จวนสกุลโม่
“เหวินจีเจ้าหายป่วยในเร็ววันเถิด”
“เจ้านอนป่วยไม่ได้สติเช่นนี้ ข้าแทบไม่อยากทำอะไร”
ถ้อยคำหวานล้ำของโม่ชิงหานเอ่ยซ้ำไปซ้ำมาอยู่ข้างกายน้องสาว อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะถึงกำหนดงานแต่งของโม่ชิงหานกับคุณหนูเฉาอี้
โม่เหวินจีบุตรีคนรองของสกุลโม่กลับล้มป่วยกระทันหากนางไม่ฟื้นฤกษ์แต่งงานครั้งนี้เป็นอันถูกเลื่อนออกไปก่อน สกุลเฉาย่อมเห็นใจหากสกุลโม่ไม่อาจทำใจจัดงานมงคล
วันนี้โม่ชิงหานได้วันหยุดพักจึงมาอยู่เฝ้าโม่เหวินจี ผู้เป็นน้องสาว นางล้มป่วยไม่ฟื้นเช่นนี้ส่วนลึกในใจเขาร้อนรนหากดึงดันจะจัดงานแต่งทั้งที่นางยังไม่ได้สติเช่นนี้โม่ชิงหานทำไม่ลง
โม่เหวินจีของเขานางน่ารักสมวัย ใบหน้าอ่อนหวานแฝงแววขี้เล่นดวงตากลมโตสดใส โม่ชิงหานในฐานะพี่ชายได้แต่เก็บเอาไว้ให้ลึกสุดก้นบึ้งหัวใจ
“...อา....”
เสียงครางแผ่วเบาจากริมฝีปากโม่เหวินจีเรียกสติของโม่ชิงหานให้ตื่นตัว
“เหวินจีเจ้าฟื้นแล้ว”
ในที่สุดโม่เหวินจีก็ฟื้นใบหน้าน้อยซูบซีดจ้องมองใบหน้าโม่ชิงหาน รอยยิ้มยินดีเมียงมองดวงหน้าคมเข้ม
“ท่านพี่”
“เจ้าฟื้นแล้วเหวินจีของพี่”
“เจิ้งสุ่ยให้คนไปตามท่านหมอมา!! น้องสาวข้าฟื้นแล้ว”
โม่ชิงหานตะโกนออกไปสั่งบ่าวคนสนิทให้ตามหมอ ใบหน้าคมเข้มประดับรอยยิ้มอ่อนโยนในที่สุดนางก็ฟื้น
โม่เหวินจีริมฝีปากคล้ายเอื้อนเอ่ยถ้อยคำบางอย่างหากแต่นางอ่อนแรงนัก ร่างบางผลอยหลับไปอีกครั้งและรู้สึกตัวตื่นในเช้าวันใหม่
***
ข่าวการหายป่วยอย่างปาฏิหาริย์บุตรีคนรองสกุลโม่นำความอิ่มเอมกลับมาสู่จวนอีกครั้ง อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะถึงวันสำคัญของตระกูล โม่เหวินจีฟื้นจากอาการป่วยเช่นนี้คนสกุลโม่ได้แต่ขอบคุณสวรรค์
“เหวินจีเจ้าออกมาตากลมเย็นอีกแล้ว”
“ท่านพี่ผู้ใดว่าข้าตากลมกันเล่า ข้าเพียงออกมานั่งตากแดดนอกเรือนต่างหาก”
โม่ชิงหานใบหน้าประดับรอยยิ้มนั่งลงข้างกายนาง ดวงหน้าคมเข้มของพี่ชายแม้มีรอยยิ้มประดับหากแต่ความกังวลในดวงตาส่วนลึกนั้นโม่เหวินจีสัมผัสได้
“ท่านพี่ข้าปักถุงหอมมงคลเป็นของขวัญให้ท่านวันแต่งงาน”
“ข้าไปเอาออกมาให้พี่ดูดีหรือไม่”
โม่เหวินจีเตรียมลุกจากที่นั่งเข้าไปด้านใน มือหนาของโม่ชิงหานดึงรั้งนางไว้
“เจ้าอย่าลำบากเลย วันงานข้าก็ได้เห็นแล้วไม่ใช่หรือ”
โม่เหวินจีดวงตาพลอยวูบไหว นางรู้ดีพี่ชายนางไม่ได้ยินดีเข้าพิธีแต่งงาน ที่ผ่านมาเขาไม่เคยแสดงออกให้เห็นหรือคุณหนูเฉาผู้นั้นไม่ดีต่อท่านพี่ของนาง เช่นนี้นางยังมีหวังอยู่หรือไม่
“เหวินจีเจ้าเป็นอันใดไป เจ้าต้องลมเย็นเข้าแล้วใช่หรือไม่”
โม่ชิงหานประคองใบหน้าแดงซ่านของน้องสาวไว้ในฝ่ามือ เหตุใดนางถึงหน้าแดงเช่นนี้ได้หากไม่ใช่เพราะออกมานั่งตากลมเย็น
“...ท่าน...ท่านพี่ข้าร้อนต่างหากเจ้าค่ะ”
“เราเข้าข้างในกันเถอะเจ้าค่ะ”
โม่เหวินจีคว้าแขนพี่ชายจับจูงเขาเข้าไปในเรือน
“หลายวันมานี้ข้าไม่เห็นคุณหนูเฉามาที่จวน”
“ใบหน้าท่านพี่ดูไม่สดชื่นคงเป็นเพราะเหตุนี้กระมัง”
โม่เหวินจียิ้มบางนางเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว คุณหนูเฉาอยู่เป็นประจำถึงได้ล่วงรู้ พี่ชายของนางมีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพน้อยสตรีใดบ้างไม่ชื่นชอบเขา
“ข้าให้คนส่งข่าวไปบอกว่าวันนี้ข้าไม่อยู่ที่จวน”
“พรุ่งนี้นางคงมากระมัง” โม่ชิงหานตอบ
“ท่านพี่มีงานต้องทำเช่นนั้นข้าไม่รบกวนท่านพี่เจ้าค่ะ”
“รบกวนอันใดกันเหวินจีเจ้าเป็นน้องสาวข้าต่อไปอย่าได้เอ่ยเช่นนี้อีก”
ฝ่ามือหนาลูบเรือนผมโม่เหวินจีแผ่วเบา
“ข้าให้เจิ้งสุ่ยไปจัดการไว้แล้วพอดีว่าข้าไม่ต้องไปจัดการเอง”
“หากจะให้คนส่งจดหมายไปสกุลเฉาอีกเกรงจะรบกวนมากไป”
“ข้าเลยมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้อย่างไรเล่า”
“เด็กโง่”
รอยยิ้มงดงามเจิดจ้ารับกันกับใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม โม่ชิงหานสมกับเป็นแม่ทัพน้อยสกุลโม่ผู้เลื่องลือ
“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ”
“ว่าแต่วันนี้ใบหน้าท่านดูไม่ค่อยดีเลย ท่านพี่มีเรื่องไม่สบายใจหรือเจ้าคะ”
โม่เหวินจีเอ่ยถาม เห็นใบหน้าผู้เป็นพี่ชายไม่สู้ดีอย่างว่าหรือทางชายแดนมีเรื่องด่วน
“เจ้าผู้เดียวที่รู้จักพี่ทะลุปรุโปร่ง”
“หลายวันก่อนท่านพ่อเปรยให้ฟัง เร็ววันนี้ฝ่าบาทจะทรงมีบัญชาเรียกแม่ทัพหัวเมืองทั้งหมดเข้าประจำการ”
“เช่นนี้สกุลโม่ย่อมรวมอยู่ในนั้น”
“จากไปครั้งนี้ไม่รู้อีกกี่ปีจะได้กลับมาหยางโจวอีก” เอ่ยถึงตรงนี้โม่ชิงหานพลันเงียบไป
“เป็นห่วงก็แต่เจ้า”
ได้ยินวาจาพี่ชายเช่นนี้ดวงตากลมโตของโม่เหวินจีหยดน้ำตาพลันร่วงหล่น
“ข้าไม่อยากห่างเจ้าเหวินจี”
“เรื่องของเรา” โม่ชิงหานไม่อาจเอ่ยจนจบประโยค
ชะตาชีวิตบุรุษในกองทัพอยู่ห่างไกลเมืองหลวงนับพันหลี่ไม่รู้วันใดจะได้กลับมาเยี่ยมบ้าน
“ท่านพี่” ใบหน้าน้อยเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“อย่าร้องให้เลยเหวินจี เจ้าเป็นเช่นนี้พี่ปวดใจนัก”
จุมพิตแผ่วเบาประทับลงบนพวงแก้มนุ่มนิ่ม โม่เหวินจีเบิกตากว้าง กลางวันเช่นนี้โม่ชิงหานไม่กลัวผู้อื่นจะมาเห็นเข้าหรือ
“ข้าไม่อยากแต่งงานเจ้าก็รู้”
“เจ้าเท่านั้นคือดวงใจของข้า”
ฐานะของโม่ชิงหานกับโม่เหวินจีคือพี่น้องร่วมสกุล หากแต่แท้จริงแล้วโม่เหวินจีเป็นเพียงเด็กที่มารดาโม่ชิงหานเก็บมาเลี้ยง พวกเขาหาได้มีสายเลือดเกี่ยวพันกันไม่
ครั้งนั้นโม่ฮูหยินติดตามแม่ทัพโม่ไปอยู่เมืองชายแดน ที่นั่นไฟสงครามยังไม่สงบนักครอบครัวของโม่เหวินจีสิ้นใจ ทั้งครอบครัวเหลือแต่เพียงทารกเพศหญิงตัวเล็กแดง
โม่ชิงหานเฝ้าดูแลทะนุถนอมโม่เหวินจีดั่งไข่มุกกลางฝ่ามือ เด็กน้อยเติบโตมาเป็นหญิงงามทั้งสองคนกลับเกิดความรักต้องห้าม สกุลโม่มีสัญญาหมั้นหมายบุตรีสกุลเฉาตั้งแต่พวกเขาลืมตาดูโลก โม่ชิงหานบ่ายเบี่ยงเรื่อยมาจนสุดท้ายไม่อาจยืดเวลาต่อไปได้
“คุณหนูเฉาจะยอมไปอยู่ชายแดนกับท่านหรือเจ้าคะ”
เพียงนึกถึงคุณหนูเฉาผู้แสนอ่อนโยนผู้นั้นโม่เหวินจีน้ำตาเม็ดโตไหลลงอาบแก้มนวลเป็นสาย
“อย่าพูดถึงนางเลย”
“ข้าจะยินดียิ่งนักหากนางรั้งจะอยู่หยางโจว”
โม่ชิงหานเอ่ยทั้งยังถอนใจ
“วันพรุ่งนี้นางคงมาให้คำตอบท่านกระมัง”
ไม่รู้คุณหนูเฉาจะคิดอ่านอย่างไรในใจโม่เหวินจีได้แต่เจ็บช้ำ หากเป็นนางย่อมยินดีเดินชมทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เคียงคู่โม่ชิงหานต่อให้ไปไกลสุดขอบฟ้านางก็จะไป
**************
โปรดติดตาม