ภายในห้องโถงของคฤหาสน์ธาดานฤนาถถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัดชนิดที่ว่า หากเข็มสักเล่มหล่นลงบนพื้นในเวลานี้ เสียงตกกระทบของมันคงดังก้องไปทั่วบริเวณอย่างไม่ต้องสงสัย และในขณะนี้สายตาทุกคู่ของผู้ที่นั่งอยู่ในห้องเพื่อรอฟังการอ่านพินัยกรรมต่างก็จับจ้องไปที่อำพล ผู้เป็นทนายความประจำตระกูลที่กำลังเปิดซองเอกสารอย่างใจเย็น
“คุณอาไม่ต้องเสียเวลาอ่านพินัยกรรมก็ได้นะครับ เพราะถึงยังไง สมบัติทุกอย่างของคุณพ่อก็ต้องเป็นของผมอยู่แล้ว”
ตรัยคุณ ธาดานฤนาท ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดปี ทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าสัวธนาบอกกับทนายความอย่างมั่นใจพลางปรายตามองแพรรัมภาหญิง สาวท่าทางเรียบร้อยที่นั่งก้มหน้าบีบมือตัวเองด้วยความอึดอัดใจอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม
เธอเป็นลูกติดเมียน้อยของพ่อที่เขาเกลียดเข้าไส้!
การเปิดพินัยกรรมวันนี้เกิดขึ้นหลังครบหนึ่งร้อยวันการจากไปของเจ้าสัวธนาซึ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมอรพรรณ ผู้ที่ได้เลื่อนฐานะจาก ‘เมียน้อย’ ขึ้นมาเป็นภรรยาหมายเลขหนึ่งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากมารดาของตรัยคุณเสียชีวิตไปเมื่อสิบห้าปีก่อน
เจ้าสัวธนาพาอรพรรณและแพรรัมภาเข้ามาอยู่ในบ้าน หลังเสร็จงานศพแค่เพียงวันเดียว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาโกรธผู้เป็นพ่อมากและพาลเกลียดอรพรรณกับแพรรัมภาไปด้วย
ทนายอำพลดึงเอกสารออกมาจากซองแล้วขยับแว่นสายตาให้เข้าที่ก่อนที่จะเริ่มอ่านพินัยกรรมอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ข้าพเจ้านายธนา ธาดานฤนาท ขณะทำพินัยกรรมฉบับนี้ข้าพเจ้ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกประการ หลังจากข้าพเจ้าเสียชีวิตแล้ว ข้าพเจ้าขอมอบทรัพย์สินทุกอย่างให้นายตรัยคุณ ธาดานฤนาถ แต่เพียงผู้เดียว...”
ตรัยคุณยิ้มมุมปากด้วยความพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามคาด ในขณะเดียวกัน ทนายอำพลก็ยังคงอ่านข้อความในพินัยกรรมอย่างต่อเนื่อง
“...โดยมีเงื่อนไขว่า นายตรัยคุณจะต้องแต่งงานกับนางสาวแพรรัมภาเสียก่อน จึงจะมีสิทธิ์รับมรดกทั้งหมด”
รอยยิ้มของตรัยคุณหายไปในพริบตาเมื่อได้ยินเงื่อนไขพินัยกรรมสุดเพี้ยน “คุณพ่อทำพินัยกรรมแบบนี้ได้ยังไง คุณพ่อก็รู้ว่าผมเกลียดยัยเด็กนี่จะตาย ผมไม่แต่ง ยังไงผมก็ไม่แต่ง!”
ศรีนภา ผู้เป็นอาสะใภ้ของตรัยคุณที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ มานานอดถามอย่างข้องใจไม่ได้ “คุณอำพลแน่ใจนะคะว่าพินัยกรรมฉบับนี้ไม่มีอะไรผิดพลาด คุณพี่ธนาคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงได้สร้างเงื่อนไขพินัยกรรมสุดพิลึกแบบนี้”
“พินัยกรรมฉบับนี้ทำขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการและทุกอย่างก็เป็นไปตามความประสงค์ของเจ้าสัวธนา” ทนายความสูงวัยตอบศรีนภาพอย่างสุภาพแล้วหันไปคุยกับตรัยคุณต่อ
“ถ้าคุณตรัยไม่ยอมแต่งงานกับคุณแพรตามเงื่อนไขพินัยกรรม ทรัพย์สินทุกอย่างก็จะตกเป็นของคุณแพรแต่เพียงผู้เดียวนะครับ”
“ยัยเด็กนี่ไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกแม้แต่บาทเดียว” ตรัยคุณโวยวายหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“คุณแพรมีสิทธิ์ตามพินัยกรรมครับ เจ้าสัวธนาท่านระบุไว้แบบนี้” อำพลยังคงย้ำคำเดิมด้วยกิริยาสุภาพไม่ว่าคู่สนทนาจะหัวร้อนมากแค่ไหนก็ตาม
“ยังไงผมก็ไม่แต่งกับยัยเด็กนี่เด็ดขาด” ตรัยคุณปฏิเสธเสียงแข็งพลางจ้องหน้าแพรรัมภาอย่างชิงชังจนคนถูกจ้องต้องก้มหน้าหลบสายตา
“คุณแพรได้ยินแล้วนะครับว่าคุณตรัยปฏิเสธการแต่งงาน ดังนั้นทรัพย์สินทุกอย่างก็จะตกเป็นของคุณแพร” ทนายความเลื่อนเอกสารการรับมอบไปตรงหน้าหญิงสาว “เซ็นชื่อรับมรดกด้วยครับ”
“แพรรับไว้ไม่ได้ค่ะ ทุกอย่างควรเป็นของพี่ตรัย” ถึงแม้เจ้าสัวธนาจะเอ็นดูลูกเลี้ยงอย่างเธอมาก แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะมากถึงขนาดที่ท่านจะยกทรัพย์สินทุกอย่างให้เธอแบบนี้
“รับเถอะครับคุณแพร” ทนายอำพลกล่าวสำทับเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีท่าทีลำบากใจ
“แพรรับไว้ไม่ได้จริงๆ ค่ะคุณอา” หญิงสาวเลื่อนเอกสารคืนทนาย
“ถ้าคุณแพรไม่รับ ผมคงต้องส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับองค์กรการกุศล”
“ไม่ได้!” ตรัยคุณประท้วงเสียงแข็ง
“ท้ายพินัยกรรมระบุไว้ว่า ถ้าคุณตรัยไม่ยอมแต่งงานกับคุณแพร ทรัพย์สินทุกอย่างก็จะตกเป็นของคุณแพร แต่ถ้าคุณแพรปฏิเสธที่จะรับ มรดกทุกอย่างก็จะถูกบริจาคให้กับองค์กรการกุศล” ทนายความชี้แจง
“คุณพ่อจะบีบให้ผมแต่งงานกับยัยเด็กนี่ให้ได้เลยใช่มั้ย” ตรัยคุณกระแทกกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรง จนแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นสะเทือนจนหญิงสาวที่ถูกเรียกติดปากตั้งแต่เด็กว่า ‘ยัยเด็กแพร’ ถึงกับสะดุ้ง
“เจ้าสัวธนาท่านไม่ได้บังคับนะครับ คุณตรัยมีสิทธิเลือก” อำพลพยายามทำหน้าที่อย่างใจเย็นที่สุด
“เลือกที่จะเป็นยากจกกับเลือกที่จะเอายัยเด็กนี่เป็นเมียเนี่ยนะ ช่างเป็นทางเลือกที่วิเศษเหลือเกิน” ชายหนุ่มประชด คนที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง มีชีวิตสุขสบายมาโดยตลอด ย่อมทนไม่ได้แน่ที่จะไม่เหลือทรัพย์สินติดตัวสักชิ้น แต่จะให้รับลูกสาวของเมียน้อยพ่อมาเป็นภรรยาก็รู้สึกผิดกับมารดาที่เสียชีวิตไปแล้ว
“หลังจากแต่งงานกันแล้ว ถ้าคุณตรัยกับคุณแพรไม่สามารถใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้จริงๆ คุณตรัยก็มีสิทธิหย่ากับคุณแพรได้ แต่ต้องหย่าหลังจากที่คุณแพรคลอด ‘ลูกชาย’ คนแรกแล้วเท่านั้น” อำพลให้ข้อมูลเพิ่มเติม
“แต่งแล้วก็หย่าได้งั้นเหรอ” ตรัยคุณทบทวนคำพูดของทนายความแล้วยิ้มร้ายอย่างมีแผนการบางอย่างในใจ
ในขณะเดียวกัน แพรรัมภาก็ตกใจกับเงื่อนไขการหย่าเหมือนกัน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
“โอเค ผมยอมแต่งงานกับยัยเด็กนี่ก็ได้”
“ไม่ได้นะตรัย” ศรีนภาจะคัดค้านแต่ก็ถูกหลานชายพูดขัดขึ้นเสียก่อน
“ไม่ต้องห่วงครับอาศรี หลังจากแต่งงานแล้ว ผมจะรีบทำให้ยัยเด็กนี่ท้อง รับรองว่าภายในหนึ่งปี ผมเคลียร์ยัยเด็กนี่ออกจากชีวิตได้แน่นอน” ตรัยคุณปิดท้ายคำพูดด้วยเสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอชนิดที่แพรรัมภาได้ยินแล้วชาวาบไปทั้งตัว จนต้องบีบมือเข้าหากันเพื่อประคองสติให้นั่งฟังการอ่านพินัยกรรมต่อให้จบ
“คุณตรัยยอมแต่งงานกับคุณแพรแล้ว แล้วคุณแพร ยินดีที่จะแต่งงานกับคุณตรัยหรือเปล่า” ทนายความประจำตระกูลถามความสมัครใจของหญิงสาว
แพรรัมภาลังเลใจที่จะตอบตกลง ความจริงเธอควรดีใจด้วยซ้ำที่จะได้แต่งงานกับคนที่เธอแอบรักมานาน
รัก...ทั้งที่เขาร้ายกับเธอมาก
หากแต่ปลายทางของชีวิตคู่ที่พินัยกรรมฉบับนี้ระบุเอาไว้ ช่างโหดร้ายเหลือเกิน ที่เลวร้ายที่สุดคือ จะมีชีวิตที่แสนบริสุทธิ์อีกหนึ่งชีวิตมาร่วมรับชะตากรรมนี้กับเธอด้วยในอนาคต
ลูกควรเกิดจากความรักของพ่อแม่ ไม่ใช่เกิดจากความเห็นแก่ตัวของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ
“คุณอาไม่ต้องถามเค้าหรอก ถ้าผมบอกว่าจะแต่ง เค้าก็ต้องแต่ง” ตรัยคุณบอกอย่างเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเคย
“ไม่ได้ครับ การแต่งงานต้องเกิดจากความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย พินัยกรรมไม่มีสิทธิบังคับให้คนแต่งงานกัน” ทนายความอาวุโสแย้ง
ตรัยคุณหงุดหงิดกับคำตอบที่ได้รับมาก “งั้นเธอก็พูดสิว่าเธอแต่งงานกับฉัน”
“แพร...เอ่อ...แพร...” หญิงสาวอึกอัก ไม่กล้าตอบรับแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ
“พูดออกมาสิว่าเธอจะแต่งงานกับฉัน อ้ำอึ้งอยู่ได้”
แพรรัมภาสะดุ้งตกใจกลัวจนน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลออกมาอย่างสุดฝืน
อำพลมองท่าทีเกรี้ยวกราดของตรัยคุณแล้วแอบส่ายหน้าระอาใจ ก่อนจะหันไปพูดกับหญิงสาวที่กำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่
“คุณแพรไม่ต้องกลัวนะครับ คุณแพรก็มีสิทธิเลือกเหมือนกัน เจ้าสัวท่านไม่ได้บังคับว่าคุณสองคนต้องแต่งงานกัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ถึงคุณตรัยจะยอม แต่ถ้าคุณแพรไม่ยอม ก็จะไม่การแต่งงานเกิดขึ้น”
แพรรัมภามองหน้าตรัยคุณผ่านม่านน้ำตา ชายหนุ่มคนนี้อยู่ในวัยที่น่าจะเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว แต่เขายังทำตัวเจ้าชู้ เสเพล เอาแต่เที่ยวเตร่หาความสุขไปวันๆ ตอนที่เจ้าสัวธนายังมีชีวิตอยู่ ท่านทั้งขอร้อง ทั้งบังคับ ให้เขาเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัทเพื่อจะได้รับตำแหน่งประธานบริษัทต่อจากท่าน แต่เขาก็ไม่ยอม โดยอ้างว่าที่บริษัทมีธงชัย ผู้เป็นน้องชายแท้ๆ ของเจ้าสัวธนาคอยช่วยงานอยู่แล้วทั้งคน
คนแบบนี้ คงไม่มีทางเอาตัวรอดได้ ถ้าไม่มีสมบัติของบิดา ทางเดียวที่จะช่วยเขาได้คือ ต้องยอมแต่งงานด้วย เพื่อให้เขามีสิทธิ์ในทรัพย์สินทั้งหมด แต่ถ้าเธอใจอ่อนยอมช่วยเขาในวันนี้ ชีวิตของเธอในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร หญิงสาวนิ่งคิดทบทวนอย่างลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนให้คำตอบกับทุกคน
“แพรตัดสินใจแล้วค่ะ...”
ตรัยคุณลุ้นคำตอบด้วยใจระทึก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องเอาอนาคตของตัวเองมาแขวนไว้กับผู้หญิงคนนี้
“แพรไม่แต่งค่ะ”
“ยัยเด็กบ้า!” ตรัยคุณโกรธมาก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขาแบบนี้มาก่อน หรือแม้แต่แพรรัมภาเองก็ตาม ตั้งแต่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันมานานร่วมสิบห้าปี เธอไม่เคยขัดใจเขาแม้แต่ครั้งเดียว แล้วครั้งนี้ทำไมถึงกล้า
“เป็นอันว่าทั้งคุณแพรและคุณตรัยต่างก็หมดสิทธิในมรดกทั้งคู่นะครับ”
อำพลยอมรับการตัดสินใจของทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นกลาง แต่คนอย่างตรัยคุณไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ
“ผมขอเวลาสามวัน ผมจะทำให้ยัยเด็กแพรยอมพูดว่าจะแต่งงานกับผมให้ได้”
“ตกลงครับ” อำพลตอบรับแทบจะทันที เพราะแอบอยากให้ทั้งคู่แต่งงานกันอยู่แล้ว
หลังจากทนายความอาวุโสเก็บเอกสารทุกอย่างลงกระเป๋าและลากลับไปแล้ว ตรัยคุณก็หันมาจ้องหน้าแพรรัมภาด้วยความคับแค้นใจที่ถูกปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า
“ฉันจะทำให้เธอยอมแต่งงานกับฉันให้ได้ ยัยเด็กดื้อ!”
หญิงสาวรีบก้มหน้าหลบสายตาชายหนุ่มเจ้าอารมณ์แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถงไปทันที ในใจได้แต่คิดว่าจะหาทางเอาตัวรอดจากตรัยคุณอย่างไรดี และยิ่งเขาประกาศกร้าวว่าจะเอาชนะอย่างนี้ เขาต้องตามราวีเธอไม่เลิกแน่