11.แผนเอาคืน

1247 Words
ชลธารไม่พูดอะไรเลย แล้วเดินออกจากห้องนั้นไปอย่างร่างที่ไร้ความรู้สึก นั่นคงเป็นความเจ็บปวดที่สุดเลยก็ว่าได้สำหรับคนเป็นพ่ออย่างเขา “แม่คะ พ่อจะโกรธมากมั้ย หนูเสียใจค่ะแม่ หนูคิดว่าหนูทำดีที่สุดแล้ว” “บอกแม่ได้มั้ยลูกทำแบบนี้ทำไม แล้วพี่สาวลูกตอนนี้อยู่ที่ไหนทำไมลูกถึงไม่มาปรึกษาพ่อกับแม่” “เรื่องทั้งหมดหนูผิดเองค่ะแม่ หนูแค่อยากช่วยพี่ธาร พี่เขามีความฝันที่อยากจะทำ พี่ธารไม่ได้รักอีตาภูผานั่นนะคะแม่” “แล้วเราล่ะ ไม่มีสิ่งที่อยากทำ ไม่มีคนที่ชอบหรือไง ถึงยอมไปเข้าพิธีแทนพี่เขาน่ะ” ธารานิ่งอึ้งไปกับคำถามของแม่ เรื่องความฝันเธอยังไม่มีอะไรที่อยากทำจริงจังเหมือนอย่างพี่สาวจริงๆ นั่นแหละ ส่วนคนที่ชอบ ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะตอบว่ามี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ “เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ ที่หนูเสียใจคือหนูทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง หนูไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดมาขนาดนี้และก็ไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นจะกล้าทำแบบนี้ด้วย” “เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วนี่ แม่จะไม่ต่อว่าลูกซ้ำหรอกนะ แม่เชื่อว่าเหตุการณ์นี้มันก็สอนลูกได้มากแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าแม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกทำหรอกนะ” “หนูขอโทษค่ะแม่” เมื่อได้อยู่ต่อหน้าแม่ ธาราก็ปล่อยโฮออกมาได้อย่างไม่อาย “ส่วนพ่อ แม่จะลองคุยกับเขาดู แต่คงต้องให้เวลาพ่อเขาหน่อยนะ” สายธารดึงตัวลูกสาวคนเล็กเข้ามากอดอย่างปลอบโยน แม้ภายนอกดูเหมือนจะเข้มแข็ง แต่ในเวลานี้ผู้เป็นแม่ก็เสียใจในเรื่องที่เกิดไม่ต่างจากผู้เป็นสามีและลูกสาวที่ร่ำไห้อยู่ในอ้อมแขนเธอ หลังจากถูกนำตัวมาส่งคืน ธาราก็ไม่ได้ออกจากบ้านเลย จนป่านนี้ก็ผ่านมาร่วมอาทิตย์แล้วที่เธอเอาแต่นั่งคิดหาวิธีไถ่บ้านคืน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีทางไหนเลยนอกจากวิธีที่คุยกับเพื่อนรักไว้แล้วก่อนหน้านี้ ธาราตัดสินใจโทรบอกผลการตัดสินใจให้เพื่อนรับรู้ไว้ เพราะเธอสัญญาเอาไว้แล้วว่าต่อไปทำอะไรจะบอกก่อน “เอออ้อ ฉันตัดสินใจแล้วนะเว้ย คงต้องใช้วิธีนั้นแล้วล่ะ” [แกจะเอาแบบนี้จริงเหรอวะ ฉันว่ามันเสียมากกว่าได้นะ] “มันก็ไม่มีทางอื่นแล้วนะเว้ย อีกอย่าง ฉันก็ไม่มีอะไรจะเสียมากกว่านี้แล้วแก” [ทางอื่นมันอาจจะมีนะ ถ้าตอนนั้นแกคิดจะปรึกษากันสักหน่อย] “ก็ตอนนั้นมันฉุกเฉินนี่หว่า ฉันแทบไม่มีเวลาได้คิดด้วยซ้ำ” [แล้วไง สุดท้ายแล้วได้เรื่องเลยมั้ยล่ะ] “ข้าน้อยผิดไปแล้วนายหญิง สำนึกผิดแล้วนี่ไง ถึงได้มาปรึกษาเนี่ย” “เออๆ แต่... แกไม่เป็นไรจริงๆ นะ รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง” ถึงเพื่อนจะเล่าทุกอย่างให้ฟังแล้วก็จริง ว่าสูญเสียอะไรไปกับเหตุการณ์นี้บ้าง แม้จะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ก็เถอะ แต่ต้นอ้อก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น ให้ธารากลับไปคิดถึงมันอีก “อืม... ฉันไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ห่วงแต่พี่ธารไม่รู้ป่านนี้เป็นไงบ้าง แต่ก็คงมีความสุขกว่าแต่งงานกับไอ้บ้านั่น ที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่สินค้า” “แต่ก็ไม่น่าเชื่อนะ ว่าหล่อลากไส้ขนาดนั้น จะเลวได้ใจขนาดนี้อะ เมื่อก่อนเราพากันหวีดเขาได้ไงวะ” “แต่เขาจะไม่ได้เลวคนเดียวแน่” เมื่อนึกถึงแผนที่วางไว้ ก็เรียกรอยยิ้มร้ายๆ จากธาราออกมาได้บ้าง “เอาดีๆ ไม่ใช่จะมานั่งเสียใจทีหลังเอง” “คงไม่มีอะไรให้เสียใจไปมากกว่านี้แล้วปะ งั้น... แค่นี้ก่อนนะแก ขอไปคุยกับแม่ก่อน” เมื่อวางสายจากเพื่อนรักธาราถึงกับกลั้นน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาไม่ไหว เมื่อนึกถึงคืนที่แสนเจ็บปวดนั้น ไหนจะเรื่องที่พ่อไม่ยอมพูดกับเธอแม้แต่คำเดียวตั้งแต่วันนั้น มาถึงตอนนี้ธารากลับรู้สึกว่าให้พ่อดุ ด่า ว่า ตี เธอยังดีเสียกว่าที่จะไม่พูดกับเธอเลยแบบนี้เสียอีก แววตาที่เศร้าสร้อยของเธอเริ่มฉายแววความโกรธแค้นมากขึ้นเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนไร้หัวใจ คนที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอจนย่อยยับ ผู้ชายเลวๆ อย่างภูผา มันก็ต้องเจอผู้หญิงที่นายบอกว่าไม่คู่ควรอย่างธารานี่แหละมันถึงจะสาสม ‘ในเมื่อฉันต้องเสียทุกอย่างไป นายก็อย่าหวังว่าจะมีความสุขเลยนายภูผา ฉันจะทำให้นายได้รู้ว่าผู้หญิงไม่ใช่สินค้าและก็ไม่ใช่ดอกไม้ริมทางที่นายจะเหยียบย่ำให้จมดินเมื่อไหร่ก็ได้’ ธาราปาดน้ำตาบนใบหน้าก่อนตัดสินใจเดินไปหาแม่ ที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมมื้อค่ำสำหรับครอบครัว คราวนี้เธอตั้งใจจะบอกบุพการีทั้งสองว่าเธอตัดสินใจจะทำอะไร “แม่ค่ะ อยู่ในครัวหรือเปล่าคะ” “อยู่จ้ะลูก มีอะไรหรือเปล่าแม่ทำกับข้าวอยู่ ละไปตอนนี้ยังไม่ได้” “มีค่ะ วันนี้หนูตั้งใจว่าจะช่วยแม่ทำกับข้าวไงคะ” มือเรียวเล็กของธารากอดที่เอวของมารดาอย่างออดอ้อน จนผู้ที่ถูกกอดถึงกับสะดุ้ง “ลูกคนนี้นี่ เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้ มีอะไรหรือเปล่าบอกแม่มาตรงๆ ก็ได้” “มีค่ะแม่ หนูตัดสินใจแล้วค่ะ ในเมื่อหนูแต่งงานแล้วหนูก็จะไปอยู่ที่บ้านสามี บ้านและที่ดินของเราต้องไม่ถูกยึดพ่อกับแม่จะต้องไม่ลำบากเพราะหนู” “แล้วเขาจะรับเราหรือลูกในเมื่อเขาเพิ่งเอาตัวลูกมาคืน และก็ประกาศชัดเจนขนาดนั้นว่าจะหย่า” “ยังไงเขาก็ต้องรับค่ะแม่ หนูจะทำให้เขารับเอง ว่าแต่แหวนวงนั้นที่หนูขว้างทิ้งไป แม่เก็บไว้หรือเปล่าคะ” “จ้ะ มันยังอยู่ที่แม่ แม่กะว่ารอให้เขาเอามาใบหย่ามาให้ก็จะคืนให้เขาไปน่ะ แต่ก็ไม่เห็นมาสักที” “งั้นเอาให้หนูนะคะ ฝากบอกคุณพ่อด้วยนะคะว่าหนูขอโทษ แล้วก็... หนูจะจัดการเรื่องบ้านให้เอง” “ลูกแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้ แม่ไม่อยากเห็นลูกมาเสียใจทีหลังอีกนะ” “ค่ะแม่ หนูตัดสินใจดีแล้ว ถ้าท้ายที่สุดแล้วมันไม่เป็นอย่างที่คิด คราวนี้หนูจะเข้มแข็งแล้วก็จะยอมรับมัน” “ต่อไปลูกจะทำอะไรก็ใช้สติให้มากหน่อย ถ้าเราควบคุมสติได้เราก็จะมีปัญญา รู้มั้ย” สายธารปลอบใจลูกสาวเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยยามที่เอ่ยถึงผู้เป็นพ่อ สำหรับครอบครัวรักษ์วารีแล้วนั้นสายธารเป็นแหล่งรวมกำลังใจที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD