“ซอรู้จักกับเขาด้วยเหรอ” พี่จีนกระซิบถาม คำว่า ‘เขา’ ในที่นี้ของพี่จีนน่าจะหมายถึงสิงห์คำราม เพราะเขาเอาแต่จ้องฉันไม่วางตา ฉันกำลังจะปฏิเสธทว่าคำถามของพี่จีนเหมือนไม่ต้องการคำตอบ เพราะเธอดึงฉันมายืนด้านหน้า และนั่นทำให้ฉันต้องเผชิญหน้ากับสิงห์คำรามอย่างไม่เต็มใจ “ถ้างั้นซอช่วยพูดกับเขาหน่อยสิ นะซอนะ งานนี้มันสำคัญกับพวกเรามากนะ”
ฉันอยากจะปฏิเสธเธอมาก แต่พอเห็นสายตาขอร้องของเธอ เสียงของฉันมันหายไปหมด
บ้าจริง… ทำไมฉันต้องมาอยู่ในสถานการณ์กดดันแบบนี้ด้วย แถมยังเป็นต่อหน้าสิงห์คำรามอีก โอ๊ย… อยากจะบ้าตาย!
“…” ฉันยืนเงียบนานมาก มันอ้ำอึ้ง พูดไม่ออก ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนก่อนดี สิงห์คำรามยังคงจ้องฉันตาเขม็ง จนกระทั่งเขาละสายตาแล้วทำท่าจะเดินหนี ฉันถึงหาเสียงตัวเองเจอ “คะ คือว่า… อนุญาตให้พวกเราถ่ายรูปคู่กับรถเฮียด้วยเถอะ… ค่ะ”
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ตอนนี้ไม่กล้าเงยหน้าสบตากับเขาเลย ร่างสูงหยุดชะงักฝีเท้า เขาหันกลับมาหาฉัน พอเห็นว่าเขาเอาแต่ยืนเงียบ ฉันจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเฉยชามีแววบางอย่างพาดผ่าน ก่อนมันจะจางหายไป
“แค่ห้านาทีก็พอค่ะ ไม่สิ สี่นาทีก็ได้” ฉันยื่นข้อเสนอ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธเหมือนตอนแรก
“หนึ่งนาที” น้ำเสียงเย็นชาเปล่งออกมาไม่ดังและไม่เบา ฉันเบิกตานิด ๆ เพราะเขาให้เวลาฉันน้อยมาก แค่หนึ่งนาทีมันจะไปพออะไรกัน
“สะ สามนาที” ฉันต่อรอง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ฉันรีบชี้แจง “หนึ่งนาทีมันไม่พอจริง ๆ แค่กดชัตเตอร์ก็หมดเวลาแล้วนะคะ”
“สองนาที”
“…” ฉันอ้าปากจะแย้ง ทว่ากลับถูกสายตาเย็นชากดดัน
“แค่สองนาที แล้วไปซะ”
.
.
.
สุดท้าย… สิงห์คำรามยอมอนุญาตให้เราถ่ายรูปคู่กับรถซูเปอร์บิ๊กไบค์คู่ใจของเขา พี่จีนดีใจมาก แม้จะได้เวลามาแค่สองนาทีก็ตาม เธอรีบเรียกช่างภาพมาหา จับฉันยืนประจำตำแหน่งที่เธอต้องการ นั่นทำให้ฉันคิดได้อีกเรื่องว่าฉันจะต้องมายืนโพสท่าถ่ายรูปต่อหน้าสิงห์คำราม!
และมันไม่ได้มีแค่สิงห์คำรามเท่านั้นที่กำลังยืนกอดอกมองการถ่ายภาพครั้งนี้ แต่ทุกคนในงานต่างพากันมารุมล้อมด้วยความสนใจ ราวกับว่าไม่เคยมีใครได้ทำอย่างพวกเรามาก่อน ตอนนี้กลายเป็นว่าฉันถูกสายตานับร้อยคู่จับจ้องการทำงาน เกร็งยิ่งกว่าเกร็งอีกสิคะ!
“น้องซอครับ ยิ้มหน่อยครับ” เสียงพี่ธิม ช่างภาพสายติสตะโกนบอกเบา ๆ ฉันจึงได้สติกลับมา เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเกร็งมากแค่ไหน เกร็งทั้งหน้า ทั้งท่าทาง ทั้งรอยยิ้มเลยล่ะ
“ซอเป็นอะไรหรือเปล่า พวกเราต้องทำเวลานะ ไหวไหม” พี่จีนที่กำลังโพสต์ท่าอยู่ด้านข้างกระซิบถาม เธอจิกตามองกล้องโพสต์ท่าเซ็กซี่ขยี้ใจมาก ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ขณะสายตาบังเอิญสบกับดวงตาคมแสนเย็นชาเข้าพอดี
วูบหนึ่ง… เหมือนเห็นริมฝีปากหนายกขึ้นบาง ๆ ราวกับกำลังยิ้มเยาะกัน ก่อนมันจะกลับมาราบเรียบตามเดิม ฉันเม้มปากจ้องตาใส่เขา ในแววตาเฉยชาคู่นั้นคล้ายจะท้าทายกันอยู่หน่อย ๆ
นี่สิงห์คำรามกำลังท้าทายฉันงั้นเหรอ? คิดจะยิ้มหยันใส่ฉันงั้นสินะ
ฟู่…
ฉันเป่าปากเรียกสมาธิให้ตัวเองพลางหลับตาลง แกทำได้สายซอ เรียกความมั่นใจของแกกลับมา แล้วทำให้ผู้ชายคนนั้นได้เห็นว่าคนอย่างฉันก็มี ‘ดี’ ให้อวดเหมือนกัน!
The show must go on!!
“ดีครับ สวยมาก อย่างนั้นแหละน้องซอ” พี่ธิมรัวชัตเตอร์ไป เอ่ยชมฉันไป ขณะที่คนอื่น ๆ ยกกล้องกับโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายตามไปด้วย ฉันโพสต์ท่าเบา ๆ ไม่ได้เซ็กซี่มาก แต่เน้นจิกตาและอายคอนแทคกับกล้องให้มากที่สุด บางครั้งความเซ็กซี่ก็ไม่จำเป็นต้องโพสต์ท่าล่อแหลมเสมอไป
การถ่ายภาพผ่านไปนาทีกว่าเห็นจะได้ ฉันเสสายตาไปสบกับดวงตาคมอีกครั้ง เขาไม่ได้ยิ้มเยาะและไม่ได้ท้าทายฉันทางสายตาอีกแล้ว สีหน้าของสิงห์คำรามตอนนี้นิ่งมาก นิ่งจนเดาอารมณ์ไม่ออก ริมฝีปากสีแดงสดยกขึ้นเล็กน้อยขณะอายคอนแทคกับเขาไปด้วย
ตาจ้องตาอย่างไม่มีใครยอมใคร ให้มันรู้กันไปว่าระหว่างฉันกับเขาใครจะเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อนกัน
“…”
เราจ้องตากันชั่วครู่ ทั้งเขาและฉันต่างไม่มีใครยอมถอนสายตาหนี กระทั่งสิงห์คำรามขยับเดินมาด้านหน้า ท่ามกลางแสงแฟลชและสายตาผู้คนมากมาย ร่างสูงยืนหันหลังให้บรรดากล้องต่าง ๆ ขณะที่สายตาเขายังคงตรึงอยู่ที่ฉัน ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร สีหน้าและแววตาของเขามันนิ่งเกินไป นิ่งจนใครก็เดาอารมณ์เขาไม่ถูก
ฉันหยุดโพสต์ท่าแล้ว พี่จีนก็เช่นกัน
“หมดเวลาแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนน่าขนลุก ความกดดันบางอย่างแผ่ออกมาจากรอบตัวเขา
“…”
“ออกไปซะ”
“…” ฉันเป็นฝ่ายละสายตาจากเขาก่อน ไม่ใช่อะไรหรอก แค่ไม่อยากตกเป็นที่สนใจมากไปกว่านี้ สิงห์คำรามเป็นคนดังของสนาม การที่เขาพูดหรือทำอะไรย่อมมีคนสนใจเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นฉันไม่ยุ่งกับเขามากไปกว่านี้จะดีที่สุด
“ไปกันเถอะซอ เราได้รูปเยอะแล้ว” พี่จีนจับแขนฉันให้เดินผ่านร่างสูงออกมา จังหวะที่ฉันกำลังจะเดินผ่านเขานั้น เราสบตากันอีกครั้ง และครั้งนี้แววตาคมเข้มมีแววคุกรุ่นพาดผ่านเข้ามา
เอาจริง ๆ ไหม ฉันคิดว่าผู้ชายคนนี้เดาใจยากมากที่สุดในโลก เขาเหมือนกับคนที่เฉยชาและเมินเฉยต่อทุกสิ่งอย่างก็จริง แต่ในบางครั้งการแสดงออกทางอารมณ์จากแววตาของเขามันก็มีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ แม้จะเพียงแวบเดียวก็ตาม พูดง่าย ๆ คือ… ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เย็นชาหรือว่าตายด้านไปซะทุกอย่างหรอก
สิงห์คำรามยังคงมีอารมณ์ของมนุษย์อยู่บ้างละนะ