อย่างที่รู้… ฉันเกลียดการถูกควบคุมมากที่สุด เกลียดการถูกสั่ง เกลียดการถูกจำกัดอิสรภาพมาก ๆ เหตุผลหลักที่ฉันเลิกกับจีซัสก็คือเรื่องพวกนี้ และเพื่อหนีจากหมอนั่นฉันถึงยอมเล่นละครตบตาเฮียสิงห์ว่าฉันชอบเขา เพราะต้องการให้เขาเป็นไม้กันหมาให้ แต่…
ไม่คิดว่าการหนีจากแฟนจอมบงการกับต้องเจอคนที่เลวร้ายยิ่งกว่า…
‘จำไว้นะแก ไม่ว่าเฮียสิงห์จะร้ายใส่แกยังไงก็ต้องอดทน ท่องเอาไว้ว่าเขาคือไม้กันหมาชั้นเยี่ยม’
เสียงแยมส้มลอยเข้ามาในหู ฉันกะพริบตาปริบ ๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป สายตาจ้องมองใบหน้าหล่อแสนเย็นชาก่อนจะกลั้นใจเดินเข้าหาเขาช้า ๆ
เอาเถอะ… ก้าวเข้ามาในถ้ำสิงโตแล้วนี่ ถอยหลังตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว
ฉันหยุดยืนตรงหน้าเฮียสิงห์ไม่ไกลจากเขาสักเท่าไหร่ มือหนากระดิกนิ้วเบา ๆ ให้ฉันขยับเข้าไปใกล้เขามากกว่านี้ ฉันเม้มปากก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ระยะห่างพอดีกับที่เขาเอื้อมมือมาคว้าแขนฉัน สะดุ้งเล็กน้อยยามถูกมือหนาสัมผัส เฮียสิงห์ดึงฉันให้นั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายเขา สีหน้าเขานิ่งเฉยราวกับไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่กำลังทำนัก
“คือว่า…” ฉันหันไปแย้งเสียงเบา แต่ถูกสายตาคมจ้องใส่อย่างกดดัน
“จะนั่งตรงนั้นหรือบนตักฉัน?” นั่นถือเป็นคำขู่ที่น่ากลัวทีเดียว แถมเสียงพูดเขาไม่เบาเลย เชื่อเหอะว่าคนทั้งห้องได้ยิน ฉันหันหน้ากลับมาสงบอารมณ์ตัวเอง ท่องไว้สายซอ… เพื่อไม้กันหมาชั้นเยี่ยม
“เอ่อ งั้นกูว่าเรามาคุยเรื่องแผงผังกันเลยดีไหมวะ อีกสองวันก็ต้องส่งงานแล้ว” พี่เธียโผล่งขึ้นมาช่วยทำให้บรรยากาศอึมครึมสลายไปเล็กน้อย เขาหันไปหาพี่โซ่ที่ยังยืนนิ่งหน้าประตู “มึงก็มานั่งดิไอ้โซ่ วันนี้นัดกันมาคุยเรื่องนี้ไม่ใช่?”
“…” พี่โซ่มองหน้าฉันสลับกับเฮียสิงห์ ก่อนจะเดินมานั่งลงที่เก้าอี้อีกข้างหนึ่งของฉัน กลายเป็นว่าฉันนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเฮียสิงห์กับพี่โซ่ โอ๊ย… น่าอึดอัดชะมัดเลย!
“แผงผังอันเก่ามันพอจะซ่อมได้ใช่ไหมวะ” พี่เคย์ลากแผงผังที่มีร่องรอยแตกหักมาตรงหน้าทุกคนที่นั่งล้อมวงรอบโต๊ะ ฉันมองเศษซากเหล่านั้นด้วยความรู้สึกผิดหน่อย ๆ พวกเขาต้องใช้เวลาในการทำมันขึ้นมานานแน่ ๆ ขนาดโมเดลโครงสร้างภายในของฉันยังใช้เวลาเป็นอาทิตย์ ๆ เลย แล้วนี่แผงผังทั้งเมืองเลยนะ
“มันก็พอซ่อมได้ แต่บางอันที่แตกหักก็ต้องทำใหม่ มึงคิดว่าไง” พี่เธียหันไปถามความเห็นพี่โซ่ เขาก้มลงวิเคราะห์แผงผังด้วยสีหน้าจริงจัง
“อืม ถ้ารื้อทิ้งแค่ตรงส่วนที่แตก ใช้เวลาวันสองวันน่าจะทัน”
“เฮ้อ ทั้งที่กำลังจะเสร็จอยู่แล้วแท้ ๆ กลับต้องมาพังเพราะคนบางคนแบบนี้ แย่ชะมัด” เสียงจีบปากจีบคอบ่นขึ้นมาลอย ๆ แต่สายตากลับมองตรงมาที่ฉันอย่างกล่าวโทษ
“…” ฉันเม้มปาก กำมือแน่น ถามรู้สึกผิดไหม ก็รู้สึกผิดแหละ แต่พอโดนมองด้วยสีหน้าและท่าทางแบบนั้นมันก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ฉันอาจเป็นต้นเหตุของเรื่อง แต่ไม่ใช่คนสร้างความเสียหายนี้สักหน่อย
“คนที่ถีบโต๊ะล้มก็คือกู เดี๋ยวกูจัดการซ่อมเอง” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยออกมา เรียกสายตาจากทุกคนหันมอง ฉันก็เช่นกัน ฉันมองเฮียสิงห์ด้วยสายตาประหลาดใจ
จริง ๆ ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้รับการปกป้องจากเขาหรอกนะ แต่การที่เขายอมรับผิดเองแบบนี้... มันดูเท่ซะจนหัวใจฉันเต้นผิดจังหวะเลยล่ะ
“พริมไม่ได้จะโทษสิงห์สักหน่อย” ยัยพี่พริมทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะค้อนใส่ฉันวงใหญ่ คงคิดไม่ถึงน่ะสิว่าเฮียสิงห์จะออกหน้ารับผิดแทนฉันแบบนี้
“งั้นเธอจะโทษใคร?” เฮียสิงห์ปรายตามองเธอด้วยแววตาเย็นเหยียบ มันเย็นชาจนน่ากลัว
“ก็ยัย…”
“พอได้แล้วพริม เธอมีเรียนต่อไม่ใช่เหรอ ไปกันเถอะ เดี๋ยวไปส่ง” พี่เคย์เป็นคนตัดบทขึ้นเมื่อเห็นเธอทำท่าจะชี้มาทางฉัน เขาไม่พูดเปล่าแต่ดึงแขนเธอให้ลุกขึ้นยืน ยัยพี่พริมทำหน้าฮึดฮัดไม่พอใจ เธอยอมลุกขึ้นตามแรงฉุดแต่ก็ยังไม่วายหันมาถลึงตาใส่ฉัน
“ทำไมไล่พริมคนเดียวล่ะ เธอเองก็ควรจะกลับด้วยไม่ใช่หรือไง”
“อย่าหาเรื่องน่าพริม” พี่เคย์พยายามปรามแฟนสาว
“ทำไมล่ะ พริมหาเรื่องอะไร? พริมเป็นแฟนเคย์นะ พริมมีสิทธิ์จะนั่งในห้องนี้ เธอต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์อยู่ในห้องนี้ด้วยซ้ำ”
กลายเป็นว่าทั้งสองทะเลาะกันโดยมีฉันเป็นต้นเหตุงั้นเหรอ ฉันถอนใจเบา ๆ เรียกสายตาจากพี่โซ่และเฮียสิงห์พร้อมกัน ไม่รู้คิดไปเองไหม แต่รู้สึกได้ว่าสายตาของเฮียสิงห์ต่างไปจากปกติ
“สายซอมีสิทธิ์จะอยู่ที่นี่”
ภายในห้องเงียบสงบทันทีที่เฮียสิงห์พูดจบ ทุกคนหันมองเขาเป็นตาเดียว ฉันเองก็มองเขาด้วยความไม่เข้าใจเช่นกัน เขาหมายความว่ายังไง? ฉันน่ะเหรอมีสิทธิ์อยู่ในห้องนี้?
เฮียสิงห์หันมาจ้องตาฉันนิ่ง แววตาเขานิ่งเรียบไม่แพ้ใบหน้า แต่ทว่าฉันกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างในแววตาเขา
“เพราะเธอเป็นผู้หญิงของฉัน”
วะ… ว่าไงนะ?
“ผู้หญิงของสิงห์งั้นเหรอ? หมายความว่ายังไง? สิงห์จะบอกว่าเธอคือผู้หญิงที่สิงห์ควงด้วยช่วงนี้น่ะเหรอ?” ยัยพี่พริมตีความคำพูดเพียงประโยคเดียวของเฮียสิงห์ให้ออกมาในรูปแบบที่แย่ได้ขนาดนี้เชียว
ผู้หญิงที่เฮียสิงห์ควงด้วยงั้นเหรอ… น่าขำชะมัด!
ฉันกำหมัดแน่นกว่าเดิม ทว่ากลับต้องสะดุ้งหน่อย ๆ เมื่อถูกฝ่ามือหนาเอื้อมมากุมทับกำปั้นเอาไว้ หันมองเจ้าของฝ่ามือนั้นด้วยความตกใจ เฮียสิงห์ไม่ได้มองหน้าฉันแล้ว สายตาเขามองตรงไปทางยัยพี่พริมนั่น แววตาเย็นชาสุดขั้วอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
“คำว่าผู้หญิงของฉัน… ก็คือของฉัน”
“…”
“คือคนสำคัญที่ใครหน้าไหนก็ห้ามแตะ”