02 คลุมถุงชน

796 Words
02 คลุมถุงชน “หนูไม่แต่งค่ะ!” “แต่ลูกต้องทำเพื่อครอบครัวนะ รู้ไหมตอนนี้โรงพยาบาลของเรากำลังเป็นหนี้” “แต่นั่นมันคืออนาคตของหนูเลยนะคะ เขาเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไงหนูก็ยังไม่รู้เลย” เจ้าของใบหน้าสวยหันมาตอบอย่างหัวเสียพร้อมกรอกตามองบน “เขาก็คือลูกชายของคุณเทียมศิริเพื่อนสนิทของแม่ไง” “ถึงขั้นต้องไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเลยหรอคะ มันไม่มีวิธีอื่นเลยหรอ” “ก็แม่อยากให้ลูกมีแฟนสักที ดูอย่างพี่ชายของเราสิ ไม่รู้ไปคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาได้ยังไง แม่กลุ้มใจมากนะแพม ถ้าลูกเป็นเหมือนตาพีทอีกคนแม่คงอกแตกตายแน่ๆ” เจ้าของใบหน้าสวยเงียบไป ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีแฟน จู่ๆจะให้ข้ามขั้นไปแต่งงานเลย คุณแม่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ อีกอย่างผู้ชายคนนั้นมีหน้าคร่าตายังไงก็ยังไม่รู้เลย ถ้าให้เดา คงตัวอ้วนๆ ผิวเข้มๆ หน้าโหดๆ แค่คิดก็สยองแล้ว! “แต่การแต่งงานที่ไม่ได้มาจากความรัก แม่คิดว่ามันจะมีความสุขหรอคะ" “ทำเพื่อครอบครัวไม่ได้หรอ ลูกก็รู้ว่าตอนนี้มีแค่คุณหญิงเทียมศิริเท่านั้นที่จะช่วยเราได้” “หนูขอปฏิเสธค่ะ” “แพม!” “หนูทำไม่ได้หรอกค่ะ จะให้หนูไปแต่งงานกับคนแปลกหน้าเนี่ยนะ เขาเป็นคนยังไงหนูก็ยังไม่รู้เลย เผื่อเขาเป็นโรคจิตล่ะคะ” “แม่เคยเจอเขาแล้ว ไม่มีทางเป็นโรคจิตแน่นอน” “แม่ไว้ใจเขาทั้งๆที่ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอหรอ” อยากจะบ้าตายจริงๆ คิดว่าการแต่งงานมันเป็นเรื่องเล่นๆหรือไง “ไม่รู้แหละ ถ้าแพมไม่ช่วยแม่...งั้นก็ไปอยู่กับตาพีทเลยไป๊ จะคิดซะว่าชาตินี้ฉันไม่เคยมีลูก!” พูดจบนางอมรรัตน์ก็เดินปึงปังออกไปเพราะโกรธที่ลูกสาวไม่ยอมรับข้อตกลง ‘ทิชากร’ ทิ้งตัวลงนั่ง สองมือรีบยกขึ้นกุมขมับ พอรู้มาบ้างว่าที่โรงพยาบาลกำลังประสบปัญหา แต่การที่จะให้เธอมาแต่งงานกับคนแปลกหน้ามันใช้ได้ที่ไหน รู้ดีว่าแม่อยากให้เธอมีแฟน แต่นี้มันข้ามขั้นจากแฟนไปเป็นสามีเลยนะ! ปากก็บอกปฏิเสธ แต่ลึกๆใจกลับเป็นกังวล หากครอบครัวล้มละลายคงมีหนี้สินติดตัวหลายพันล้าน พี่ชายของเธอคงไม่มีโอกาสไปเรียนแพทย์เฉพาะทางที่เยอรมัน เป็นปัญหาที่คิดไม่ตกเลยจริงๆ พอจะมีสักทางไหมที่เธอไม่ต้องแต่งงาน เพราะมันหมดยุคคลุมถุงชนไปนานแล้ว! . . . . @ไนท์คลับหรูย่านใจกลางเมือง ทิชากรแบกความเครียดทั้งหมดมาปลดปล่อยที่ผับหรูย่านใจกลางเมือง ออกมาดื่มคนเดียวเพราะไนท์คลับแห่งนี้มีบาร์สำหรับนั่งคนเดียว “รับอะไรดีครับ” เสียงของบาร์เทนเดอร์หนุ่มถามขึ้น “วอดก้าค่ะ” “วันนี้คุณดูเครียดๆนะครับ” เขาถามกลับพร้อมยกวอดก้ามาเสิร์ฟ บาร์เทนเดอร์นอกจากจะมีน่าที่ชงเครื่องดื่มแล้วยังต้องเอนเตอร์เทนลูกค้าด้วย “มีเรื่องหนักใจนิดหน่อยค่ะ” ทิชากรตอบกลับพร้อมกระดกเหล้าเข้าปาก “สวยๆแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องผู้ชายแน่นอน” “เรื่องผู้ชายค่ะ” “โอ้! นี้มีคนกล้าทิ้งคุณด้วยหรอครับ” “ฉันไม่ได้โดนทิ้งค่ะ แต่ฉันกำลังจะแต่งงาน” “เอ๋...? จะแต่งงานทั้งทีต้องทำหน้าให้มันสดใสนะครับ” “ฉันถูกบังคับค่ะ” มือเรียวยกแก้วเหล้าอีกครั้ง ปกติเป็นคนไม่ค่อยดื่มเหล้ายกเว้นเวลาออกงานสังคมหรือเวลาที่เพื่อนๆชวนออกมาดื่ม ส่วนไหนช่วงไหนเครียดๆก็มักจะออกมาคนเดียว แต่จะดื่มคอกเทลซะเป็นส่วนใหญ่เหตุเพราะเป็นคนคออ่อน ซึ่งวันนี้ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจให้สั่งวอดก้า “ผมว่ามันหมดยุคคลุมถุงชนแล้วนะครับ” “ฉันก็คิดว่างั้น” หญิงสาวเริ่มนั่งเหม่อลอย ไม่อยากถูกตัดหางปล่อยวัดเหมือนพี่ชาย ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ไม่รู้จะหาทางออกได้ยังไง “...ฝากแก้วหน่อยนะคะ เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำแปปหนึ่ง” “ครับผม” บาเทนเดอร์หนุ่มขานรับ ทิชากรหยิบมือถือยัดใส่กระเป๋าแล้วหมุนตัวลงจากเก้าอี้สตูที่มีความสูงพอสมควร ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสวมชุดสีดำเดินเข้ามานั่งพอดี ก่อนที่เสียงเข้มจะดังขึ้น “ขอวอดก้าสิบช็อต!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD