16 เจ็บ...แต่เก็บอาการ
“เดี๋ยวก่อนสิคุณ!” เสียงของทิชากรร้องเรียกชายหนุ่มที่เอาแต่เดินหนี เขาไม่แม้แต่จะหยุด หนำซ้ำยังเร่งฝีเท้าเพื่อหนีเธอ ทิชากรก็เลยรีบวิ่งไปดักหน้าทำให้เตวิชญ์มองค้อนด้วยความไม่พอใจ “คุณโกรธขนาดนั้นเลยหรอ”
“ฉันบอกข้อตกลงแล้วไม่ใช่หรอว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร เธออยากให้คนอื่นรู้ขนาดนั้นเลยหรอว่าเราแต่งงานกัน!!”
“เปล่านะ ฉันมีเหตุจำเป็นจริงๆ ที่ฉันพูดไปแบบนั้นเพราะฉันกลัวเพื่อนคุณ!”
“ก็ให้มันแตะนิดแตะหน่อยจะเป็นไรไป คนอย่างไอ้มาร์ตินมันไม่เอาผู้หญิงหน้าตาขี้เหร่ๆ อย่างเธอหรอก!”
“แตะนิดแตะหน่อยงั้นหรอ รู้ไหมว่าสิ่งที่คุณพูดมันเห็นแก่ตัวแค่ไหน คุณเป็นคนพาฉันมา อย่างน้อยก็น่าจะปกป้องกันบ้าง” ประโยคหลังเสียงอ่อนลง เธอรู้ตัวว่าไม่ควรเรียกร้องอะไรแบบนี้ แต่เธอเป็นฝ่ายเสียหายนะ ถ้าไม่วิ่งออกมาก่อนก็ไม่รู้จะโดนอะไร เพื่อนของเขาไว้ใจได้ขนาดนั้นเลยหรอ
“ทำไมฉันต้องปกป้องเธอ”
ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้ๆ ใช้สองมือเชยคางมนขึ้น บังคับให้ทิชากรสบตา หญิงสาวเม้มปากเข้าหากันยามจ้องตา
จะรู้ไหมว่าเธอเองก็หวั่นไหวเหมือนกัน
“ยะ...อย่างน้อยก็ปกป้องฉันในฐานะ....คนรู้จักก็ได้”
“ฉันไม่ได้อยากรู้จักเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องบ้าๆ พวกนี้คิดว่าฉันจะอยากคุยกับเธอหรอ แค่หน้าก็ยังไม่อยากจะมองเลย!”
ทิชากรหน้าชากับคำพูดแสนร้ายกาจ ถ้าไม่ใช่เพราะธุรกิจของครอบครัวมีปัญหา เธอเองก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเขาหรอก นี่ขนาดเพิ่งแต่งงานกันได้แค่วันเดียวยังเจอเรื่องอะไรแบบนี้ แล้วถ้าต้องทนอยู่ด้วยกันจนครบหนึ่งปีความรู้สึกของเธอคงป่นปี้แค่ไหน
“ฉันถึงบอกไงว่าเราควรทำข้อตกลงเรื่องนี้ ถ้าคุณไม่ชอบขี้หน้าฉัน เราสองคนก็ควรจะมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง...คุณจะได้ไม่ต้องเจอหน้าฉันไง”
“เธอคิดว่าจะหลบหน้าฉันได้จนถึงหนึ่งปีหรอ ดูละครมากเกินไปแล้วทิชากร แล้วเวลาญาติผู้ใหญ่มาเยี่ยมละ....หัดใช้สมองคิดบ้าง!”
“ถ้างั้นจะให้ฉันทำยังไงคุณถึงจะพอใจ”
“เลิกสร้างปัญหาให้ฉัน รู้ไหมไอ้มาร์ตินมันมีหุ้นส่วนเท่าไหร่!”
เจ้าของใบหน้าเฉี่ยวเบือนหน้าไปทางอื่น ทั้งชีวิตไม่เคยตกเป็นรองอะไรขนาดนั้น ไม่เคยก้มหัวให้ใคร แต่ตอนนี้เหมือนไร้ศักดิ์ศรี ต้องยอมทุกอย่าง ทนให้เขาโขกสับเหมือนผักเหมือนปลา เป็นสนามอารมณ์ของผู้ชายไร้หัวใจคนนี้
เธอจะทนได้นานแค่ไหน...
“ฉันรู้ว่าคุณแคร์เพื่อน”
“ฉันไม่ได้แคร์ แต่ถ้าเทียบระหว่างเธอกับมัน....เธอไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันเลยทิชากร!” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจรีบเบือนหน้าหนีพร้อมยกมือเท้าเอวเหมือนไม่อยากมองหน้าทิชากรแม้แต่วินาทีเดียว
หญิงสาวบีบมือเข้าหากันแน่น ต่อให้เขาจะเกลียดยังไงแต่เธอก็ต้องทน...แค่หนึ่งปีเอง ทำไมจะทนไม่ได้
“ถ้างั้นคุณกลับบ้านไปก่อนเลยนะคะ ตอนเที่ยงฉันมีนัดทานข้าวกับเพื่อน”
“ก็ดี! ตอนเย็นฉันเองก็มีนัดกับเพื่อนเหมือนกัน เข้าบ้านคนละเวลาก็ดีเหมือนกัน”
“...” หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับ เธอเงยหน้าขึ้นมองตาใสแจวแต่แอบตัดพ้ออยู่ลึกๆ
“งั้นฉันไปล่ะ เธอนั่งแท็กซี่ไปก็แล้วกัน”
พูดจบชายหนุ่มก็เปิดประตูรถแล้วยัดตัวเข้าไปข้างในด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะกระชากเกียร์ขับออกไปทิ้งทิชากรยืนอยู่หน้าร้านเพียงคนเดียว ซึ่งช่วงที่ทั้งสองยืนทะเลาะกัน มาร์ตินแอบตามมาและรับรู้ทุกเหตุการณ์
“คุณ!!”
“นี่เธอกับมันแต่งงานกันจริงๆ หรอ” น้ำเสียงแอบผิดหวังเล็กน้อย เพราะมาร์ตินรู้สึกสนอกสนใจทิชากรตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านแล้ว แต่เขาเป็นคนเข้าหาผู้หญิงไม่เป็นเพราะส่วนมากมีแต่ผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้ามา
ทิชากรไม่ได้สนใจอีกฝ่าย เธอเดินผ่านหน้าไปเพื่อจะไปเรียกแท็กซี่แต่ก็ถูกมาร์ตินคว้ามือเอาไว้
“ปล่อยนะ! ไม่งั้นฉันจะร้องเรียกให้คนมาช่วย!!”
“เฮ้ ตอนที่อยู่ในร้านฉันแค่แกล้งเธอเล่นๆ”
“แกล้งเล่นๆ งั้นหรอ รู้ไหมว่าคุณทำให้คนอื่นทะเลาะกัน!”
“ไม่คิดว่าไอ้เตวิชญ์มันจะจริงจังขนาดนี้ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นมันในมุมนี้เหมือนกัน” ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาไม่เคยเห็นเตวิชญ์ด่าผู้หญิงขนาดนี้ และยิ่งเป็นผู้หญิงสวยๆ แบบนี้ เสืออย่างมันไม่น่าปล่อยไว้เพราะเตวิชญ์ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงที่สุดในกลุ่ม
“ถ้าเห็นแล้วก็ปล่อยค่ะ ฉันจะไปหาเพื่อน!”
“เดี๋ยวก่อนสิ ฉันยังไม่ได้ขอโทษเธอเลยนะ”
“…” ทิชากรตวัดมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ ก่อนหน้านี้ยังทำเหมือนสะใจอยู่เลยที่เธอโดนเตวิชญ์ด่า “คุณจะมาไม้ไหนอีก!”
“รอบนี้ฉันมาดี ก่อนหน้านี้ฉันแค่แกล้งเธอเฉยๆ”
"จะมาดีหรือไม่ดีฉันก็ไม่สนใจ เพราะคุณทำให้ฉันกับคุณเตวิชญ์ทะเลาะกัน คุณเป็นฝ่ายลวนลามฉันก่อนนะ!"
"เอาเป็นว่าเรื่องนั้นฉันขอโทษก็แล้วกัน ไม่คิดว่าเธอกับมันจะเป็น...สามีภรรยากัน"
"เป็นอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ" ทิชากรเบือนหน้าหนี หลบซ่อนสายตาเจ็บปวดเพราะไม่อยากให้มาร์ตินรู้
...ก็แค่ภรรยาที่สามีไม่ต้องการ
"แปลกนะ ฉันเป็นเพื่อนกับมันมาหลายปี ไม่ยักจะรู้เลยว่าเธอกับมันเป็นแฟนกัน"
"เราสองคนไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกค่ะ เราแต่งงานกันเพราะเรื่องธุรกิจ"
"ถึงว่า....เพราะคนอย่างไอ้เตวิชญ์ไม่มีทางแต่งงานแน่นอน เพราะเท่าที่รู้มามันมีคนที่แอบชอบอยู่แล้ว และมันก็รอเธอคนนั้นมาตลอด"
ทิชากรพยายามไม่สนใจ แต่ลึกๆ เธอก็ยังรู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้นอยู่ดี ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานหลายปี หัวใจของเตวิชญ์ก็ยังเป็นเหมือนเดิม...เหมือนกับหัวใจของเธอ
แค่ปีเดียวเท่านั้นทิชากร...เธอต้องอดทนนะ!
"เฮ้! ถ้าเธอมีเรื่องไม่สบายใจปรึกษาฉันได้นะ เพราะฉันกับมันเป็นเพื่อนกันมานาน รู้ไส้รู้พุงกันดี"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาขนาดนั้นหรอก" ทิชากรรีบตัดบทก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมาดู ตอนนี้ใกล้เวลาที่นัดกับเพื่อนเอาไว้แล้ว "ฉันขอตัวนะคะ สายมากแล้วเดี๋ยวรถติด"
"เดี๋ยวก่อนสิ!"
"อะไรอีก ฉันรีบนะ!"
"เดี๋ยวฉันไปส่ง"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองน่าจะสะดวกกว่า เชิญคุณกลับเข้าไปข้างในเถอะค่ะ ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะ...แต่ฉันไม่ต้องการ"
พูดจบหญิงสาวก็เดินเชิดสะบัดหน้าหนีทิ้งให้มาร์ตินยืนเกาหัวด้วยความมึนงง เขาหล่อขนาดนี้ยังไม่สนใจอีกหรอ ถ้าเทียบกับไอ้เตวิชญ์ความหล่อก็ไม่ได้เป็นสองรองใครเลย เธอคือผู้หญิงคนแรกที่กล้าปฏิเสธความหวังดีจากเขา
"หรือผู้หญิงชอบคนเหี้ยๆ วะ!"