ความเงียบกลับคืนสู่ห้องปฏิบัติการ 4 อีกครั้ง ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนตักแกร่ง ไม่แม้แต่จะเบี่ยงหน้าไปมองเจ้าของตักเลยด้วยซ้ำ
บอกตรง ๆ ฉันไม่ชอบสถานการณ์ตอนนี้เลย เหมือนตัวเองกลายเป็นลูกไก่ในกำมือเฮียสิงห์อย่างไรอย่างนั้น เมื่อครู่นี้ฉันทำไปเพราะสถานการณ์มันบีบบังคับ ที่นั่งตักเขาก็ด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้จริง ๆ นะ
“เอ่อ… หนักใช่ไหมคะ” ฉันยิ้มแกน ๆ พลางขยับตัวจะลุกจากตักแกร่ง แต่ต้องล้มนั่งลงที่เดิมเป็นครั้งที่สองเพราะถูกมือหนารั้งเอวเอาไว้ ร่างกายเครียดเกร็งขึ้นมาทันที ความใกล้ชิดกะทันหันนี้ฉันไม่คุ้นเคยเลยจริง ๆ ทำไมเฮียสิงห์ไม่ยอมปล่อยตัวฉันสักทีละเนี่ย
“อยู่นิ่ง ๆ” เขาสั่งสั้น ๆ แต่ทว่ากดดันในน้ำเสียงชัดเจน ริมฝีปากเล็กเม้มเบา ๆ อย่างพยายามหาทางเอาตัวรอด
“ฉันตัวหนักนะเฮีย ให้ฉันลุกก่อนได้ไหมคะ” หันไปสบตากับดวงตาคมตรง ๆ ในเมื่อหาทางรอดไม่เจองั้นก็พูดมันไปตรง ๆ นี่แหละ
“ไม่เห็นจะหนัก” เฮียสิงห์ตอบกลับหน้านิ่ง ทำเอาฉันไปต่อไม่ถูก
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่นี่มันไม่สกินชิพกันเกินไปหน่อยเหรอคะ”
“เธอเป็นคนนั่งตักฉันเองนะ”
อะ… เถียงไม่ออกแฮะ
ฉันก้มหน้างุดเมื่อนึกคำเถียงไม่ออก เมื่อครู่ฉันใจเร็วไปหน่อย แต่เพราะเฮียสิงห์นั่นแหละที่ทำให้ฉันหมดทางเลือก ถ้าฉันไม่ใช้วิธีนี้ฉันจะหนีจากจีซัสได้ยังไงกันล่ะ แผนไม้กันหมามันก็ดีอยู่หรอก แต่พอมาอีหรอบนี้มันก็…
“หนีหมาป่าปะสิงโตชัด ๆ” ฉันพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง แต่เพราะเราอยู่ใกล้กันมาก เฮียสิงห์คงได้ยินแน่ ๆ เขาถึงเพิ่มแรงกอดฉันแน่นกว่าเดิม
“กล้าใช้ฉันเป็นไม้กันหมา ฮึ!”
เขารู้!
ฉันหันขวับช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาคมด้วยสีหน้าตกใจ แววตาเย็นชาติดเย้ยหยัน บ่งบอกว่าเขามองออกทุกอย่าง ความร้อนแล่นผ่านใบหน้าฉันทีละนิด หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะ
เอายังไงดียัยซอ… คิดสิคิด! แกจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ยังไงดี?!
“มะ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ฉันไม่ได้จะใช้เฮียเป็นไม้กันหมาเลยนะ” ช้อนสายตาหวานขึ้นมองเขา พยายามงัดมารยาร้อยเล่มเกวียนขึ้นมาใช้ มีเท่าไหร่งัดมาให้หมด
“จะบอกว่าที่เธอพูดเมื่อกี้เป็นเรื่องจริง?”
อ่า… ถ้าตอบว่าไม่จริงสักเรื่องเลยเขาจะฆ่าฉันไหม?
“ว่าไง” น้ำเสียงเข้มกดดัน ฉันกะพริบตาปริบ ๆ เสสายตามองทางอื่น ปกติฉันเป็นคนลื่นไหลในการโกหกมาก ๆ นะ ฉันทำกับเจ้ขิมบ่อยถึงแม้บางครั้งจะไม่ได้ผลก็เถอะ แต่กับคนคนนี้ฉันรู้สึกว่าการจะโกหกเขามันโคตรยาก!
แต่… คงไม่เกินใจฉันหรอก
“ถ้าฉันบอกว่าใช่ เฮียจะเชื่อฉันไหม?” ฉันเชิดหน้าขึ้น มองตรงสบตากับเขาอย่างไร้แววพิรุธ อย่างที่แยมส้มเคยแนะนำ หากฉันอยากจะหนีจากจีซัสให้พ้น คนเดียวที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับหมอนั่นได้ก็คือเฮียสิงห์นี่แหละ
จากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ขอแค่เขาให้ความร่วมมือ เขาจะกลายเป็นไม้กันหมาชั้นเยี่ยมให้ฉันได้อย่างดีเลยล่ะ
“เชื่อเรื่องอะไร?” เฮียสิงห์ถามกลับ น้ำเสียงเขาเย็นชา แต่แววตาเต็มไปด้วยการจับผิด
“ก็… เรื่องที่เฮียอยู่ในใจฉันไงคะ” ฉันหลอกล่อเขาด้วยรอยยิ้มหวาน มันก็แค่ละครฉากหนึ่ง ฉันรู้ว่าเฮียสิงห์เป็นคนฉลาด เขาไม่มีทางติดกับฉันง่าย ๆ หรอก เพราะอย่างนั้นฉันก็ต้องตีมึนต่อไป ยิ้มหวานเข้าไว้ ใช้หน้าสวย ๆ ให้เป็นประโยชน์ ต่อให้เขาจะเย็นชาแค่ไหนก็ต้องหวั่นไหวให้กับฉันบ้างแหละน่า
“…” เฮียสิงห์นิ่งเงียบ ดวงตาคมหรี่ลงอย่างจับผิด ขณะมือหนายังคงทาบทับลงบนเอวคอดของฉันไม่ยอมปล่อย หน้าฉันร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างน่าอาย แถมเฮียสิงห์ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยง่าย ๆ ด้วย
“เฮียไม่เชื่อฉันสินะคะ” แสร้งทำเสียงอ่อน ก้มหน้ามองมือตัวเองบนตัก รู้สึกได้ถึงสายตาคมที่ยังคงจับจ้องกันนิ่ง อดไม่ได้ที่จะลอบช้อนตามองเล็กน้อย และนั่นคือความผิดพลาด
“พิสูจน์สิ”
ประโยคสั้น ๆ แต่แฝงความกดดันของเขาดังขึ้น เขาไม่เชื่อฉัน แน่แหละ แต่ไม่คิดว่าจะให้ฉันพิสูจน์อะไรแบบนี้
ฉันเอียงคอ เลิกคิ้วมองหน้าเขา “พิสูจน์ยังไงคะ?”
“จูบฉัน”
ฉันนิ่งอึ้ง เบิกตากว้าง คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินสองคำนี้ออกมาจากปากเฮียสิงห์ สีหน้าเขานิ่งมาก ไร้แววล้อเล่นใด ๆ นั่นหมายความว่าเขาต้องการให้ฉันพิสูจน์โดยการจูบเขาจริง ๆ งั้นเหรอ?
“เอ่อ… จะดีเหรอคะ”
ฉันเลื่อนสายตาหนี เปลี่ยนเป็นนั่งหันหลังให้เขา ตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนตักเขา เฮียสิงห์โอบเอวฉันไว้ตลอด เขาทำเหมือนฉันตัวเบามาก ทั้งที่ฉันจงใจทิ้งน้ำหนักลงบนตักเขาทั้งตัวเลยก็ว่าได้ ตั้งใจว่าจะให้เขารู้สึกหนักแล้วปล่อยฉันสักที ทว่าเขากลับชิลมาก ชิลจนฉันไม่รู้จะทำยังไงกับคนคนนี้แล้ว
“ทำไม? ไม่กล้า?” ดูเขาถามฉันสิ มันใช่เรื่องของความกล้าหรือไม่กล้าไหม มันคือเรื่องของยางอายต่างหากเล่า! ฉันเป็นผู้หญิงนะ! จะให้จูบเขาก่อนได้ยังไงกัน แล้วอีกอย่างการต้องจูบเพื่อพิสูจน์รักนี่มันก็ออกจะ… เปลืองเนื้อเปลืองตัวไปหน่อยมั้ง
“ไม่ใช่ว่าไม่กล้า แต่กฎของเฮียสิงห์คือห้ามจูบไม่ใช่เหรอคะ?” ฉันงัดเอากฎเหล็กของเขาที่เคยแอบได้ยินเมื่อหลายเดือนก่อนมากล่าวอ้าง เพื่อหวังว่าเขาจะยอมเปลี่ยนใจ ทว่ากลับได้รับรอยยิ้มหยันมุมปาก…
“ฉันบอกให้จูบก็จูบสิ ทำไมต้องอ้าง?”
“…” รู้ได้ยังไงว่าฉันหาข้ออ้าง ฉลาดเกินไปแล้ว!
“ฮึ ที่บอกว่าชอบฉันก็โกหกสินะ” น้ำเสียงเย็น ๆ ติดเย้ยหยัน แววตาเขาเย็นชาขึ้นมาอีกระดับ อุตส่าห์เล่นละครมาถึงขนาดนี้ จะให้มันเสียเปล่าไปง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน
เอาก็เอาวะยัยซอ! ยังไงซะนี่ก็ไม่ใช่จูบแรกระหว่างแกกับเขาสักหน่อย!