาทำกับฉันแทน
อย่าไปยุ่งกับท่านเลย นะ”
มือเรียวเล็กคู่นั้นรั้งแขนชายหนุ่มไว้ สายตาวิงวอนของหล่อนยิ่งดูจริงจังและน่าสงสารมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ภูผารู้สึกสนุกมากขึ้นเท่านั้น
“ฉันคงช่วยอะไรเธอไม่ได้หรอกนะ มันก็เหมือนกับเวลาที่เธอไปซื้อของแล้วเขาให้สินค้าผิดมานั่นแหละ ยังไงเธอก็ต้องเอาไปเปลี่ยนอยู่ดี ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ก็ต้องของคืนไปแล้วก็เอาเงินคืนมามันก็เท่านั้น ครั้งนี้ก็เหมือนกัน”