EP.18 [ช่วย]

1411 Words
ร่างสูงจูงมือฉันมาที่รถของเขาซึ่งจอดอยู่บนถนนตรงที่เดิม เขาปล่อยมือออกวาดขาคร่อมรถแล้วหันมามองฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แววตาคมเข้มติดเย็นชาจับจ้องมาที่ฉันคล้ายไม่สบอารมณ์หน่อย ๆ “จะไม่ไป?” “คะ… คะ?” ฉันเลิ่กลั่กกับคำถามของเขาขึ้นมา บอกตรง ๆ คือฉันยังงง ๆ อยู่ จู่ ๆ ก็เกือบจะโดนแฟนเก่าตบ และถูกช่วยเอาไว้โดยคนที่ไม่คาดคิด มันมึนงงสับสนไปหมดแล้ว “จะรอให้มันมาลากไปอีกรอบก็ตามใจ” ร่างสูงสตาร์ทรถแล้วมองไปด้านหลังฉัน พอเขาพูดแบบนั้นฉันจึงมองตาม และเห็นว่าจีซัสเหมือนเพิ่งจะได้สติ เขาเตะหมวกกันน๊อคของสิงห์คำรามอย่างหัวเสียและทำท่าจะเดินมาทางนี้ ฉันรีบคว้าจับแขนเฮียสิงห์แล้วเหยียบที่พักเท้าขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเขาทันที บรื้นนนนนนน!! รถซูเปอร์บิ๊กไบค์พุ่งทะยานไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง แรงกระชากจากการขับเคลื่อนทำให้ฉันผวากอดเอวแกร่งแน่น ใบหน้าแนบลงกับไหล่กว้าง สายลมหนาวปะทะเข้ามาจนต้องห่อไหล่เบียดกับแผ่นหลังเขามากขึ้นกว่าเดิม นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันสวมกอดใครจากด้านหลังแบบนี้ แถมยังกอดซะแนบชิดชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจะฝังตัวเข้าไปเลยด้วยซ้ำ ทำไงได้ล่ะ ฉันนุ่งสั้นอยู่นะ แถมอากาศก็หนาวมากด้วย ตอนที่รถติดไฟแดง ฉันผละออกจากแผ่นหลังกว้างด้วยความเคอะเขินหน่อย ๆ และเหมือนคนขับจะรู้ตัว เขาถอดเสื้อแจ็คแก็ตของตัวเองออกแล้วโยนข้ามไหล่มาให้ฉันโดยไม่หันมามองกันสักนิด “ใส่ซะ ก่อนจะหนาวตาย” “…” ฉันไม่ตอบอะไร ยอมสวมเสื้อเขาแต่โดยดี กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ลอยฟุ้งรอบตัวยามสวมใส่เสื้อเขาแล้ว ความอบอุ่นจากด้านในเสื้อยังไม่จางหายเพราะเขาเพิ่งถอดออก กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ลอยแตะปลายจมูก หน้าฉันร้อนผ่าวเล็กน้อย แบบนี้มันเหมือนถูกคนคนนี้โอบกอดอยู่เลยไม่ใช่หรือไง บ้าจริง… ฉันคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่เนี่ย ฉันไม่ได้กอดเขาแน่นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ทำเพียงกอดรอบเอวเขาหลวม ๆ แทน สายตามองบ้านเรือนรอบตัวก่อนจะนึกขึ้นได้เมื่อเห็นว่าทางที่รถแล่นผ่านคือทางไปบ้านของฉัน “เอ่อ… จอดก่อนได้ไหมเฮีย” “…” ไร้เสียงตอบรับจากร่างสูงตรงหน้า ฉันคิดว่าเขาได้ยินนะ แต่ทำเมินใส่มากกว่า เพราะงั้นฉันเลยกระตุกชายเสื้อด้านหน้าของเขาแรง ๆ สองสามที และมันได้ผล ความเร็วรถชะลอลงก่อนจะเข้าจอดริมทาง ฉันรีบผละตัวออกมานั่งตัวตรงเพื่อเว้นระยะห่าง สิงห์คำรามเบี่ยงตัวกลับมาหาเล็กน้อย สีหน้าเขาเย็นชามาก แววตาติดจะคุกรุ่นหน่อย ๆ “มีอะไร?” “เอ่อ… ฉันลงตรงนี้ก็ได้ค่ะ” ฉันทำท่าจะลงจากรถจริง ๆ แต่ถูกมือหนาดึงข้อมือไว้ “ทำไม? อีกไม่กี่ซอยก็ถึงบ้านเธอแล้ว” ก่อนหน้านี้สิงห์คำรามเคยมาส่งฉันที่บ้าน จึงไม่แปลกที่เขารู้จักบ้านฉัน แต่ปัญหาคือฉันกลับไปในสภาพนี้ไม่ได้น่ะสิ “คือว่า… ฉันต้องหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ฉันกลับบ้านชุดนี้ไม่ได้” ฉันก้มหน้าตอบอ้อมแอ้ม ดวงตาคมหลุบมองเสื้อผ้าฉันชั่วครู่ ไม่สิ เขาหลุบมองต้นขาที่โผล่พ้นชายเสื้อคลุมของฉันต่างหาก ทำเอาหน้าฉันร้อนเห่อไปหมด จู่ ๆ ก็นึกถึงสายตาที่เขายืนมองฉันตอนถ่ายแบบขึ้นมา ฮือออ คนบ้าอะไร สายตาเย็นชาแต่กลับสร้างดาเมจรุนแรงให้กับคนถูกมองได้อย่างมหาศาลขนาดนี้ “น่ารำคาญ” เขาพึมพำใส่ฉันจบก็หันกลับไป รถซูเปอร์บิ๊กไบค์ขับเคลื่อนต่อไป แต่คราวนี้จุดหมายไม่ใช่บ้านฉัน แต่เป็นที่ไหนสักที่ซึ่งฉันก็ไม่กล้าถาม กระทั่งรถมาจอดใต้คอนโดแห่งหนึ่ง “ที่นี่ที่ไหนคะ?” ฉันเดินตามเขาเข้ามาในลิฟต์ด้วยท่าทีระแวดระวังพอสมควร เพราะมันไม่ใช่คอนโดของเขา แต่สิงห์คำรามก็คือสิงห์คำราม ผู้ชายปากหนักที่พูดน้อยราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปากก็ไม่ปาน เขาพาฉันมาหยุดยืนหน้าห้อง ๆ หนึ่ง มือหนายกขึ้นทุบประตูเสียงดังลั่น ฉันกะพริบตาปริบ ๆ มองเขา ปึง ๆ ๆ เอ่อ… ออดก็มีไหมคะ ทำไมเฮียไม่กด? “เออ ๆ มาแล้ว สันดานเดิมเลยนะมึง ออดมีเสือกไม่กด” เจ้าของห้องเปิดประตูมาพร้อมกับประโยคคำพูดในใจฉันเลย ฉันมองเขาด้วยสีหน้าเหวอนิด ๆ เขาเองก็เช่นกัน “อ้าว น้องซอ?” “พะ พี่ผัดกะเพรา?” ใช่แล้ว ร่างสูงตรงหน้าฉันหรือก็คือเจ้าของห้องที่เรามาเคาะประตูก็คือเพื่อนของเฮียสิงห์ที่ฉันเพิ่งเจอเมื่อเย็น และเขาก็คือพี่ผัดกะเพราที่ฉันไม่รู้จักชื่อด้วยนั่นแหละ “ทำไมมากับไอ้สิงห์ได้?” ใบหน้าหล่อใสขมวดคิ้วแปลกใจ เขามองฉันสลับกับสิงห์คำราม “ยืมห้องให้เธอเปลี่ยนชุดหน่อย” สิงห์คำรามผลักไหล่เพื่อนตัวเองให้หลบทางก่อนจะหันมามองฉัน “เข้าไปสิ” “เอ๊ะ… เอ่อ” ฉันทำหน้าลังเล เขาพาฉันมาที่นี่เพราะเรื่องนี้นี่เอง “ความจริงแวะห้องน้ำที่ปั้มก็ได้นะเฮีย ตอนแรกฉันก็ตั้งใจจะเปลี่ยนที่นั่น” “พูดบ้าอะไร นี่เธอไม่ระวังตัวเกินไปแล้ว” น้ำเสียงเรียบ ๆ ของเขามีแววคุกรุ่นขึ้นมา ฉันก้มหน้างุดอีกรอบ สุดท้ายสิงห์คำรามเป็นฝ่ายดึงแขนฉันเข้าไปในห้องเพื่อนเขาซะเอง “ยืมห้องนอนมึงหน่อย” เขาผลักฉันเข้ามาในห้องนอนแล้วปิดประตูทันที “รีบเปลี่ยนซะ” ฉันยืนนิ่งอยู่หลังบานประตู ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากด้านนอก เป็นเสียงของสิงห์คำรามกับพี่ผัดกะเพราเจ้าของห้อง “เรื่องอะไรกันวะ กูงงไปหมดแล้ว มึงกับน้องซอนี่มันยังไง ทำไมถึงมาด้วยกันได้วะ?” “ไม่เสือกสักเรื่องได้ไหม?” “อ้าวไอ้นี่ กูเป็นเจ้าของห้องไหม? กูก็มีสิทธิ์จะรู้ป่ะว่าเรื่องมันเป็นมายังไง” ฉันยืนฟังต่ออีกนิดและเมื่อไม่ได้ยินเสียงโต้ตอบอะไรกันอีก จึงหันกลับมาเปลี่ยนชุดในที่สุด ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีฉันก็กลับมาอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อย เก็บชุดเดิมใส่กระเป๋าสะพายและถือเสื้อแจ็คเก็ตราคาแพงของสิงห์คำรามออกมาจากห้องนอน “ขอบคุณนะคะที่ให้ยืมห้องนอน” ฉันก้มหัวขอบคุณเจ้าของห้องที่จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้เลยแฮะว่าพี่เขาชื่ออะไร และเหมือนเขาอ่านความคิดฉันได้ “ไม่เป็นไรครับ พี่ชื่อเธียนะ เรียนอยู่ปีสี่คณะเดียวกับไอ้สิงห์” อ้อ… ชื่อพี่เธียสินะ “สายซอ ปีสองสถาปัตย์ค่ะ” ฉันแนะนำตัวตามมรรยาทเช่นกัน “อ่า พี่รู้จักน้องซออยู่แล้วนะ น้องเป็นดาวคณะด้วยใช่มั้ย” ฉันยิ้มเจื่อนหน่อย ๆ ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเขาถึงรู้จักชื่อฉันตั้งแต่แรก เพราะฉันเป็นดาวคณะนี่เอง พูดตามตรงฉันไม่ค่อยเอ็นจอยกับตำแหน่งนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นตำแหน่งที่ให้ทั้งคุณและโทษกับฉันจริง ๆ “กลับได้แล้ว” ร่างสูงลุกขึ้นจากโซฟาเดินผ่านหน้าพวกเราไป ฉันมองตามเขางง ๆ ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้พี่เธีย “งั้นซอกลับก่อนนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ” “โอเคครับ ไว้เจอกันที่มอนะครับ” พี่เธียตามมาส่งที่หน้าประตู ฉันยิ้มตอบก่อนจะหันหลังเดินตามสิงห์คำรามมาหยุดยืนหน้าลิฟต์ ดวงตาคมหลุบมองเสื้อในวงแขนฉันเล็กน้อย “ถือไว้ทำไม สวมเข้าไปสิ” “เอ๊ะ แต่ว่านี่มันของเฮีย…” ฉันเงยหน้าขมวดคิ้วมองเขา แววตาดุ ๆ ติดเย็นชาจ้องมานิ่ง “บอกให้สวมก็สวม อย่าเถียง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD