จากเด็กหญิงชิชาวัยสามขวบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาววัยทำงานที่เหมือนชีวิตจะไม่เป็นหญิงที่รักตามความหมายของชื่อ
“ฮึกฮือ”
เสียงสะอื้นเล็กๆ ดังออกมาจากต่อเนื่อง
“ร้องไห้อีกแล้ว ยัยเด็กขี้แย”
ปณภัทรเอามือมาลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู
“ก็มันเจ็บนี่ค่ะ โดนแฟนบอกเลิก…ใครจะไม่ร้องไห้กันบ้างคะ”
‘ชิชา พี่ไม่รักชิชาแล้ว เลิกตอแยสักที’
ประโยคบอกเลิกสุดคลาสสิกยังคงฝั่งอยู่ในโสตประสาท แฟนหนุ่มที่คบกันมาเกือบจะสี่ปีนอกใจและตัดสายสัมพันธ์อย่างไร้เยื่อใยตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันกี่เดือนเธอก็ยังทำใจไม่ได้สักที เมื่อนึกถึงทีไรก็เสียน้ำตาตลอด
หญิงสาวนั่งร้องไห้สะอื้นเบาๆ พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง
“ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวบนโลก เชื่อพี่สิเดี๋ยวก็มีคนอื่นเข้ามาให้ชิชาเลือกอีกมากมาย”
ชายหนุ่มเรียวตาชั้นเดียวผิวขาวอย่างคนมีเชื้อสายญวนหันมาปลอบโยนด้วยน้ำเสียงละมุนจนคนฟังอดที่จะยิ้มไม่ได้
“คิดถึงเขาทีไรก็เสียใจตลอดเลยค่ะ”
หญิงสาวปาดน้ำตาก่อนจะหันมามองหน้าคนปลอบ
“ชิชาเพิ่งจะอายุยี่สิบสี่ไม่ใช่สี่สิบสักหน่อย”
‘ปณภัทร’ หรือ ‘บอม’ ยังคงอ่อนโยนกับเธอเสมอ มือหนายื่นมาลูบผมด้วยความเคยชิน แม้ชิชาจะเป็นแค่รุ่นน้องที่ทำงานแต่ทั้งสองก็สนิทกันอย่างง่ายดาย อาจจะเพราะด้วยอายุที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันห่างกันเพียงแค่สองปีเท่านั้น
บ้านของปณภัทรเปิดร้านขายกวยจั๊บญวนอยู่หน้าหมู่บ้านของ ชิชาหลายครั้งที่ทั้งสองออกไปหาลูกค้าด้วยกัน ปณภัทรจะอาสาขับรถมาส่งเธอที่บ้านเสมอ…อย่างเช่นวันนี้
“ขอบคุณนะคะ พี่บอมเก่งจังช่วยชิชาปิดโปรเจ็คได้อีกแล้ว”
หญิงสาวอยากจะเอ่ยขอบคุณรุ่นพี่ที่ทำงานอีกสักร้อยรอบพันรอบที่เขาช่วยเธอทำงานได้สำเร็จ ทั้งสองทำงานอยู่ในบริษัทรับเหมาก่อสร้างอันดับต้นของประเทศ ปณภัทรเป็นวิศวกรขายมือหนึ่งของบริษัท ส่วนชิชานั้นฝีมือการปิดโปรเจ็คยังถือว่ายังห่างไกลจากชายหนุ่มตรงหน้าอยู่มากเลยทีเดียว
“ชิว พี่ไปก่อนนะ…เช็ดขี้มูกด้วย”
“พี่บอมบ้า”
ชายหนุ่มโบกมือให้หญิงสาวที่ก้าวลงจากรถ เธอยืนอยู่หน้าบ้านด้วยแววตาหมองหม่น มองจนรถคันสีดำแล่นออกไปจนลับตา
บ้านที่เธออยู่มายี่สิบกว่าปีบัดนี้ไม่ใช่บ้านที่อบอุ่นอีกต่อไปแล้ว จากครอบครัวที่เคยอบอุ่นก็เลือนหายไปตามกาลเวลา ชิชาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันพ่อแม่ลูกเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
“วันๆ คุณก็เอาแต่ทำงาน ทำงาน จนไม่มีเวลาให้ฉันกับลูกเลย คุณมีคนอื่นใช่ไหมคะ”
เสียงคุณแม่ของเธอดังมาจากในตัวบ้านทันทีที่ชิชาเปิดประตูเข้ามา…บ้านที่เคยอบอุ่น
“อะไรของคุณ ผมต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงคุณกับลูกไง”
คุณพ่อเถียงกลับอย่างทันควัน และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งในเหตุการณ์ที่ชิชาต้องเจอแทบทุกวันจนอดที่จะคิดไม่ได้ว่าทำไมพวกท่านทั้งสองถึงไม่ยอมเลิกกัน ทำไมถึงต้องทนอยู่ทั้งที่หมดรักกันแล้ว
“เลิกกันไหมคะ”
ชิชายืนมองบุพการีทั้งสองด้วยแววตาเศร้าหมอง เธออยากให้ทั้งพ่อและแม่ต่างก็มีแต่ความสุขด้วยกันทั้งคู่
“ชิชา แม่ต้องรักษาครอบครัวของเราเอาไว้…เพื่อลูกไง”
หญิงสาววัยกลางคนที่เคยเป็นผู้หญิงที่สดใสมากกว่านี้ในความทรงจำของคนเป็นลูกสาวเดินเข้ามาจับมือของชิชาเอาไว้และพยายามอธิบายถึงเหตุผลเหมือนเช่นทุกครั้งด้วยแววตาที่เศร้าสลด
“แต่หนูโตแล้ว โตพอที่จะเข้าใจเรื่องแบบนี้แล้วนะคะ”
ประโยคเดิมๆ ที่ชิชาเอ่ยมาตลอดหลายปี
“เพราะชิชาไง ถ้าในวันนั้นลูกเลือกที่จะเรียนหมอมากกว่าวิศวะ พ่อก็คงไม่ต้องมาลำบากทำงานอยู่แบบนี้”
ผู้เป็นพ่อจ้องลูกสาวตาเขม็ง ลูกสาวที่เขาหวังให้เป็นแพทย์หญิงเพื่อที่จะได้เชิดหน้าชูตาของครอบครัว
“แต่หนูไม่ได้อยากเป็นหมอนี่ค่ะ”
“แล้ววิศวะที่ลูกเรียนจบมา สุดท้ายผู้หญิงก็แทบจะไม่มีที่ยืนจนต้องออกมาเตร็ดเตร่หางาน มาเป็นเซลล์ขายของอย่างนี้ไง”
ก็จริงอย่างที่คุณพ่อว่า…ช่วงที่ชิชาเรียนจบมาใหม่ๆ เธอต้องคอยหาสมัครงานตำแหน่งวิศวกรอยู่หลายที่ แต่งานวิศวกรส่วนใหญ่ก็อยู่ต่างจังหวัดแทบทั้งหมด ซึ่งกว่าชิชาจะได้งานที่ทำอยู่ในตอนนี้เธอก็กลายเป็นคนว่างงานอยู่เกือบปีและที่สำคัญเธอก็ไม่ได้อยากทิ้งผู้เป็นแม่ไป อย่างน้อยการมีเธออยู่ด้วยคุณแม่ก็จะพอสดใสขึ้นมาบ้างเพราะทุกวันนี้แทบจะมองหน้าคุณพ่อไม่ติด พอมีเรื่องเงินเข้ามาก็มีปัญหาทุกครอบครัว
หลังจากแต่งงานคุณพ่อก็ให้คุณแม่ของเธอลาออกจากงานประจำมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ส่วนอาชีพนักบัญชีที่เคยรุ่งของคุณพ่อก็เริ่มเบาบางลงมีเพียงบริษัทประจำที่เคยใช้บริการเหลือเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้น
“หนูไม่ใช่แค่เซลล์นะคะ แต่หนูคือวิศวกรขายค่ะและตำแหน่งของหนูก็ต้องใช้ความรู้ทางวิศวกรรมเหมือนกันค่ะ”
“เพราะชิชาหัวรั้นอย่างนี้ไงถึงต้องเหนื่อยตะลอนขับรถไปมาต่างจังหวัด แทนที่จะเดินตรวจคนไข้สบายๆ ในโรงพยาบาล”
แม้เธอต้องขับรถไปต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง แต่ชิชากลับไม่ได้รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยนั่นคือความสุขของเธอเสียมากกว่า งานที่ไม่ต้องจำเจและอาจจะดีกว่าการที่ต้องทนเห็นผู้เป็นบุพการีทั้งสองทะเลาะกันทุกวันแบบนี้
ซึ่งในทุกครั้งที่ชิชาปิดโปรเจ็คได้ เธอจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก สำหรับชิชาแล้วงานของเธอคือช้างเท้าหน้าที่ทำให้ธุรกิจเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างสวยงาม
“เอาเถอะคุณอย่างน้อยลูกก็มีงานทำ สมัยนี้คนเก่งๆ ตกงานก็เยอะไปค่ะ”
“เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ลูกถึงเป็นได้แค่เซลล์ขายของ”
คุณพ่อหันมาตวาดภรรยาเสียงดังสนั่น จนคุณแม่หน้าเสีย
“เมื่อไหร่คุณพ่อจะเข้าใจงานของชิชาสักทีคะว่าชิชาไม่ใช่แค่เซลล์ขายของค่ะ”
“เฮอะ จะให้พ่อเข้าใจอย่างนั้นเหรอ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พ่อจะไม่มีวันยอมให้ชิชาเรียนวิศวะเป็นแน่”
“คุณพ่อคะ…”
ชิชาร้องเสียงหลงเมื่อผู้เป็นพ่อชี้หน้า แม้คุณพ่อจะไม่พอใจอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดแบบนี้กับเธอเลยสักครั้ง
“คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ”
คุณแม่พยายามปลอบประโลมผู้เป็นสามี เมื่อเห็นหยาดน้ำตาของลูกสาวไหลเปรอะแก้มทั้งสองข้าง
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ หนูก็อยากจะเป็นแค่เด็กอายุสามขวบเพราะอะไรรู้ไหมคะ…เพราะครอบครัวของเราเคยอบอุ่นกว่านี้ค่ะ”
หญิงสาวยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาก่อนจะมองสบตาบุพการีด้วยแววตาที่แสดงถึงความทุกข์ใจไม่แพ้กัน เวลาที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันใช่ว่าคนเป็นลูกจะไม่รู้สึกอะไร…ชิชาเองก็เจ็บปวดเหมือนกัน
หญิงสาวตัดสินใจเดินออกจากบ้านเพื่อหาที่พักใจ สมองของเธอว่างเปล่า แฟนหนุ่มที่คบกันมาสี่ปีก็นอกใจ งานที่ทำอยู่ก็ไม่ได้สร้างความภาคภูมิให้ผู้เป็นพ่อ กลับบ้านมาก็เจอบุพการีทะเลาะกัน หนักๆ เข้าก็ลามมาถึงเธอด้วย ครอบครัวในวัยเด็กที่เคยอบอุ่นถูกกลืนกินไปด้วยความหมองหม่นตั้งแต่ตอนไหนกันนะ…
จุดมุ่งหมายของชิชาในตอนนี้คือร้านน้ำเต้าหู้ริมข้างทางที่ชอบมานั่งทานตั้งแต่เด็ก คงจะเป็นสถานที่เดียวที่ทำให้เธอพักใจได้จริงๆ
“อ้าวชิชานั่งก่อนสิ วันนี้เหมือนเดิมไหม”
ป้าเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้เอ่ยถามเหมือนทุกครั้ง ลูกค้าประจำเมนูเดิมที่จำได้ขึ้นใจ
“เหมือนเดิมค่ะ”
หญิงสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เนือยกว่าปกติ สองเดือนที่ผ่านมาเธอเจอแต่ปัญหาหนักๆ ทั้งนั้น แต่ชิชาก็พยายามเข้มแข็งและจัดการทุกอย่างให้มันผ่านไปด้วยดี แม้หัวใจจะบอบช้ำมากก็ตาม
“ของผมก็เหมือนเดิมด้วยครับ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยจากชายหนุ่มคนตรงหน้า เขานั่งลงตรงข้ามกับชิชามีเพียงโต๊ะเหล็กสีแดงกั้นเหมือนตลอดสองปีที่ผ่านมา
“พี่บอมตามชิชาออกมาเหรอคะ”
หญิงสาวเลิกคิ้วมองรุ่นพี่ที่ทำงานที่เพิ่งเจอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
“เปล่า พี่อยากกินน้ำเต้าหู้พอดี”
ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากให้หญิงสาวเจ้าของดวงตากลมโตที่ทอประกายความเศร้า ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสยายของเธอปลิวไหวไปตามแรงลมจากรถที่วิ่งผ่านไปมาบนท้องถนน ซึ่งเขาเองก็รับรู้ถึงปัญหาของ ชิชามาโดยตลอด
“ขอบคุณนะคะทั้งเรื่องงานและที่พี่บอมนั่งอยู่ตรงนี้”
“วันนี้ชิชาขอบคุณพี่จะร้อยรอบแล้วมั้ง เรื่องแค่นี้เองสบายมาก ชิว”
หญิงสาวยิ้มให้กับคำตอบของคนตรงหน้า…นอกจากจะเป็นเพื่อนร่วมงานแล้วยังเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตด้วย
“มาแล้ว”
ป้าเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้เสิร์ฟน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ให้สองหนุ่มสาวของ ชิชาใส่ฟองเต้าหู้ เม็ดบัวและลูกเดือย ส่วนของปณภัทรใส่ทุกอย่างโดยเฉพาะเม็ดแมงลักของโปรด
“ทำไมไม่ยอมกินเม็ดแมงลักฮะ…พี่…”
“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่ามันช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ เรานะชอบบ่นว่าท้องผูกแต่ก็ไม่ยอมกิน”
หญิงสาวกั้นยิ้มไม่รอให้ชายหนุ่มรุ่นพี่ได้ทันพูดจบประโยคก็เอ่ยแทรกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดออกมาเสียก่อน ประโยคที่เธอฟังจนขึ้นใจทุกครั้งเวลาที่มานั่งทานน้ำเต้าหู้ด้วยกัน ปณภัทรหรือพี่บอมของเธอก็จะเอ่ยแบบนี้ทุกครั้ง
“อย่างน้อยพี่ก็ทำใจชิชายิ้มได้…ไหนลองบอกพี่สิว่าใครทำให้ชิชาหน้าบูดกัน”
“ก็เรื่องเดิมๆ นั่นแหละค่ะ เฮ้อ”
หญิงสาวไม่รู้จะเอ่ยถึงเรื่องไหนก่อนดี เรื่องครอบครัวของเธอ เรื่องที่เธอไม่ยอมเรียนแพทย์หรือเรื่องของคนรักที่ยังลืมเขาไม่ได้ ทุกเรื่องก็ล้วนแต่เคยเล่าให้ปณภัทรฟังไปหมดแล้ว และทุกเรื่องชิชาก็ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้อีก…นอกเสียจากเธอจะมีเวทมนตร์
“พรุ่งนี้พี่มีไปประมูลโปรเจ็คใหม่ที่จันทบุรี ชิชาอยากไปกับพี่ไหม”
ปณภัทรเสนอวิธีที่ทำให้ชิชาอาจจะอารมณ์ดีขึ้น
“ได้เหรอคะ”
และมันก็ได้ผล…แววตาของชิชาเป็นประกายเมื่อนึกถึงทะเลที่จันทบุรี เธอเคยได้ยิน มาว่าปณภัทรถูกส่งตัวไปประมูลโปรเจ็คก่อสร้างโรงแรมริมทะเล ซึ่งเป็นโปรเจ็คยักษ์ใหญ่ที่จะสร้างชื่อเสียงและกำไรให้บริษัทที่ประมูลงานได้อย่างมหาศาล
“เดี๋ยวพี่ขอพี่อุ้มให้ สบายมาก”
พี่อุ้มที่ปณภัทรเอ่ยถึงคือสาววันสามสิบต้นๆ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมขายทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็วเนื่องด้วยความสามารถและมีลูกทีมที่ดีอย่างปณภัทรและชิชาคอยสนับสนุน จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารของบริษัท
“ขอบคุณค่ะ น่าตื่นเต้นจัง”
อย่างน้อยนอกจากชิชาจะได้ซึมซับเทคนิคการประมูลโปรเจ็คจากปณภัทรแล้วยังถือเป็นการพักผ่อนไปในตัวด้วย แค่สามวันก็ยังดี
ฝีมือการประมูลโปรเจ็คของปณภัทรนอกจากจะเป็นที่เลื่องชื่อในวงการรับเหมาก่อสร้างแล้ว เรื่องการเสนองานขายก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน จะว่าไปแล้วทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการเจรจากับลูกค้าถ้าส่งปณภัทรไป ชายหนุ่มไม่เคยต้องทำให้ผิดหวังเลยสักครั้ง
“กินๆ”
ปณถัทรยกแก้วน้ำเต้าหู้ขึ้นมาเป่าเบาๆ ก่อนจะยกดื่มที่เดียวจนหมดแก้ว ชิชาจึงทำตาม…พี่บอมของเธอเป็นผู้ชายที่น่ารักและทำให้อารมณ์ได้ดีเสมอ ถ้าใครได้ไปเป็นแฟนหรือคนรักคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีมาก
…และใช่ ปณภัทรคือผู้ชายที่มีแฟนแล้ว ซึ่งชิชาเองก็รู้รับเรื่องนี้มาโดยตลอด