ตอนที่ 2 ปณภัทร…พี่ชายที่แสนดีของชิชา

2168 Words
จากเด็กหญิงชิชาวัยสามขวบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาววัยทำงานที่เหมือนชีวิตจะไม่เป็นหญิงที่รักตามความหมายของชื่อ “ฮึกฮือ” เสียงสะอื้นเล็กๆ ดังออกมาจากต่อเนื่อง “ร้องไห้อีกแล้ว ยัยเด็กขี้แย” ปณภัทรเอามือมาลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู “ก็มันเจ็บนี่ค่ะ โดนแฟนบอกเลิก…ใครจะไม่ร้องไห้กันบ้างคะ” ‘ชิชา พี่ไม่รักชิชาแล้ว เลิกตอแยสักที’ ประโยคบอกเลิกสุดคลาสสิกยังคงฝั่งอยู่ในโสตประสาท แฟนหนุ่มที่คบกันมาเกือบจะสี่ปีนอกใจและตัดสายสัมพันธ์อย่างไร้เยื่อใยตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันกี่เดือนเธอก็ยังทำใจไม่ได้สักที เมื่อนึกถึงทีไรก็เสียน้ำตาตลอด หญิงสาวนั่งร้องไห้สะอื้นเบาๆ พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง “ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวบนโลก เชื่อพี่สิเดี๋ยวก็มีคนอื่นเข้ามาให้ชิชาเลือกอีกมากมาย” ชายหนุ่มเรียวตาชั้นเดียวผิวขาวอย่างคนมีเชื้อสายญวนหันมาปลอบโยนด้วยน้ำเสียงละมุนจนคนฟังอดที่จะยิ้มไม่ได้ “คิดถึงเขาทีไรก็เสียใจตลอดเลยค่ะ” หญิงสาวปาดน้ำตาก่อนจะหันมามองหน้าคนปลอบ “ชิชาเพิ่งจะอายุยี่สิบสี่ไม่ใช่สี่สิบสักหน่อย” ‘ปณภัทร’ หรือ ‘บอม’ ยังคงอ่อนโยนกับเธอเสมอ มือหนายื่นมาลูบผมด้วยความเคยชิน แม้ชิชาจะเป็นแค่รุ่นน้องที่ทำงานแต่ทั้งสองก็สนิทกันอย่างง่ายดาย อาจจะเพราะด้วยอายุที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันห่างกันเพียงแค่สองปีเท่านั้น บ้านของปณภัทรเปิดร้านขายกวยจั๊บญวนอยู่หน้าหมู่บ้านของ ชิชาหลายครั้งที่ทั้งสองออกไปหาลูกค้าด้วยกัน ปณภัทรจะอาสาขับรถมาส่งเธอที่บ้านเสมอ…อย่างเช่นวันนี้ “ขอบคุณนะคะ พี่บอมเก่งจังช่วยชิชาปิดโปรเจ็คได้อีกแล้ว” หญิงสาวอยากจะเอ่ยขอบคุณรุ่นพี่ที่ทำงานอีกสักร้อยรอบพันรอบที่เขาช่วยเธอทำงานได้สำเร็จ ทั้งสองทำงานอยู่ในบริษัทรับเหมาก่อสร้างอันดับต้นของประเทศ ปณภัทรเป็นวิศวกรขายมือหนึ่งของบริษัท ส่วนชิชานั้นฝีมือการปิดโปรเจ็คยังถือว่ายังห่างไกลจากชายหนุ่มตรงหน้าอยู่มากเลยทีเดียว “ชิว พี่ไปก่อนนะ…เช็ดขี้มูกด้วย” “พี่บอมบ้า” ชายหนุ่มโบกมือให้หญิงสาวที่ก้าวลงจากรถ เธอยืนอยู่หน้าบ้านด้วยแววตาหมองหม่น มองจนรถคันสีดำแล่นออกไปจนลับตา บ้านที่เธออยู่มายี่สิบกว่าปีบัดนี้ไม่ใช่บ้านที่อบอุ่นอีกต่อไปแล้ว จากครอบครัวที่เคยอบอุ่นก็เลือนหายไปตามกาลเวลา ชิชาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันพ่อแม่ลูกเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ “วันๆ คุณก็เอาแต่ทำงาน ทำงาน จนไม่มีเวลาให้ฉันกับลูกเลย คุณมีคนอื่นใช่ไหมคะ” เสียงคุณแม่ของเธอดังมาจากในตัวบ้านทันทีที่ชิชาเปิดประตูเข้ามา…บ้านที่เคยอบอุ่น “อะไรของคุณ ผมต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงคุณกับลูกไง” คุณพ่อเถียงกลับอย่างทันควัน และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งในเหตุการณ์ที่ชิชาต้องเจอแทบทุกวันจนอดที่จะคิดไม่ได้ว่าทำไมพวกท่านทั้งสองถึงไม่ยอมเลิกกัน ทำไมถึงต้องทนอยู่ทั้งที่หมดรักกันแล้ว “เลิกกันไหมคะ” ชิชายืนมองบุพการีทั้งสองด้วยแววตาเศร้าหมอง เธออยากให้ทั้งพ่อและแม่ต่างก็มีแต่ความสุขด้วยกันทั้งคู่ “ชิชา แม่ต้องรักษาครอบครัวของเราเอาไว้…เพื่อลูกไง” หญิงสาววัยกลางคนที่เคยเป็นผู้หญิงที่สดใสมากกว่านี้ในความทรงจำของคนเป็นลูกสาวเดินเข้ามาจับมือของชิชาเอาไว้และพยายามอธิบายถึงเหตุผลเหมือนเช่นทุกครั้งด้วยแววตาที่เศร้าสลด “แต่หนูโตแล้ว โตพอที่จะเข้าใจเรื่องแบบนี้แล้วนะคะ” ประโยคเดิมๆ ที่ชิชาเอ่ยมาตลอดหลายปี “เพราะชิชาไง ถ้าในวันนั้นลูกเลือกที่จะเรียนหมอมากกว่าวิศวะ พ่อก็คงไม่ต้องมาลำบากทำงานอยู่แบบนี้” ผู้เป็นพ่อจ้องลูกสาวตาเขม็ง ลูกสาวที่เขาหวังให้เป็นแพทย์หญิงเพื่อที่จะได้เชิดหน้าชูตาของครอบครัว “แต่หนูไม่ได้อยากเป็นหมอนี่ค่ะ” “แล้ววิศวะที่ลูกเรียนจบมา สุดท้ายผู้หญิงก็แทบจะไม่มีที่ยืนจนต้องออกมาเตร็ดเตร่หางาน มาเป็นเซลล์ขายของอย่างนี้ไง” ก็จริงอย่างที่คุณพ่อว่า…ช่วงที่ชิชาเรียนจบมาใหม่ๆ เธอต้องคอยหาสมัครงานตำแหน่งวิศวกรอยู่หลายที่ แต่งานวิศวกรส่วนใหญ่ก็อยู่ต่างจังหวัดแทบทั้งหมด ซึ่งกว่าชิชาจะได้งานที่ทำอยู่ในตอนนี้เธอก็กลายเป็นคนว่างงานอยู่เกือบปีและที่สำคัญเธอก็ไม่ได้อยากทิ้งผู้เป็นแม่ไป อย่างน้อยการมีเธออยู่ด้วยคุณแม่ก็จะพอสดใสขึ้นมาบ้างเพราะทุกวันนี้แทบจะมองหน้าคุณพ่อไม่ติด พอมีเรื่องเงินเข้ามาก็มีปัญหาทุกครอบครัว หลังจากแต่งงานคุณพ่อก็ให้คุณแม่ของเธอลาออกจากงานประจำมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ส่วนอาชีพนักบัญชีที่เคยรุ่งของคุณพ่อก็เริ่มเบาบางลงมีเพียงบริษัทประจำที่เคยใช้บริการเหลือเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้น “หนูไม่ใช่แค่เซลล์นะคะ แต่หนูคือวิศวกรขายค่ะและตำแหน่งของหนูก็ต้องใช้ความรู้ทางวิศวกรรมเหมือนกันค่ะ” “เพราะชิชาหัวรั้นอย่างนี้ไงถึงต้องเหนื่อยตะลอนขับรถไปมาต่างจังหวัด แทนที่จะเดินตรวจคนไข้สบายๆ ในโรงพยาบาล” แม้เธอต้องขับรถไปต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง แต่ชิชากลับไม่ได้รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยนั่นคือความสุขของเธอเสียมากกว่า งานที่ไม่ต้องจำเจและอาจจะดีกว่าการที่ต้องทนเห็นผู้เป็นบุพการีทั้งสองทะเลาะกันทุกวันแบบนี้ ซึ่งในทุกครั้งที่ชิชาปิดโปรเจ็คได้ เธอจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก สำหรับชิชาแล้วงานของเธอคือช้างเท้าหน้าที่ทำให้ธุรกิจเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างสวยงาม “เอาเถอะคุณอย่างน้อยลูกก็มีงานทำ สมัยนี้คนเก่งๆ ตกงานก็เยอะไปค่ะ” “เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ลูกถึงเป็นได้แค่เซลล์ขายของ” คุณพ่อหันมาตวาดภรรยาเสียงดังสนั่น จนคุณแม่หน้าเสีย “เมื่อไหร่คุณพ่อจะเข้าใจงานของชิชาสักทีคะว่าชิชาไม่ใช่แค่เซลล์ขายของค่ะ” “เฮอะ จะให้พ่อเข้าใจอย่างนั้นเหรอ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พ่อจะไม่มีวันยอมให้ชิชาเรียนวิศวะเป็นแน่” “คุณพ่อคะ…” ชิชาร้องเสียงหลงเมื่อผู้เป็นพ่อชี้หน้า แม้คุณพ่อจะไม่พอใจอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดแบบนี้กับเธอเลยสักครั้ง “คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ” คุณแม่พยายามปลอบประโลมผู้เป็นสามี เมื่อเห็นหยาดน้ำตาของลูกสาวไหลเปรอะแก้มทั้งสองข้าง “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ หนูก็อยากจะเป็นแค่เด็กอายุสามขวบเพราะอะไรรู้ไหมคะ…เพราะครอบครัวของเราเคยอบอุ่นกว่านี้ค่ะ” หญิงสาวยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาก่อนจะมองสบตาบุพการีด้วยแววตาที่แสดงถึงความทุกข์ใจไม่แพ้กัน เวลาที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันใช่ว่าคนเป็นลูกจะไม่รู้สึกอะไร…ชิชาเองก็เจ็บปวดเหมือนกัน หญิงสาวตัดสินใจเดินออกจากบ้านเพื่อหาที่พักใจ สมองของเธอว่างเปล่า แฟนหนุ่มที่คบกันมาสี่ปีก็นอกใจ งานที่ทำอยู่ก็ไม่ได้สร้างความภาคภูมิให้ผู้เป็นพ่อ กลับบ้านมาก็เจอบุพการีทะเลาะกัน หนักๆ เข้าก็ลามมาถึงเธอด้วย ครอบครัวในวัยเด็กที่เคยอบอุ่นถูกกลืนกินไปด้วยความหมองหม่นตั้งแต่ตอนไหนกันนะ… จุดมุ่งหมายของชิชาในตอนนี้คือร้านน้ำเต้าหู้ริมข้างทางที่ชอบมานั่งทานตั้งแต่เด็ก คงจะเป็นสถานที่เดียวที่ทำให้เธอพักใจได้จริงๆ “อ้าวชิชานั่งก่อนสิ วันนี้เหมือนเดิมไหม” ป้าเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้เอ่ยถามเหมือนทุกครั้ง ลูกค้าประจำเมนูเดิมที่จำได้ขึ้นใจ “เหมือนเดิมค่ะ” หญิงสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เนือยกว่าปกติ สองเดือนที่ผ่านมาเธอเจอแต่ปัญหาหนักๆ ทั้งนั้น แต่ชิชาก็พยายามเข้มแข็งและจัดการทุกอย่างให้มันผ่านไปด้วยดี แม้หัวใจจะบอบช้ำมากก็ตาม “ของผมก็เหมือนเดิมด้วยครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยจากชายหนุ่มคนตรงหน้า เขานั่งลงตรงข้ามกับชิชามีเพียงโต๊ะเหล็กสีแดงกั้นเหมือนตลอดสองปีที่ผ่านมา “พี่บอมตามชิชาออกมาเหรอคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วมองรุ่นพี่ที่ทำงานที่เพิ่งเจอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน “เปล่า พี่อยากกินน้ำเต้าหู้พอดี” ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากให้หญิงสาวเจ้าของดวงตากลมโตที่ทอประกายความเศร้า ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสยายของเธอปลิวไหวไปตามแรงลมจากรถที่วิ่งผ่านไปมาบนท้องถนน ซึ่งเขาเองก็รับรู้ถึงปัญหาของ ชิชามาโดยตลอด “ขอบคุณนะคะทั้งเรื่องงานและที่พี่บอมนั่งอยู่ตรงนี้” “วันนี้ชิชาขอบคุณพี่จะร้อยรอบแล้วมั้ง เรื่องแค่นี้เองสบายมาก ชิว” หญิงสาวยิ้มให้กับคำตอบของคนตรงหน้า…นอกจากจะเป็นเพื่อนร่วมงานแล้วยังเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตด้วย “มาแล้ว” ป้าเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้เสิร์ฟน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ให้สองหนุ่มสาวของ ชิชาใส่ฟองเต้าหู้ เม็ดบัวและลูกเดือย ส่วนของปณภัทรใส่ทุกอย่างโดยเฉพาะเม็ดแมงลักของโปรด “ทำไมไม่ยอมกินเม็ดแมงลักฮะ…พี่…” “พี่บอกแล้วใช่ไหมว่ามันช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ เรานะชอบบ่นว่าท้องผูกแต่ก็ไม่ยอมกิน” หญิงสาวกั้นยิ้มไม่รอให้ชายหนุ่มรุ่นพี่ได้ทันพูดจบประโยคก็เอ่ยแทรกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดออกมาเสียก่อน ประโยคที่เธอฟังจนขึ้นใจทุกครั้งเวลาที่มานั่งทานน้ำเต้าหู้ด้วยกัน ปณภัทรหรือพี่บอมของเธอก็จะเอ่ยแบบนี้ทุกครั้ง “อย่างน้อยพี่ก็ทำใจชิชายิ้มได้…ไหนลองบอกพี่สิว่าใครทำให้ชิชาหน้าบูดกัน” “ก็เรื่องเดิมๆ นั่นแหละค่ะ เฮ้อ” หญิงสาวไม่รู้จะเอ่ยถึงเรื่องไหนก่อนดี เรื่องครอบครัวของเธอ เรื่องที่เธอไม่ยอมเรียนแพทย์หรือเรื่องของคนรักที่ยังลืมเขาไม่ได้ ทุกเรื่องก็ล้วนแต่เคยเล่าให้ปณภัทรฟังไปหมดแล้ว และทุกเรื่องชิชาก็ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้อีก…นอกเสียจากเธอจะมีเวทมนตร์ “พรุ่งนี้พี่มีไปประมูลโปรเจ็คใหม่ที่จันทบุรี ชิชาอยากไปกับพี่ไหม” ปณภัทรเสนอวิธีที่ทำให้ชิชาอาจจะอารมณ์ดีขึ้น “ได้เหรอคะ” และมันก็ได้ผล…แววตาของชิชาเป็นประกายเมื่อนึกถึงทะเลที่จันทบุรี เธอเคยได้ยิน มาว่าปณภัทรถูกส่งตัวไปประมูลโปรเจ็คก่อสร้างโรงแรมริมทะเล ซึ่งเป็นโปรเจ็คยักษ์ใหญ่ที่จะสร้างชื่อเสียงและกำไรให้บริษัทที่ประมูลงานได้อย่างมหาศาล “เดี๋ยวพี่ขอพี่อุ้มให้ สบายมาก” พี่อุ้มที่ปณภัทรเอ่ยถึงคือสาววันสามสิบต้นๆ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมขายทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็วเนื่องด้วยความสามารถและมีลูกทีมที่ดีอย่างปณภัทรและชิชาคอยสนับสนุน จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารของบริษัท “ขอบคุณค่ะ น่าตื่นเต้นจัง” อย่างน้อยนอกจากชิชาจะได้ซึมซับเทคนิคการประมูลโปรเจ็คจากปณภัทรแล้วยังถือเป็นการพักผ่อนไปในตัวด้วย แค่สามวันก็ยังดี ฝีมือการประมูลโปรเจ็คของปณภัทรนอกจากจะเป็นที่เลื่องชื่อในวงการรับเหมาก่อสร้างแล้ว เรื่องการเสนองานขายก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน จะว่าไปแล้วทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการเจรจากับลูกค้าถ้าส่งปณภัทรไป ชายหนุ่มไม่เคยต้องทำให้ผิดหวังเลยสักครั้ง “กินๆ” ปณถัทรยกแก้วน้ำเต้าหู้ขึ้นมาเป่าเบาๆ ก่อนจะยกดื่มที่เดียวจนหมดแก้ว ชิชาจึงทำตาม…พี่บอมของเธอเป็นผู้ชายที่น่ารักและทำให้อารมณ์ได้ดีเสมอ ถ้าใครได้ไปเป็นแฟนหรือคนรักคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีมาก …และใช่ ปณภัทรคือผู้ชายที่มีแฟนแล้ว ซึ่งชิชาเองก็รู้รับเรื่องนี้มาโดยตลอด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD