ห้องปฏิบัติการ 4
ฉันเงยหน้าอ่านป้ายหน้าห้องด้วยหัวใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ก่อนจะมาถึงที่นี่ฉันพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมมาก แต่พอมาถึงหน้าประตูห้องแล้ว ความมั่นใจเหล่านั้นมันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้
ตอนแรกก็แค่อยากจะมาพิสูจน์อะไรบางอย่าง แต่พอมาถึงแล้วจริง ๆ กลับตื่นเต้นยังไงไม่รู้แฮะ ฉันกลับไปตั้งตัวใหม่ก่อนดีไหมนะ…
“อ้าว น้องซอ?”
ฉันสะดุ้งโหยงหันขวับตามเสียงเรียกที่ไม่เบาเลยจากด้านหลัง พี่เธียกำลังเดินมาพร้อมกับพี่เคย์ แฟนของผู้หญิงคนนั้น ฉันมองหาเธอเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาสนใจพี่เธียอีกครั้ง
“มายืนทำอะไรหน้าห้องครับ หรือว่ามาหาไอ้สิงห์?”
“เอ่อ…” ฉันอึกอักตอบไม่ถูก จู่ ๆ ก็มาหาเขาเองแบบนี้ มันคงจะดูแปลกไม่น้อย ทว่ายังไม่ทันจะได้ตอบคำถามพี่เธีย ประตูห้องด้านหลังก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงคุ้นตายืนอยู่ตรงนั้น
“…” ดวงตาคมติดเย็นชามีแววประหลาดใจพาดผ่านยามมองหน้าฉัน เขาเลื่อนสายตาข้ามไหล่ฉันไปทางเพื่อนตัวเอง แววตาเย็นชาเข้มขึ้นหลายส่วน และก่อนที่ใครจะได้พูดอะไร ด้านหลังเฮียสิงห์ปรากฏร่างแบบบางของใครอีกคนโผล่หน้าออกมา
“มีอะไรกันเหรอสิงห์? เอ๊ะ น้องคนเมื่อวานนี่นา”
ใช่แล้ว… ผู้หญิงที่โผล่หน้าออกมาจากด้านหลังเฮียสิงห์ก็คือเธอคนเมื่อวานที่ชื่อ พริม แฟนของพี่เคย์นั่นเอง
ฉันมองเธอชั่วครู่ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นสบกับดวงตาคม ในใจคาดเดาไปสารพัดแล้ว มันน่าแปลกไหมล่ะที่พวกเขาอยู่ในห้องกันสองต่อสองแบบนี้ในขณะที่คนเป็นแฟนกลับยังมาไม่ถึง น่าสงสัยสุด ๆ
.
.
.
“ขอโทษที่มารบกวนนะคะ พอดีเมื่อวานเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ทำให้ฉันไม่มีโอกาสได้ขอโทษอย่างเป็นทางการ วันนี้ฉันก็เลยแวะเข้ามาหาค่ะ”
ตอนนี้ฉันเข้ามานั่งในห้องปฏิบัติการ 4 แล้ว และรอบตัวก็รายล้อมไปด้วยบรรดาเพื่อน ๆ ของเฮียสิงห์ ทั้งพี่เธีย พี่เคย์ และเธอ… พี่พริม ฉันกลอกตาเล็กน้อยยามมองไปทางเธอคนนั้น เธอนั่งกอดอกไขว้ห้างโชว์เรียวขาสวย ๆ อยู่ด้านข้างพี่เคย์ แต่ไม่รู้ทำไมตำแหน่งการหันหน้าถึงหันไปทางเฮียสิงห์นี่น่ะสิ นี่ไม่มีใครสังเกตเห็นบ้างเลยเหรอ…
“เรื่องโต๊ะแผงผังเมื่อวาน ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันมาเพื่อจะบอกแค่นี้ค่ะ” พูดจบฉันก็ลุกขึ้นยืนแล้วโค้งตัวเบา ๆ ขอโทษพวกเขา ทว่าพอเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้าเย็นชาของเฮียสิงห์ที่จ้องฉันไม่ยอมละ ฉันเบือนหน้าหนี ทำเมินใส่เขา ไม่รู้สิ อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่อยากมองหน้าเขาขึ้นมา เสียงประตูห้องเปิดออกด้านหลัง ฉันหันมองด้วยความสนใจ ร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา
ตึกตัก…
หัวใจฉันเต้นผิดจังหวะเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าเขาคนนั้นชัด ๆ ใบหน้าคุ้นตานี้ฉันจำได้ดีเลยล่ะ เขาคือ ‘พี่โซ่’ Puppy love ในวัยเด็กของฉันและยังเป็นพี่ชายข้างบ้านในปัจจุบันอีกด้วย
พี่โซ่ชะงักฝีเท้ายามสบตากับฉัน ดูเหมือนเขาเองก็ประหลาดใจเช่นกันที่เห็นฉันที่นี่ เอาจริง ๆ เราไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่ เมื่อก่อนพวกเราเคยเล่นด้วยกันอยู่บ้างตอนสมัยเด็ก ๆ ฉันเคยปลื้มเขามากก่อนจะถูกส่งไปโรงเรียนประจำ หลังจากนั้นมาเราแทบไม่ได้เจอกันอีกเลย อาจมีบ้างบางครั้งที่บังเอิญเจอกันแถวบ้านแต่ก็ทำเพียงยิ้มทักทายตามมรรยาทเท่านั้น
“สายซอ?” ชื่อเรียกของฉันจากปากเขาช่วยเรียกสติให้กลับมาสู่ปัจจุบัน ฉันยิ้มทักทายตามมรรยาทเหมือนเคยเพราะไม่รู้จะทักเขาด้วยคำว่าอะไรดี “ทำไมมาอยู่ที่นี่?”
“มึงรู้จักน้องซอด้วยเหรอวะไอ้โซ่” พี่เธียถามทำลายความเงียบขึ้นมา พี่โซ่พยักหน้าตอบพลางเดินเข้ามาใกล้ฉัน เขาเป็นผู้ชายที่ตัวสูงมาก ๆ ฉันยังจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยขี่หลังเขาด้วย… นึกถึงแล้วก็อาย…
“บ้านเราอยู่ข้างกัน แถมยังเคยเล่นด้วยกันตอนเด็ก ๆ ด้วย เนอะ” เขาหันมาเนอะกับฉัน รอยยิ้มละมุนนั่นมันอะไร ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวไปหมดแล้ว ฉันแพ้ทางผู้ชายอบอุ่นนะไม่รู้เหรอ!
“ค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะที่เจอกันที่นี่” ฉันเงยหน้าพูดกับพี่โซ่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ชายในอุดมคติของฉัน เรียกว่าเป็นผู้ชายในสเป็คเลยก็ว่าได้ พอได้มายืนสบตากับเขาตรง ๆ แบบนี้ บอกเลยว่าฉันเขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว
“นั่นสิ ว่าแต่ซอมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” พี่โซ่ยิ้มถาม
พี่อย่ายิ้มเยอะได้ไหมคะ น้องใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วว
ฉันก้มหน้างุดหลบซ่อนอาการเขินของตัวเอง จังหวะนั้นสายตาบังเอิญสบกับดวงตาเย็นชาของใครอีกคนเข้าพอดี ฉันชะงักรอยยิ้ม เบือนสายตาหนีเขากลับมาหาพี่โซ่แทน
“พอดีเมื่อวานเกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะค่ะ ซอก็เลยมาขอโทษพวกพี่ ๆ เขา” ฉันอธิบายตามความจริง พี่โซ่มองหน้าทุกคนพลางเลิกคิ้วขึ้นเหมือนยังไม่ค่อยเข้าใจ ฉันกำลังจะอธิบายเพิ่มแต่ถูกเสียงเก้าอี้ครูดพื้นขัดไว้ซะก่อน หันมองก็พบว่าเป็นฝีมือของเฮียสิงห์ เขาใช้เท้าถีบเก้าอี้ว่างใกล้ตัวให้มันลากไปกับพื้นจนเกิดเสียงดัง พอเห็นว่าทุกคนกำลังมองเขาอยู่ เขาจึงหันมามองหน้าฉัน
“มานี่” วลีสั้น ๆ ออกมาจากริมฝีปากหนา มองหน้าฉันซะขนาดนั้น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขากำลังพูดกับใคร
“…” ฉันยืนนิ่งงัน ไม่ได้ขยับหรือเดินเข้าไปหาตามคำสั่งเขา
เอาจริง ๆ ฉันยังงงอยู่เลยว่าจู่ ๆ เขาเรียกฉันให้เข้าไปหาทำไม
“เดินมานี่ สายซอ” น้ำเสียงเย็นชากดต่ำสร้างความกดดันให้ฉันอย่างมาก ฉันไม่กล้ามองหน้าใครในห้องเลย
ฉันไม่เดินไปได้ไหมอ่ะ ไม่อยากเดินไปหาเขาเลยจริง ๆ
“จะไม่มา?”
โอ๊ย… ฉันควรทำไงดีเนี่ย!