16 เจ็บ....แต่เก็บอาการ

1271 Words
16 เจ็บ...แต่เก็บอาการ “เดี๋ยวก่อนสิคุณ!” เสียงของทิชากรร้องเรียกชายหนุ่มที่เอาแต่เดินหนี เขาไม่แม้แต่จะหยุด หนำซ้ำยังเร่งฝีเท้าเพื่อหนีเธอ ทิชากรก็เลยรีบวิ่งไปดักหน้าทำให้เตวิชญ์มองค้อนด้วยความไม่พอใจ “คุณโกรธขนาดนั้นเลยหรอ” “ฉันบอกข้อตกลงแล้วไม่ใช่หรอว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร เธออยากให้คนอื่นรู้ขนาดนั้นเลยหรอว่าเราแต่งงานกัน!!” “เปล่านะ ฉันมีเหตุจำเป็นจริงๆ ที่ฉันพูดไปแบบนั้นเพราะฉันกลัวเพื่อนคุณ!” “ก็ให้มันแตะนิดแตะหน่อยจะเป็นไรไป คนอย่างไอ้มาร์ตินมันไม่เอาผู้หญิงหน้าตาขี้เหร่ๆ อย่างเธอหรอก!” “แตะนิดแตะหน่อยงั้นหรอ รู้ไหมว่าสิ่งที่คุณพูดมันเห็นแก่ตัวแค่ไหน คุณเป็นคนพาฉันมา อย่างน้อยก็น่าจะปกป้องกันบ้าง” ประโยคหลังเสียงอ่อนลง เธอรู้ตัวว่าไม่ควรเรียกร้องอะไรแบบนี้ แต่เธอเป็นฝ่ายเสียหายนะ ถ้าไม่วิ่งออกมาก่อนก็ไม่รู้จะโดนอะไร เพื่อนของเขาไว้ใจได้ขนาดนั้นเลยหรอ “ทำไมฉันต้องปกป้องเธอ” ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้ๆ ใช้สองมือเชยคางมนขึ้น บังคับให้ทิชากรสบตา หญิงสาวเม้มปากเข้าหากันยามจ้องตา จะรู้ไหมว่าเธอเองก็หวั่นไหวเหมือนกัน “ยะ...อย่างน้อยก็ปกป้องฉันในฐานะ....คนรู้จักก็ได้” “ฉันไม่ได้อยากรู้จักเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องบ้าๆ พวกนี้คิดว่าฉันจะอยากคุยกับเธอหรอ แค่หน้าก็ยังไม่อยากจะมองเลย!” ทิชากรหน้าชากับคำพูดแสนร้ายกาจ ถ้าไม่ใช่เพราะธุรกิจของครอบครัวมีปัญหา เธอเองก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเขาหรอก นี่ขนาดเพิ่งแต่งงานกันได้แค่วันเดียวยังเจอเรื่องอะไรแบบนี้ แล้วถ้าต้องทนอยู่ด้วยกันจนครบหนึ่งปีความรู้สึกของเธอคงป่นปี้แค่ไหน “ฉันถึงบอกไงว่าเราควรทำข้อตกลงเรื่องนี้ ถ้าคุณไม่ชอบขี้หน้าฉัน เราสองคนก็ควรจะมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง...คุณจะได้ไม่ต้องเจอหน้าฉันไง” “เธอคิดว่าจะหลบหน้าฉันได้จนถึงหนึ่งปีหรอ ดูละครมากเกินไปแล้วทิชากร แล้วเวลาญาติผู้ใหญ่มาเยี่ยมละ....หัดใช้สมองคิดบ้าง!” “ถ้างั้นจะให้ฉันทำยังไงคุณถึงจะพอใจ” “เลิกสร้างปัญหาให้ฉัน รู้ไหมไอ้มาร์ตินมันมีหุ้นส่วนเท่าไหร่!” เจ้าของใบหน้าเฉี่ยวเบือนหน้าไปทางอื่น ทั้งชีวิตไม่เคยตกเป็นรองอะไรขนาดนั้น ไม่เคยก้มหัวให้ใคร แต่ตอนนี้เหมือนไร้ศักดิ์ศรี ต้องยอมทุกอย่าง ทนให้เขาโขกสับเหมือนผักเหมือนปลา เป็นสนามอารมณ์ของผู้ชายไร้หัวใจคนนี้ เธอจะทนได้นานแค่ไหน... “ฉันรู้ว่าคุณแคร์เพื่อน” “ฉันไม่ได้แคร์ แต่ถ้าเทียบระหว่างเธอกับมัน....เธอไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันเลยทิชากร!” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจรีบเบือนหน้าหนีพร้อมยกมือเท้าเอวเหมือนไม่อยากมองหน้าทิชากรแม้แต่วินาทีเดียว หญิงสาวบีบมือเข้าหากันแน่น ต่อให้เขาจะเกลียดยังไงแต่เธอก็ต้องทน...แค่หนึ่งปีเอง ทำไมจะทนไม่ได้ “ถ้างั้นคุณกลับบ้านไปก่อนเลยนะคะ ตอนเที่ยงฉันมีนัดทานข้าวกับเพื่อน” “ก็ดี! ตอนเย็นฉันเองก็มีนัดกับเพื่อนเหมือนกัน เข้าบ้านคนละเวลาก็ดีเหมือนกัน” “...” หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับ เธอเงยหน้าขึ้นมองตาใสแจวแต่แอบตัดพ้ออยู่ลึกๆ “งั้นฉันไปล่ะ เธอนั่งแท็กซี่ไปก็แล้วกัน” พูดจบชายหนุ่มก็เปิดประตูรถแล้วยัดตัวเข้าไปข้างในด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะกระชากเกียร์ขับออกไปทิ้งทิชากรยืนอยู่หน้าร้านเพียงคนเดียว ซึ่งช่วงที่ทั้งสองยืนทะเลาะกัน มาร์ตินแอบตามมาและรับรู้ทุกเหตุการณ์ “คุณ!!” “นี่เธอกับมันแต่งงานกันจริงๆ หรอ” น้ำเสียงแอบผิดหวังเล็กน้อย เพราะมาร์ตินรู้สึกสนอกสนใจทิชากรตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านแล้ว แต่เขาเป็นคนเข้าหาผู้หญิงไม่เป็นเพราะส่วนมากมีแต่ผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้ามา ทิชากรไม่ได้สนใจอีกฝ่าย เธอเดินผ่านหน้าไปเพื่อจะไปเรียกแท็กซี่แต่ก็ถูกมาร์ตินคว้ามือเอาไว้ “ปล่อยนะ! ไม่งั้นฉันจะร้องเรียกให้คนมาช่วย!!” “เฮ้ ตอนที่อยู่ในร้านฉันแค่แกล้งเธอเล่นๆ” “แกล้งเล่นๆ งั้นหรอ รู้ไหมว่าคุณทำให้คนอื่นทะเลาะกัน!” “ไม่คิดว่าไอ้เตวิชญ์มันจะจริงจังขนาดนี้ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นมันในมุมนี้เหมือนกัน” ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาไม่เคยเห็นเตวิชญ์ด่าผู้หญิงขนาดนี้ และยิ่งเป็นผู้หญิงสวยๆ แบบนี้ เสืออย่างมันไม่น่าปล่อยไว้เพราะเตวิชญ์ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงที่สุดในกลุ่ม “ถ้าเห็นแล้วก็ปล่อยค่ะ ฉันจะไปหาเพื่อน!” “เดี๋ยวก่อนสิ ฉันยังไม่ได้ขอโทษเธอเลยนะ” “…” ทิชากรตวัดมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ ก่อนหน้านี้ยังทำเหมือนสะใจอยู่เลยที่เธอโดนเตวิชญ์ด่า “คุณจะมาไม้ไหนอีก!” “รอบนี้ฉันมาดี ก่อนหน้านี้ฉันแค่แกล้งเธอเฉยๆ” "จะมาดีหรือไม่ดีฉันก็ไม่สนใจ เพราะคุณทำให้ฉันกับคุณเตวิชญ์ทะเลาะกัน คุณเป็นฝ่ายลวนลามฉันก่อนนะ!" "เอาเป็นว่าเรื่องนั้นฉันขอโทษก็แล้วกัน ไม่คิดว่าเธอกับมันจะเป็น...สามีภรรยากัน" "เป็นอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ" ทิชากรเบือนหน้าหนี หลบซ่อนสายตาเจ็บปวดเพราะไม่อยากให้มาร์ตินรู้ ...ก็แค่ภรรยาที่สามีไม่ต้องการ "แปลกนะ ฉันเป็นเพื่อนกับมันมาหลายปี ไม่ยักจะรู้เลยว่าเธอกับมันเป็นแฟนกัน" "เราสองคนไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกค่ะ เราแต่งงานกันเพราะเรื่องธุรกิจ" "ถึงว่า....เพราะคนอย่างไอ้เตวิชญ์ไม่มีทางแต่งงานแน่นอน เพราะเท่าที่รู้มามันมีคนที่แอบชอบอยู่แล้ว และมันก็รอเธอคนนั้นมาตลอด" ทิชากรพยายามไม่สนใจ แต่ลึกๆ เธอก็ยังรู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้นอยู่ดี ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานหลายปี หัวใจของเตวิชญ์ก็ยังเป็นเหมือนเดิม...เหมือนกับหัวใจของเธอ แค่ปีเดียวเท่านั้นทิชากร...เธอต้องอดทนนะ! "เฮ้! ถ้าเธอมีเรื่องไม่สบายใจปรึกษาฉันได้นะ เพราะฉันกับมันเป็นเพื่อนกันมานาน รู้ไส้รู้พุงกันดี" "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาขนาดนั้นหรอก" ทิชากรรีบตัดบทก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมาดู ตอนนี้ใกล้เวลาที่นัดกับเพื่อนเอาไว้แล้ว "ฉันขอตัวนะคะ สายมากแล้วเดี๋ยวรถติด" "เดี๋ยวก่อนสิ!" "อะไรอีก ฉันรีบนะ!" "เดี๋ยวฉันไปส่ง" "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองน่าจะสะดวกกว่า เชิญคุณกลับเข้าไปข้างในเถอะค่ะ ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะ...แต่ฉันไม่ต้องการ" พูดจบหญิงสาวก็เดินเชิดสะบัดหน้าหนีทิ้งให้มาร์ตินยืนเกาหัวด้วยความมึนงง เขาหล่อขนาดนี้ยังไม่สนใจอีกหรอ ถ้าเทียบกับไอ้เตวิชญ์ความหล่อก็ไม่ได้เป็นสองรองใครเลย เธอคือผู้หญิงคนแรกที่กล้าปฏิเสธความหวังดีจากเขา "หรือผู้หญิงชอบคนเหี้ยๆ วะ!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD