ธาราถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้า นี่เขาเปรียบเรื่องแต่งงานเหมือนกับการซื้อของเนี่ยนะ ถ้าอย่างนั้นตัวเธอกับพี่สาวก็เป็นได้แค่สินค้าเท่านั้นในสายตาเขาอย่างนั้นเหรอ
และทันทีที่รถสปอร์ตสีแดงคู่ใจคันสวยมาจอดตรงหน้า ภูผาจึงพลักร่างของธาราให้มายืนอยู่ตรงประตูรถแต่ไม่ได้เปิดให้อย่างที่สุภาพบุรุษพึงกระทำให้กับสุภาพสตรีทั่วไปแต่อย่างใด
“ไปได้แล้ว” เขารีบไล่คนสนิทไปทันทีที่ณุส่งกุญแจรถให้
“ได้ครับนาย ลาก่อนนะครับคุณธารา” แม้จะเดาได้แล้วว่าโดนเจ้านายเขม่นเรื่องอะไร แต่ก็ยังอยากแกล้งคนที่ไม่ยอมรับใจตัวเองสักหน่อย แล้วก็ดูเหมือนจะได้ผล
“ขึ้นรถได้แล้ว นี่ฉันเสียเวลากับเธอมามากแล้วนะ รู้หรือเปล่าว่าเวลาของฉันแต่ละนาทีมีค่ามากเท่าไหร่”
“ในหัวคิดได้แค่เรื่องนี้หรือไง งาน งาน งาน เงิน เงินและก็เงิน มิน่าล่ะชีวิตนายถึงไม่มีความสุขอย่างคนอื่นเขา”
“ถ้าอยากมีความสุขก็ต้องทำงานสิถึงจะมีเงิน พอมีเงินแล้วก็มีความสุขเองนั่นแหละ”
“ใช้ชีวิตอย่างกับหุ่นยนต์มีแต่ร่างกายแต่ไร้ซึ่งหัวใจ คนอย่างนายตายแล้วเกิดใหม่อีกกี่ครั้ง ถึงจะได้มีโอกาศรู้จักรักแท้อย่างคนอื่นเขา”
“ใครอยากรู้จักอะไรแบบนั้นกัน ไร้สาระ”
“ใช้ชีวิตได้น่าสมเพชจริงๆ”
“กล้าดียังไงถึงกล้ามาพูดกับฉันแบบนี้ ว่าคนอื่นดีนัก ตัวเธอละดีแค่ไหน เธอมันก็แค่ของฟรี ทำเป็นอ้างว่าช่วยพี่สาว ช่วยตัวเองสิไม่ว่า”
เพี๊ยะ!!!
ฝ่ามือเรียวเล็กของธาราฟาดเต็มแรงลงบนใบหน้าคมเข้มด้วยความโกรธ เขาช่างเป็นผู้ชายที่หยาบคายกับผู้หญิงมากที่สุดเท่าที่ธาราเคยพบมา
ไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งเธอจะเคยประทับใจคนแย่ๆ แบบนี้
“นี่เธอ... ปากดี ฤทธิ์เยอะนักใช่มั้ย”
มือหนาผลักร่างของหญิงสาวอีกครั้ง แต่คราวนี้ร่างบางถูกกดให้ติดอยู่กับด้านข้างรถก่อนที่ริมฝีปากหนาจะโฉบลงมาบดขยี้ปากเรียวเล็กอย่างเร็วไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว
เรียวปากเล็กถูกบดขยี้เนิ่นนานจนเริ่มบวมเป่ง ทั้งที่พยายามทุบตีขัดขืนก็แล้ว แต่กลับไม่ช่วยให้เธอหลุดพ้นได้เลย ธาราทำได้แค่ยืนนิ่งประหนึ่งคนไร้วิญญาณ
เธอเลิกต่อสู้ขัดขืนแล้วก็จริงแต่ก็ไร้ความรู้สึกด้วยเช่นกัน
เป็นเหตุให้ผู้ล่าไม่สบอารมณ์จึงละปากออกจากเธอ แล้วเปิดประตูรถดันเธอเข้าไปในที่สุด
ตลอดทางธารานั่งเงียบไม่พูด ไม่กวนโมโหเขาอย่างที่เคย ทำเพียงแต่นั่งนิ่งเป็นร่างไร้วิญญาณเหมือนคนไม่มีความรู้สึก
“คุณว่าลูกจะมีความสุขมั้ยคะ หวังว่าเราคงไม่ได้ทำให้ลูกเป็นทุกข์ไปตลอดนะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อนึกถึงลูกสาวคนโตที่เพิ่งออกเรือนไป
“เราให้ลูกแต่งงานกับคนที่ชาติตระกูลดีขนาดนั้น ลูกเราจะลำบากได้ยังไง คุณภูผาเองเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ขนาดเราไม่มีเงินไปคืน เขาก็ยังหาทางออกให้”
“เรื่องนั้นฉันทราบค่ะ คุณบอกฉันแล้ว แต่คุณก็รู้ว่ายายธารไม่ได้รักคุณภูผา ที่จริงลูกเรายังไม่คิดจะแต่งงานด้วยซ้ำ”
“แต่ลูกก็ยอมตกลงแต่งเองนะคุณ เราก็ไม่ได้บังคับสักหน่อย”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ แต่แบบนี้มันก็เหมือนเราขายลูกเลยนะคะ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิคุณ มันอาจจะเป็นวาสนาของพวกเขาก็ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรแต่พวกเขาก็ยังได้มาลงเอยกันอยู่ดี”
“ขอให้เป็นวาสนาที่ดีเถอะค่ะ”
“มันต้องดีสิ แต่ถ้าแต่งกับยายคนเล็กล่ะก็ไม่แน่ ไม่รู้ไปมีอัคติกับเขามาตั้งแต่ตอนไหน ถึงได้คัดค้านเสียขนาดนั้น แต่ก่อนก็เห็นคุยกับเขาถูกคอดี”
“นั่นสิคะคุณ ว่าแต่ป่านนี้ยังไม่เห็นหน้าเลยนะคะ หายไปไหนกัน”
“ไม่ใช่แค่วันนี้หรอกคุณ ผมไม่เห็นแกตั้งแต่เมื่อวานแล้วสงสัยจะไม่ยอมรับจริงๆ งานแต่งงานพี่สาวทั้งทียังไม่ยอมมาร่วมงานเลย”
“ยายธาราคงจะเครียดเรื่องหางานด้วยแหละค่ะ แล้วพี่สาวยังมาแต่งงานออกไปอยู่ข้างนอกอีก พี่น้องสองคนนี้เขาติดกันอย่างกับอะไร”
เมื่อพูดจบสายธารหันไปสบตากันกับชลธารผู้เป็นสามีอย่างรู้กัน อดยิ้มและหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อนึกถึงหน้าตาแสนงอนกับท่าทางที่จะไม่พอใจของลูกสาวคนเล็ก
ธาราเป็นที่รักของครอบครัวเป็นอย่างมาก แม้จะไม่ได้เรียบร้อยจ๋าเหมือนอย่างพี่สาว แต่ก็เป็นคนที่มีจิตใจดีและมีมารยาทงามไม่แพ้กัน
อีกทั้งยังเป็นคนช่างพูด ช่างอ้อน ช่างเจรจา ออเซาะฉอเลาะ เป็นคนที่สร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของคนรอบข้างได้ไม่ยาก
แม้บุคลิกภายนอกของเธอจะดูเหมือนเด็ก แต่ธาราก็มีความคิดอ่านที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัว ที่สำคัญเธอไม่เคยสร้างความเดือดร้อนหรือนำความเสื่อมเสียมาถึงครอบครัวเลย
ธาราจึงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากครอบครัวอยู่เสมอ
เอี๊ยด!!!
เสียงของล้อรถสปอร์ตสีแดงคันสวยที่ถูกเหยียบเบรกอย่างกะทันหันจนเกิดรอยล้อเป็นทางยาว จนผู้ที่นั่งอยู่ด้านในฝั่งด้านข้างคนขับถึงกับหัวทิ่ม
ภูผาจอดอยู่ด้านหน้าประตูรั้วของบ้านเดี่ยว 2 ชั้นที่มีสนามหญ้าหน้าบ้านอยู่เพียงเล็กน้อยพอให้ผู้ที่อาศัยอยู่ได้มาพักผ่อนหย่อนใจได้บ้าง
เมื่อมองในภาพรวมแล้วอาจเป็นบ้านที่ไม่ใหญ่โตอะไรมากแต่ก็ดูน่ารักน่าอบอุ่นดี
ที่ผ่านมาไม่ภูผาแทบจะไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้เท่าไรนัก หลังจากมาพูดคุยเรื่องสู่ขอแล้วก็มีแต่ใช้ให้ชิษณุมาจัดการเรื่องอื่นที่เหลือให้
สายธารที่ได้ยินเสียงรถดังมาจากหน้าบ้านจึงหันไปมองก็เห็นว่าเสียงนั้นน่าจะมาจากรถที่จอดอยู่หน้าบ้านตัวเองก็นึกสงสัย ว่าใครมีธุระอะไรแต่เช้าขนาดนี้
“เอ๊ะ... นั่นเสียงรถใครมาจอดที่หน้าบ้านน่ะคุณ”
“ดูจากรถแล้วน่าจะเป็นคุณภูผาหรือเปล่า อาจจะพายายธารมาเยี่ยมเราก็ได้ เดี๋ยวผมไปเปิดเอง”
ดนัยไม่รอช้ารีบลุกขึ้นจากโซฟา เดินกึ่งวิ่งเพื่อไปเปิดประตู เนื่องจากที่บ้านพวกเขาไม่มีคนรับใช้
ก็จะได้รู้สักทีว่ายัยธารมีความสุขจริงไหม