ฉันที่ตั้งรับกับความหวานที่มาเร็วอย่างกับรถไฟฟ้าความเร็วสูงไม่ค่อยจะทัน บรรยากาศในรถที่อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของความรักตลอดเส้นทางจนถึงอพาร์ทเม้นท์
เมื่อรถจอดสนิทที่ลานจอดรถขณะที่ฉันกำลังก้าวขาลงจากรถ "ฮาบีบีหันมาหน่อย"
"อะไรคะ..."
"ปากคุณแดงไปหมดเลย"
"ไหนผมดูหน่อย" เขาโน้มตัวมาหาจับคางฉันดูผลงานของเขาลูบแผ่วเบาที่ริมฝีปาก ได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายราคาแพงโชยแตะจมูกเราใกล้กันมากจนลมหายใจเขารดที่ใบหน้า ริมฝีปากได้รูปมีเสน่ห์จนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
"สงสัยจะเป็นหนวดของผม" ฉันเอื้อมมือไปจับที่หนวดเคราเขียวครึ้มของเขาที่แม้จะได้รับการดูแลอย่างดีแต่ผิวบอบบางของฉันคงจะระคายเคืองจนแดงเป็นปื้น
"รู้สึกเจ็บๆด้วยค่ะ" ฉันใช้มือลูบไปที่ริมฝีปากและคางแผ่วเบาลองส่องที่กระจกเห็นมันเป็นสีแดงระเรื่อรอบปากหากดูที่คอก็คงเห็นใครได้เห็นก็รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง
"เอานี่ คุณใส่แมสน่าจะช่วยได้" ชีคฮาซันหยิบแมสจากลิ้นชักบรรจงเกี่ยวสายกับหูทีละข้างแผ่วเบา
จ๊วบ...."ขอหน่อยนะ.." เขาแตะริมฝีปากแผ่วเบารวดเร็วแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ
คุณท่านชีคบ้า.....
เมื่อไปถึงที่หน้าห้องเขาเดินมาส่งแล้วมองด้วยสายตาอ่อนโยนยื่นกล่องข้าวในมือส่งให้ฉัน
"ผมขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ"
"ค่ะ..." ฉันพยักหน้ารับแล้วหยิบกุญแจห้องไขกุญแจห้องเข้าไปด้านใน วางของทั้งหมดไว้ที่โต๊ะแล้วเข้าครัวหยิบเส้นขนมจีนอบแห้งออกมาสองแพค พริกแกงเขียวหวานมะเขือเปราะ กะทิกล่อง พริกชี้ฟ้าและสะโพกไก่ออกมาละลายน้ำแข็งระหว่างรอฉันอาบน้ำแต่งตัวใหม่
อาบน้ำประแป้งจนตัวหอมแล้วหยิบเดรสผูกไหล่เป็นโบว์น่ารักลายดอกไม้มีสม็อกช่วงเอวเปิดแผ่นหลังขาวเนียนแล้วปล่อยชายยาวถึงตาตุ่ม
"ไม่ได้อ่อยนะคะคุณท่านชีคแฟชั่นสมัยนี้ก็มีแต่แบบนี้ค่ะ" ฉันนึกถึงเขาเมื่อสวมใส่เสร็จแล้วรู้สึกวาบหวิวอยู่บ้างก็ตรงสม็อกช่วงอกที่เน้นอกกลมกลึงโนศัลย์นี่แหละ
"ของแท้แม่ให้มาค่ะ"
ปิ๊งป่อง...ปิ๊งป่อง.เสียงอ๋อดดังขึ้น
"สงสัยคุณท่านชีคจะมาแล้ว"ฉันรีบวิ่งกระหืดกระหอบไปเปิดห้องแอบส่องที่ตาแมวก็เป็นเขา
"มา...มาแล้วค่าาา" พอเปิดประตูก็เห็นเขายืนยิ้มแยกเขี้ยวเห็นฟันขาวสะอาดตา นัยน์ตาหวานมองฉันแบบนี้อีกแล้วแต่ที่พีคสุดก็เห็นจะเป็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเคราคงจะเพิ่งแยกทางกันเป็นแน่แท้
"หนวดคุณ...."
"คุณจะได้ไม่เจ็บอีกไงฮาบีบี"
สายตา.....นี่เขาจะจูบอีกใช่ไหมคราวนี้ถึงขั้นหย่าขาดกับหนวดเคราแล้ว
"เอ่อ..ค่ะ.." คุณท่านชีคดูทำเข้าสายตาเขาเป็นปีะกายระยิบระยับ
"เชิญค่ะ...เชิญด้านในค่ะ"
"นั่งรอก่อนนะคะบาหลีเพิ่งอาบน้ำเสร็จแต่เดี๋ยวก็ได้กินแล้วค่ะ"
"มา...ผมช่วย"
"ฮ้า...ไม่ได้ค่ะ คุณออกค่าของแล้ว"
"ช่วยกันทำจะได้เสร็จเร็วๆผมหิว" ชีคฮาซันเดินตามหลังหญิงสาวเข้าไปในครัวหอมกลิ่นแป้งเด็กจางๆจากหญิงสาวใบหน้าไม่ได้แต่งเติมทำให้ชวนมองยิ่งขึ้นไปอีก
แล้วจะยังแผ่นหลังขาวเนียนที่ทำให้มือเขามันอยากสัมผัสจนต้องซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงหักห้ามใจ
"วันนี้คุณทำเมนูอะไร" เขาถามขณะที่มองหญิงสาวหยิบกระทะมาวางบนเตาไฟฟ้าเปิดสวิทซ์ เปิดเครื่องดูดควันอัตโนมัติ
"แกงเขียวหวานไก่ค่ะ"
"คุณไปประเทศไทยบ่อยๆเคยกินไหมคะ"
"ยังไม่เคย เคยชิมแต่ต้มยำกุ้งและก๋วยเตี๋ยวผัดไทยกุ้งสดบอสคุณพาไป"
"อ๋อ...ค่ะ ทั้งสองอย่างของโปรดบอสค่ะ"
"อร่อยไหมล่ะคะถ้าอยากกินบาหลีจัดให้ได้นะคะ"
"แล้วแต่คุณ..." คำว่าแล้วแต่คุณนั้นสายตากลับเจ้าเล่ห์ยืนซ้อนหลังหญิงสาวใช้จมูกสูดดมความหอมของเรือนผมจนได้กลิ่นแชมพูที่เพิ่งสระมาใหม่ยังไม่ทันแห้งดี
"ผมทำให้ดีกว่าคุณเพิ่งสระผมเดี๋ยวกลิ่นเครื่องแกงติด"
เขาชอบผู้หญิงผมหอมยิ่งหอมเขาก็ยิ่งชอบ แล้วยื่นมือไปจับตะหลิวไม้สักจากมือนุ่มมาถือไว้ซะเอง
"คุณบอกมาผมจะทำตาม"
"กระทิเดือดแล้วใส่พริกแกงลงหมดช้อนค่ะ"
"โอเค...." ท่าทางเขาไม่ใช่เชฟมือสมัครเล่นเสียเมื่อไหร่คล่องแคล่วกว่าฉันเสียอีก ไม่นานแกงเขียวหวานไก่ก็ถูกจัดเสริฟในถ้วยสวยหรูคู่กับเส้นขนมจีนเหนียวนุ่ม
"ทานเลยค่ะร้อนๆจะได้อร่อย"
ฉันตักแกงเขียวหวานเข้าปากไปคำแรกก็รู้ถึงความอร่อยจากฝีมือของคุณท่านชีค
"อื้ม...อร่อยค่ะ" ฉันชื่นชมเขาซึ่งได้รับคำชมเขาก็ยิ้มหน้าบาน
"คุณกินเยอะๆ คุณรู้ไหมว่าผอมไป"
ฉันมองตัวเองก็หุ่นแบบนี้ที่บ้านฉันเขาเรียกหุ่นดีหุ่นนางแบบนี่นาก้มมองนมตัวเองอย่างน้อยฉันก็พอมีอยู่บ้างล่ะ
"ที่ไทยแบบนี้เขาเรียกหุ่นนางแบบค่ะ" ฉันค้อนเขาควับเข้าให้ใจคอจะให้อ้วนก้นใหญ่เหมือนสาวที่นี่หรือไง
"อีกซักสองกิโลกำลังดี" เขาชอบที่ผู้หญิงมีน้ำมีนวลเวลากอดก็อบอุ่นเต็มไม้เต็มมือ อยากกินก็กินไม่ต้องกลัวอ้วนเห็นสาวๆ หลายคนที่ผอมบางเหมือนไม่มีแรงจะเดินแต่กลับบอกว่าหุ่นดี
ฉันที่ไม่แคร์เขาก็กินแบบเดิมเผื่อท้องไว้สำหรับผลไม้ก็อิ่มพอดีได้สารอาหารครบถ้วน
"คุณกินให้อร่อยก็พอ"
"ค่ะ..."จากนั้นฉันก็เดินไปหยิบจานผลไม้จากในตู้เย็นออกมากินล้างปากหลังมื้ออาหาร
"ผลไม้ค่ะท่านชีค" ฉันงอนเขาแล้วเก็บจานออกไปล้าง
"ผมล้างเอง"
"ไม่ได้ค่ะคุณเป็นแขกนั่งตรงนี้แหละค่ะ"
"โอเคแล้วแต่ฮาบีบี..." ระหว่างที่ฉันล้างจานก็ได้เห็นมาดของเจ้าชายที่ค่อยๆจิ้มผลไม้เข้าปากอย่างสง่างามน่ามองละเมียดละไม
ฉันล้างจานเสร็จแล้วก็มานั่งโซฟาอีกตัวข้างเขาที่นั่งดูทีวีเรื่องเศรษฐกิจของที่นี่
ฮาบีบี...มานั่งข้างผม
เออ...ฮาบีบีอีกแล้ว
ฉันนั่งแหมะตรงที่เขาวางมือไว้ "ฮาบีบีคืออะไรคะ เห็นคุณพูดหลายครั้งแล้วค่ะ"
"แปลว่าที่รัก..."
"อะ...อะไรนะที่รัก" ส้อมจิ้มผลไม้แทบหลุดมือ ฉันเหวอไปมากสตั๊นไปหลายวิแล้วเรียกสติกลับมา หายใจไม่ทั่วท้องออกอาการเลิ่กลั่ก
"ผมจะเข้าเรื่องล่ะนะ" ท่าทางของเขาบอกได้ว่าคงเป็นเรื่องที่ซีเรียสแน่ๆ
"ค่ะ..."
"วันนี้เราจูบกัน"
"ใช่ค่ะ...แล้วไงคะ" ก็อารมณ์มันพาไปอย่าบอกนะว่าจะให้ฉันรับผิดชอบน่ะ
"ผมเป็นไครัตที่นี่เขาถือว่าการจูบระหว่างชายหญิงหมายถึงการเป็นคู่ครอง"
"หา.....อกอีแป้นจะแตก" ฉันอุทานออกมาเป็นภาษาบ้านเกิดเมืองนอนที่เขาต้องนิ่วหน้าไม่เข้าใจ
"what..."
อีกและ what ตลอดนะท่านชีคฉันสบถในใจ
"บาหลีไม่เข้าใจค่ะ"
"เราต้องแต่งงานกัน...." ใบหน้าเขาจริงจังขึ้นมา
ตายแล้วงวดนี้โดนป้าบัวด่าสามวันไม่เลิก มายังไม่ทันไรเลยอุตส่าห์รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ
ได้ผัวซะแล้ว...ท่านชีคได้โปรดเมตตาด้วย
หญิงสาวคงไม่รู้ที่วันนี้เขามาช้าเพราะว่าทะเลาะกับท่านพ่อเรื่องดูตัวเจ้าสาวนี่แหละ ที่สำคัญเขาบอกไปแล้วด้วยว่าหัวใจเขาไม่ว่างไม่เปิดรับใครทั้งนั้น ไม่ว่าเธอจะร่ำรวยสักแค่ไหน
เพราะเขารวยอยู่แล้ว
มากด้วย....
"กระหม่อมมีคนรักแล้วไม่อาจแต่งกับใครได้" เขาพูดทิ้งท้ายแล้วรีบจากมาเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเลิกงานของหญิงสาวแล้ว
"แต่งงาน..." ปากฉันสั่นระริกไม่ใช่ดีใจแต่เตรียมใจไม่ทัน
"แล้ว...แล้วบาหลีต้องทำยังไงคะ"
"หมั้นก่อนแล้วค่อยแต่ง"
"หมั้น..." ฉันหน้าซีดเหมือนไก่ต้มจะไปบอกกับทุกคนว่ายังไงจูบครั้งเดียวได้ผัวมาเลย
"คุณไม่ต้องคิดมากทุกอย่างผมจะจัดการให้ดีที่สุด" เขาจับมือฉันมากุมแล้วทำตาหวานหยาดเยิ้มสะกดวิญญาณแบบที่เขาถนัด
จิตใต้สำนึกของฉันมันบอกว่า
เริ่มเลอ....ครั้งนี้เราได้ดุลการค้ากำไรเห็นๆ
@@@@@@@@@
ออนไรท์