“อ่า… ให้ตายสิหวานเธอช่าง…” อัคคีกัดแน่นกับความคับตึง เขาโจนจ้วงจนสุดทางรักแล้วก็หยุดนิ่ง ไม่เคยรู้สึกต้องเหนื่อยอะไรเช่นนี้มาก่อน แต่ถึงหากจะเหนื่อยก็เป็นความเหนื่อยที่น่าพอใจอย่างยิ่งยวด ความต้องการทางกายบอกให้เขาห้อตะบึงหลังจากนี้ ทว่าความรู้สึกจากสำนึกส่วนลึกบอกกับเขาว่าให้ช้าๆ แม้ตัวเขาจะร้อนเกินขีดจำกัด แต่ยังอดทนเพื่ออะไรก็ไม่รู้ที่คับแคบเหมือนกับ… แต่กระนั้นเขาก็เริ่มขยับ สะโพกสอบแข็งแรงค่อยๆ เคลื่อนไหวท่ามกลางความคับฝืด เพียงครั้งแรกที่ขยับเขาก็รับรู้สึกความซาบซ่านที่พวยพุ่ง
“ฮื้อ…” ใบหน้าหวานพลิกไปอีกด้านด้วยความเจ็บระคนเสียว มือเล็กจิกลึกลงไปยังผ้าปูที่นอนจนยับย่น สองขาเรียวงามถูกยกขึ้นพร้อมจังหวะห่มรักซัดสาดลึกลงไปเป็นจังหวะ คิ้วหนาขมวดพันกัดฟันเมื่อกลีบกุหลาบโอบรัดสัดส่วนแนบแน่น ดวงตาคมกริบที่พร่าเลือนกวาดมองดวงหน้าหวานที่สะบัดไปมาแล้วเม้มปากก่อนจะซัดกระแทกหนักหน่วงขึ้นตามลำดับอารมณ์…
“หวาน… อ่า มธุรส อ่า!”
“อ๊ะ!” จากเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นซ่านสยิว ทุกจังหวะการโจนจ้วงระยะหลังเต็มไปด้วยความหฤหรรษ์อย่างที่มธุรสไม่เคยพานพบ ความเจ็บปวดที่เผชิญก่อนหน้ามะลายหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ ดวงหน้าหวานเหยเกด้วยเสียวซ่าน เผลอไผลเมื่อไรเป็นต้องยกสะโพกตอบรับแรงโหมจากเบื้องบน หลายครั้งที่ได้ยินเสียงหวีดหวานครางแผ่วๆ แล้วให้นึกคุ้น แต่พอลองฟังอย่างตั้งใจก็ต้องสะท้านวาบหน้าร้อนวูบ ที่แท้!เสียงกระเส่าอันน่าละอายนั้นมิใช่เสียงของผู้ใดแต่เป็นเสียงครวญครางที่ออกมาจากลำคอของหล่อนเอง!
ช่างน่าละอายนัก! ทว่าหล่อนกลับไม่อาจหักห้ามความรู้สึกนั้นได้เลย นอกเสียจากปลดปล่อยมันออกไปพร้อมกับที่กำลังรับมันเข้ามานั่นเอง…
อัคคีโยกไหวแรงขึ้นเร็วขึ้นท่ามกลางเสียงครางครวญของคนใต้ร่าง เขาแหงนเงยใบหน้าพลางสูดปากคราง ดึงมือข้างหนึ่งที่กระชับท่อนขาเรียวสวยไว้ขึ้นแตะสะโพกสอบของตน พลางสาดห่มขย่มรักอัดใส่ลงในกายสล้าง เร่งเร้าระคนผ่อนเบาลงเป็นระยะก่อนห้อตะบึงสุดแรงเกิดแล้วลดความเร็วลงอย่างต้องการยืดหยัดอยู่บนเส้นทางโลกีย์ต่อไปให้นานเท่านาน ขณะที่ร่างเล็กก็ดิ้นรนที่จะปลดปล่อยตัวตนออกจากสถานการณ์วาบหวามนี้ ทว่ายิ่งเร่งเร้าเขาก็ยิ่งยื้อ กระทั้งจู่ๆ เขาก็หยุดเคลื่อนไหวท่ามกลางความรู้สึกจวนเจียน…
“อื้อ! อาเพลิง!” ผวาตัวตามร่างใหญ่ที่ผละห่าง แต่แล้วก็อุ่นวาบเมื่อเขาซุกตัวลงนอนจับหล่อนพลิกตะแคง เสร็จสรรพก็กดลึกลงมาจากด้านหลัง หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขมวดคิ้วเมื่อตัวตนใหญ่โตคืบคลานเข้ามาในกายหล่อนอีกครั้ง แล้วขยับเข้าออกเบาๆ สองสามครั้งก่อนจะเพิ่มความหนักหน่วงพร้อมกับมือหนาที่เอื้อมข้ามมาขยี้ขยำทรวงงาม สะกิดตุ่มไต่สีเข้มที่ชูชันรอคอยสัมผัส ริมฝีปากร้อนจูบไล้ไปยังนวลแก้มหอม ซอกคอระหงและบ่าไหล่บอบบาง ทุกอย่างแลคล้ายจะอ่อนโยนทว่าหนักหน่วงในที
“อาเพลิงขา อาเพลิง” สะอื้นด้วยเสียงพร่าบ่งบอกความปรารถนาอันล้ำลึก
“ว่าไง… ชอบแบบนี้ใช่ไหมหือ?” ถามด้วยน้ำเสียงกระเส่าพร้อมกับย้ำสะโพกลงไปในช่องทางรักหนักๆ จนเกิดเสียงสวาทเป็นระลอก คนถูกโถมรักสั่นสะท้านไปทั้งร่างและเม้มปากแน่น แต่พออารมณ์รักจวนจะพุ่งสูงสุดเขาก็หยุดอีก
“อาเพลิงอย่า!” ช้าไปกว่าร่างสูงที่ผละห่าง หญิงสาวกัดฟันแน่นขณะที่เขาหัวเราะกระหึ่มในลำคอ “หวานเกลียดอาเพลิง!”
“เดี๋ยวเธอจะไม่พูดแบบนี้อีก…” เขากระซิบอีกขณะรั้งเอวเล็กของหญิงสาวขึ้น จัดให้อยู่ในท่าคุกเข้าและนอนราบไปกับเตียงก่อนจะกดความกำยำลงไปในช่องทางมหัศจรรย์รวดเดียวสุดทางรัก ก่อเกิดเสียงหวีดหวานเพราะความเจ็บปนสยิว
“โอ๊ย! อ่า…” เสียงกระแทกหนักๆ จากเบื้องหลังทำให้หญิงสาวเริ่มขยับตัวเคลื่อนไหวตาม สะโพกกลมสวยเชิดรับแรงกระทบ สะบัดเสยในบางครั้งที่อารมณ์จวนเจียน สร้างความฮึกเหิมให้กับคนข้างหลังอย่างถึงที่สุด
“อ้า! พระเจ้า! หวาน หวาน!” มือหนาสอดเอื้อมขยำยวงเนื้องดงามหนักๆ แล้วเลื่อนลงมาคว้าเอวคอดแล้วอัดใส่ถาโถมแรงเร็ว สะท้านสุดๆ กับรสรักเพลิงสวาทที่ได้รับขณะนี้ ความคับแน่นเหมือนของสดใหม่ที่ได้รับจากมธุรสก่อเกิดความหวามลึกในช่องอก หญิงสาวซุกหน้ากับหมอนใบโตแล้วครวญครางไม่เป็นส่ำ แอ่นสะโพกรอการสาดเสยความเสียวเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง!
“อาเพลิง ไม่ไหว! หวานจะไม่ไหวแล้ว!” พลันสิ้นเสียงร้องเรียกฝีเอวติดจรวดของอัคคีก็รัวถี่ราวกับบั้นท้ายของเขานั้นคือสปริงชั้นดีเยี่ยมที่มีการยืดหยุ่นสูงจนคนที่รอรับการเติมเต็มถึงกับกรีดร้องไม่เป็นภาษา หมดความสนใจว่าใครต่อใครจะแตกตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเข้าใจผิดคิดไปว่าอาจมีใครสักคนต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน!
“อาเพลิง!”
“โอ้! หวาน! หวาน!” สิ้นสุดเสียงห้าวที่คำรามลั่นสะโพกไฟก็อัดกระแทกลงมาเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับหยาดลาวาแห่งความพิศวาสที่เตรียมปลดปล่อยลงสู่ช่องทางรัก ทว่าสติที่ยังคงมีแม้จะมึนเมาในรสรักทำให้เขารีบไถ่ถอนตัวตนออกจากกลีบกุหลาบแสนหวาน ปลดปล่อยหยาดรักพวยพุ่งหลั่งไหลสู่ภายนอก ก่อนจะรั้งร่างบางลงนอนราบไปกับที่นอนด้วยอาการหอบสะท้าน…
เมื่อทุกอย่างผ่านพ้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็กลับคืนมาอีกครั้ง ริมฝีปากเต็มอิ่มที่ถูกบดจูบครั้งแล้วครั้งเล่าเม้มเก็บกลั้นเสียงสะอื้น อดสูกับสิ่งที่เขาทำกับเรือนร่างของหล่อนเหลือเกิน จึงขยับหนีเมื่อชายหนุ่มดึงรั้งหล่อนเข้าหา แต่คนเบื้องหลังกลับเบียดตัวเข้าใกล้ หัวไหล่มนถูกจูบไซ้ เช่นเดียวกับเต้าอวบงามที่ถูกเค้นคลึงเบาๆ ราวหยอกเย้า
“ยะ… อย่า พอที…” เสียงหวานที่สั่นพร่านั้นไม่ทำให้อัคคีคิดทำตาม อาจเป็นเพราะด้วยฤทธิ์จากยาทำให้เขายังต้องการแม้จะเพิ่งเสร็จสมไปแล้วหนึ่งครั้ง ความเป็นชายที่เต็มตื้อกับรสรักก็ผงาดชูชันอีกยามต้องผิวเนื้ออ่อนนุ่ม ไม่สนใจมือน้อยที่ปัดมือของเขาออกและเหนี่ยวไหล่บางให้หันมายังเขา ก่อนจะเข้าครอบครองอีกครั้งอย่างเร่าร้อน ความเจ็บปวดยังคงมีอยู่ แต่เมื่อผ่านไปเพียงครู่ความรู้สึกนั้นก็ถูกขจัดออกไปโดยคนตัวโต มือเล็กทั้งสองโอบกอดรอบกายเขาแน่นขึ้นเพราะความสะท้านกับคลื่นสวาทที่ถาโถมเข้าใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า และหญิงสาวก็รองรับความพิศวาสที่เขายัดเยียดเข้ามาในกายอย่างดุเดือดเร่าร้อนปานกัน และก่อนที่อะไรๆ จะพร่าเลือนและดับวูบ…
คืนนั้น… มธุรสก็ได้ปลดปล่อยน้ำหวานอาบไล้แก่อัคคีครั้งแล้วครั้งเล่า หล่อนไม่รู้หรอกว่าได้สิ้นสติไปในตอนไหน รู้เพียงว่าก่อนหลับตาลงเขายังคงแข็งแกร่งในตัวหล่อน และยังคงห้อตะบึงไปยังจุดหมายปลายทางที่เขาปรารถนา และหล่อนก็อ่อนเปลี้ยจนเกินกว่าจะตอบสนองหรือต่อต้านเขาได้อีกต่อไป…
เช้ามืด มธุรสรู้สึกตัวตื่นพร้อมกับความปวดร้าวไปทั้งร่างกายโดยเฉพาะจุดซ่อนเร้น หญิงสาวพยายามขยับตัวให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากท่อนแขนหนาหนักที่วางพาดบนเอวคอดทำให้ต้องชะงัก ดวงตากลมโตรื้นหยาดน้ำนั้นหลุบมองใบหน้าคมคายที่หลับพริ้ม ยามนี้เขาก็ดูเหมือนกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไร้ซึ่งพิษสง คิ้วหนาที่มักขมวดเข้าหากันเรียบตรงผ่อนคลาย ริมฝีปากที่คอยแต่จะเยาะหยันหล่อนทุกเมื่อเชื่อวันเผยอน้อยๆ
และเมื่อคืน…
เขาทำให้หล่อนรู้ว่ามันร้ายกาจแค่ไหนเมื่อพรหมไล้ไปทั่วผิวกายที่ได้รับการดูแลอย่างดีตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่เขาจะรู้หรือไม่ว่าได้ทำให้ผู้หญิงสาวบริสุทธิ์ไร้ราคีคาวคนหนึ่งต้องแปดเปื้อนก่อนเวลาอันควร คำตอบที่หล่อนได้รับคือเขาไม่แม้จะหยุดถามว่าหล่อนรู้สึกเช่นไรในเวลานั้น แม้หล่อนจะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขาก็ไม่ได้นำพาต่อความรู้สึกรู้สาของหล่อน เขาห้อตะบึ้งโจนจ้วงราวกับคนโหยหิวอดโซมาเนิ่นนาน พอมาเจอบ่อน้ำหรือแหล่งอาหารอันโอชะเขาก็ตระกุมตระกรามดื่มกินอย่างเอาแต่ใจ…
หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้งขณะยกมือหนาออกจากตัวของหล่อนอย่างแผ่วเบา เหลือบมองไปยังนาฬิกาตั้งโต๊ะก็เห็นเป็นเวลาอันสมควรที่หล่อนต้องไปเสียที หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่าหล่อนไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ยานอนหลับเมื่อคืนทำให้เขาคึกจนไม่หลับไม่นอน และหล่อนก็ได้กลายมาเป็นคนที่หลับเป็นตายแทนเขากระทั่งเช้ากึก!
ก้าวขาลงจากเตียงแผ่วเบา พยายามไม่มองร่างเปลือยเปล่าที่นอนตะแคงนั้น รีบร้อนใส่เสื้อผ้าท่ามกลางความรู้สึกปวดแปลบที่ยังคงอยู่ แต่ก็ไม่ลืมหันมาดึงผ้าห่มผืนหนาห่มคลุมให้กับคนที่ยังหลับใหล หญิงสาวแค่นยิ้มให้กับตนเองที่ยังอุตส่าห์นึกห่วงกลัวเขาจะหนาวทั้งที่เขานะคือไฟชัดๆ..
“หวังว่าอาเพลิงคงจะรู้นะคะ ว่าหลังจากนี้อาเพลิงควรจะทำอย่างไรกับหวาน หวานจะไม่เซ้าซี้อาเพลิง แต่ขอให้อาเพลิงรู้ด้วยตัวเอง เพราะหวานเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเมื่ออาเพลิงตื่นขึ้นมาแล้ว อาเพลิงจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคน…”
มธุรสพึมพำกับร่างที่นอนนิ่งบนเตียง น้ำตาซึมรื้นขึ้นก็กล้ำกลืนมันลงไปอีกครั้ง เดินไปจนถึงประตูบานสูงก็หันกลับมามองเขา คนที่ครอบครองหล่อนอย่างเร่าร้อนรุนแรงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ไม่อาจบอกตนเองได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ เขาร้อนดั่งไฟสมชื่อ เมื่อคืนเขาก็ทำให้หล่อนรู้มาแล้ว หากตื่นมาพบกับสภาพของตนเช่นนี้จะทำอย่างไร สังหรณ์เหลือเกินว่าจากนี้อาจมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปทางไหนคงไม่อาจตอบได้เลยจริงๆ