ร่างสูงใหญ่ของภูผาออกมาจากรถก่อน เดินมายังอีกฝั่งที่มีหญิงสาวนั่งอยู่ แต่ธาราไม่ยอมลงจากรถเพราะยังคงกลัวความผิดที่เธอทำหากผู้เป็นพ่อได้รู้
“เธอจะไม่พูดกับฉันเลย ฉันก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ แต่ช่วยลงจากรถฉันด้วย”
ภูผารู้สึกไม่พอใจที่ถูกปล่อยให้ยืนรอด้านนอกอยู่นาน อีกทั้งแดดก็ร้อนจัดมากจึงเปิดประตูรถออกแล้วกระชากแขนเรียวเล็กให้ลุกขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะธารายังไม่ได้ปลดสายรัดออก
“เธอจะปลดเองหรือจะให้ฉันปลดให้”
“ไม่ต้อง ฉันทำเองได้ ฉันจะไม่ให้นายเข้าใกล้ตัวฉันอีกเป็นอันขาด” หญิงสาวร้องบอกปัดทันทีที่ร่างใหญ่กำลังจะผ่านหน้าของตนอย่างแนบชิดเพื่อปลดสายรัดออกให้
“ก็เท่านั้นแหละ เรื่องมากน่ารำคาญชะมัด”
เมื่อชลธารมาถึงประตูหน้าบ้านก็รู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เห็น ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างภูผาไม่ใช่ลำธาร แต่กลับเป็นลูกสาวคนเล็กที่หายไปตั้งแต่เมื่อวาน
“เกิดอะไรขึ้นธาราทำไมลูกมาอยู่กับคุณภูผาได้ แล้วพี่สาวลูกไปไหน...”
“…”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวเอาแต่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร เขาจึงหันไปคุยกับภูผาแทน “เอ่อ ยัยธารไม่ได้มาด้วยเหรอครับคุณภูผาแล้วนี่ไปเจอยายตัวดีที่ไหนครับเนี่ย”
“สวัสดีครับคุณชลธาร” ชายหนุ่มเอ่ยทักทายเจ้าของบ้านที่ตอนนี้มีฐานะเป็นพ่อตา แต่ทว่าน้ำเสียงกลับไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร
“เอ่อ... คือ... หนูว่าเราเข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะคะพ่อ อย่าคุยตรงนี้เลยค่ะมันร้อนจะตายไป เดี๋ยวคุณภูผาของพ่อจะตัวดำเอาได้นะคะ”
ธาราพูดแทรกขึ้นระหว่างชลธารกับภูผา รีบเข้าไปกอดแขนพ่อเอาไว้อย่างเอาใจ พลางดึงให้เข้าไปคุยต่อข้างในบ้าน กลัวคำตอบของคนไร้หัวใจจะทำให้พ่อช็อกลงตรงนี้
“เสียมารยาทจริงลูกคนนี้” แล้วหันไปเชื้อเชิญลูกเขยให้เข้าบ้านก่อนตามที่ธาราว่า “เชิญคุณภูผาด้านในก่อนครับ บ้านอาจเล็กคับแคบไปสักหน่อยนะครับ”
“ผมคุยธุระไม่นานหรอกครับ”
“นานไม่นาน ถ้าจะคุยก็เข้ามาก่อนมั้ยล่ะ แต่ถ้าไม่เข้าก็ไม่ต้องคุย กลับไปเลยก็ได้นะ” ธาราพูดพลางพยักพเยิดหน้าไล่เขาไปในที
“พูดอะไรน่ะลูก ไปพูดแบบนี้กับพี่เขาได้ยังไงเสียมารยาท”
“ทำไมจะไม่ได้ละคะพ่อ หนูก็จะมีมารยาทกับคนที่มีมารยาทกับเราเท่านั้นแหละค่ะ”
“ธารา!” คนเป็นพ่อได้แต่ถอนหายใจอย่างระอาให้ลูกสาว
สงสัยว่าเขาจะตามใจมากไปแล้ว “เอ่อ... ต้องขอโทษแทนลูกสาวด้วยนะครับแกยังเด็กน่ะครับ” ถึงตอนนี้ภูผาจะเป็นลูกเขยเขา แต่ยังไงฐานะก็ต่างกันอยู่ดี
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือสาเด็กที่ไม่รู้จักโตหรอกครับ เรารีบเข้าไปคุยธุระกันดีกว่า”
เมื่อทุกคนมาถึงยังห้องรับแขกที่ไม่ได้กว้างขวางอะไรนัก แต่ก็มีที่นั่งเพียงพอสำหรับทุกคนที่จะได้พูดคุยกัน
ภูผาอธิบายเหตุผลที่มาในครั้งนี้ เขาเล่าให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฟังทุกเรื่อง ทั้งเรื่องที่ลำธารหนีงานแต่ง แล้วก็เรื่องที่ธาราปลอมตัวเข้าพิธีแทน รวมถึงตำหนิชลธารที่ไม่รักษาสัญญาที่ตกลงกันไว้
ชลธารเมื่อได้ยินดังนั้นก็ตกใจมาก รีบออกปากขอโทษเป็นการใหญ่ ทั้งเสียใจในการกระทำของลูกสาว
“อย่างที่บอกไปครับ ในเมื่อทางคุณไม่รักษาคำพูด ผมก็ไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญาเช่นกัน”
“แต่... แต่คุณก็จดทะเบียนกับยายธาราแล้วนี่คะ อย่างนี้ก็เท่ากับลูกสาวฉันแต่งงานกับคุณแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะรักษาเกียรติกันบ้าง” ผู้เป็นแม่แย้งขึ้นเพราะไม่อยากให้ลูกสาวคนเล็กเสียหน้า
“แต่ที่ลูกสาวพวกคุณทำก็ไม่ได้รักษาเกียรติครอบครัวผมเหมือนกันนะครับ ไว้ผมจะให้เลขาของผมมาจัดการเรื่องหย่าให้ ส่วนบ้านและที่ดินของคุณที่หลุดจำนองผมให้เวลาอีกแค่เดือนเดียว ถ้าหาเงินมาไถ่ถอนได้ผมก็จะคืนให้”
“ไอ้คนหน้าเงิน นายมันใจยักษ์ ใจมาร นายคิดว่าฉันสนใจทะเบียนสมรสบ้าบอนั่นเหรอ เตรียมเอกสารรอเลยนะฉันจะหาเงินทั้งหมดมาคืนให้”
“ได้... ฉันจะรอดู น้ำหน้าอย่างเธอจะไปหาเงินที่ไหนมาไถ่ถอนได้ตั้งหลายล้าน ส่วนแหวนแต่งงานนี่ ฉันยกให้ ถือเสียว่าเป็นค่าตัวที่เสียไปเมื่อวานนี้แล้วกัน”
พอได้ยินเสียงต่อว่าต่อขานจากธารา ชายหนุ่มก็ลืมตัวสรรหาคำพูดมากมายมาเถียงกลับให้เจ็บแสบไม่ต่างกัน ลืมไปชั่วขณะว่าตรงนี้ยังมีผู้ใหญ่นั่งอยู่
คำต่อล้อต่อเถียงกันของคนหนุ่มสาวทั้งสองทำให้คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างชลธารและสายธารเข้าใจได้ดี ตอนนี้ลูกสาวของพวกเขาได้สูญเสียสิ่งที่มีค่าสำหรับผู้หญิงไปแล้ว
“ใครจะไปอยากได้แหวนสับปะรังเคนี่ ส่วนนายน่ะไปตายที่ไหนก็ไป” ธาราถอดแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายแล้วปาออกไปอย่างแรง
แหวนเพชรน้ำงามกระทบกับอกกว้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแต่อย่างใด และไม่ได้มีท่าทีสนใจในแหวนวงนั้นเลย
“อ้อ... แล้วก็ไม่ต้องคิดจะเอาพี่สาวเธอมาให้แล้วนะ ฉันไม่อยากได้แล้ว” เมื่อพูดจบภูผาจึงลุกขึ้นเดินออกจากบ้านหลังเล็กไปโดยไม่สนใจอีกเลย
“ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไรนะ” ผู้เป็นแม่พูดปลอบใจเมื่อเห็นลูกสาวหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บปวด