ยิ่งแกล้งยิ่งกลัว

1215 Words
ตอนที่3 “กรี๊ดดดด” มินตราร้องสุดเสียงเมื่อคนขับเหยียบเบรกจนศีรษะเธอกระแทกกับคอนโซลหน้ารถ “ไอ้โชน ฉันไม่นั่งกับนายแล้ว” มินตราเปิดประตูรถและคว้ากระเป๋าสะพายลงจากรถไป “โชนแกแกล้งมิลค์ทำไมอ่ะ” “แล้วใครจะมานั่งกับฉัน” “นายขับไปคนเดียวเลย ไม่มีใครไปเสี่ยงตายกับนายหรอก” มินตราตะโกนดังลั่นก่อนจะหนีไปขึ้นรถคันที่เชนทร์ขับ “เธอ มานั่งเป็นเพื่อนฉัน” ณิชาหน้าถอดสีเมื่อเขาชี้นิ้วมาที่เธอ “คือ...” “กลับไปขึ้นรถกันได้แล้ว” ไม่พูดเปล่าร่างสูงยังจับข้อมือของคนหน้าซีดให้เดินไปขึ้นรถกับเขาด้วย “โชน เดี๋ยวก่อนสิ” ณิชาร้องห้ามคนที่เพิ่งยัดเธอเข้ามาในรถและกำลังจะปิดประตู “อะไรอีกวะ แค่ให้มานั่งเป็นเพื่อน” “มือถือของเราอยู่ในรถเชนทร์” “รออยู่นี่แหละเดี๋ยวไปเอามาให้” ปึง! ร่างบอบบางสะดุ้งโหยงเมื่อเขาปิดประตูรถอย่างแรง แค่เพียงไม่ถึงนาทีกระเป๋าใบเล็กของเธอก็ถูกโยนลงมาบนหน้าตัก ก่อนที่คนขับจะออกรถอย่างหน้าหวาดเสียวจนเธอใจหายครั้งแล้วครั้งเล่า เขาสังเกตว่าเธอนั่งเงียบมาตลอดทางจึงแกล้งเหยียบคันเร่งจนมิด อยากรู้ว่าคนพูดน้อยอย่างณิชาจะพูดกับเขาไหมหากว่ากำลังกลัวตาย “กลัวมั้ย” หญิงสาวรีบพยักหน้าหงึกๆ เธอกลัวจนมือเย็นเฉียบเขาดูไม่ออกเหรอ เท้าที่เหยียบคันเร่งค่อยๆ คลายออกเมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจแล้ว “กลัวแล้วทำไมไม่พูด” “เรา...เรากลัวโชนว่า” “กลัวฉันทำไม” “...” ณิชาเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าพูดออกไป ร่างสูงไม่ได้สนใจที่ณิชาไม่ได้ให้คำตอบ เธอคงกลัวเพราะว่าเขารู้ทันเธอไง ว่าไม่ได้ใสซื่ออย่างที่แสดงออกมาให้ใครต่อใครเห็น เพราะในอดีตเขาเคยโง่ให้กับผู้หญิงแบบนี้มาแล้วหนหนึ่ง ผู้หญิงพวกนี้มารยาชอบเอาความใสซื่อมาหลอกล่อผู้ชาย ..... “เชนทร์ โชนมันบ้าอะไร เมื่อเช้านายแย่งข้าวมันกินหรอ” “มันบ้า ยิ่งมันรู้ว่าเธอกลัวสิ่งที่มันทำมันก็ยิ่งทำให้กลัว” “ถึงว่านายนั่งรถกับไอ้บ้านนั่นได้ไง นายไม่กลัวมันนี่เอง” “แก้ม แกเห็นหรือเปล่าว่ามันไม่ได้ขับรถเร็วแล้ว” “จริงด้วย แสดงว่าณิชาไม่กลัวที่มันขับเร็วอ่ะดิ” “ขากลับแกไปนั่งกับมันเลยแก้ม ให้ณิชามานั่งกับเชนทร์” “เรื่องอะไร ณิชาไม่กลัวก็ให้ณิชานั่งไปสิ” กว่าจะถึงที่หมายณิชาแทบจะอาเจียนออกมาให้ได้ ขนาดว่าเขายอมลดความเร็วลงแล้วแต่ถนนค่อนข้างเคี้ยวคด คนไม่เคยเดินทางไกลจึงมีอาการเวียนหัว “เป็นอะไร” “ป..เปล่า” “ก็เห็นอยู่ว่าเป็น” ยังไม่ทันได้คำตอบรถของเชนทร์ก็จอดเทียบข้างรถที่โชนจอดอยู่ก่อน “ไหนแกว่าณิชาไม่กลัวไง แกดูหน้าซิน่ะ” “ไม่รู้ดิ” “โอเคมั้ยณิชา” “อะ..โอเค เราไม่ได้เป็นอะไร” “ชาวบ้านทำอาหารไว้รอที่อาคารเอนกประสงค์ของโรงเรียนนะ ไปหากินกันเองได้เลย” รุ่นพี่คนหนึ่งเดินมาบอกกับพวกเธอ “ณิชาไปหาข้าวกินกันก่อนมั้ย” “แก้มกับมิลค์ไปกินกันเถอะ เรายังไม่อยากกินน่ะ เดี๋ยวเราเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงนอนก่อนนะ” พูดจบก็ถือกระเป๋าเสื้อผ้าไปยังโรงนอนชั่วคราวที่เป็นเพียงผ้าใบขึงเป็นหลังคาและเสื่อที่ชาวบ้านน่าจะยืมมาจากวัดปูให้นอน นักศึกษาบางคนก็นอนพักอยู่เพราะเพลียจากการนั่งรถทางไกล เธอกลัวว่าจะทำเสียงดังรบกวนคนอื่นจึงเดินออกมาหาที่คุยโทรศัพท์กับแม่ “แทบไม่มีสัญญาณเลย” โทรไปก็คงจะคุยกันไม่รู้เรื่องณิชาจึงเดินหน้าไปเรื่อย ๆ เมื่อเห็นว่าสัญญาณโทรศัพท์เริ่มจะมากขึ้น แต่จู่ๆ มันก็หายไป “อ้าว หายหมดเลย” “โทรหาผู้ชายในสต็อกหรอ” ณิชาหันขวับไปด้านหลังเมื่อเสียงคุ้นหูดังขึ้น “โชน...” “ไม่เถียงด้วย แสดงว่าที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย” ชายหนุ่มพ่นควันบุหรี่ออกมาก่อนจะพูดจายียวนหญิงสาว “อย่าคิดมาหลอกไอ้เชนทร์” ณิชามองหน้าชายหนุ่มน้ำตาคลอแต่คนมีอคติหาได้สงสารซ้ำยังมองว่าเธอมารยา “น้ำตาของเธอไม่มีผลอะไรกับผู้ชายที่รู้ทันเธออย่างฉันหรอกณิชา อย่าพยายาม” “ถามจริงๆ นะโชน เกลียดเราขนาดนั้นเลยหรอ” เธอไม่กล้าอยู่รอฟังคำตอบจึงเลือกเดินหนีออกมาก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร คำพูดของโชนทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับการเป็นเพื่อนกับพวกเขา จากที่เป็นคนพูดน้อยก็กลายเป็นแทบจะไม่พูดเลย “ณิชาโกรธอะไรพวกเราหรือเปล่าวะ เงียบแปลกๆ” กวินนากระซิบกระซาบเมื่อณิชายังไม่เดินมาหาพวกเขา “หรือว่าจะโกรธที่เราปล่อยให้นั่งรถมากับโชนวะ” “นั่งมากับฉันแล้วเป็นยังไง” สองสาวกรอกตาเมื่อคนที่ถูกพูดถึงพูดสวนขึ้นมา “นอกจากเชนทร์ก็ไม่มีใครอยากไปกับนายหรอก โรคจิตหรือเปล่าชอบเล่นลนุกกับจุดอ่อนคนอื่น” “มิลค์!” “พอๆ หยุดเลยทั้งคู่ ณิชาเดินมานู่นแล้ว” บทสนทนาเมื่อครู่ตัดจบเมื่อณิชาเดินมานั่งผิงไฟกับพวกเขาเงียบๆ “ณิชา โกรธอะไรพวกเราหรือเปล่าอ่ะ” “เปล่า เราจะโกรธพวกเธอเรื่องอะไรล่ะ” “ก็เห็นเงียบไปอ่ะ นึกว่าโกรธอ่ะดิ” โชนกอดอกมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าอย่างพินิจ อยากรู้ว่าท่าทางนี้ของเธอคือการแสดงอีกหรือเปล่า “ณิชาพูดน้อยแต่เธอสองคนก็พูดเยอะเกิน คุยอะไรกันนักหนา” “ปากเสียติดแฝดน้องมาหรอเชนทร์ คำพูดคำจาอ่ะนะ” “มาเกี่ยวอะไรกับฉันวะแก้ม” “แกมันเป็นผู้ชายปากหมาไงโชน มิลค์แกจำวันที่มันด่าแพรไหมได้มั้ย กลางโรงอาหารอ่ะ คนอื่นนี่เงียบกริบเลย” ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ในวันนั้นที่เงียบกริบ ตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน กว่ากวินนาจะรู้ตัวว่าพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดโชนก็เดินออกไปแล้ว “ยัยแก้มพูดถึงแพรไหมทำไมเนี่ย ดูดิมันโกรธแน่เลย” “ฉันลืมตัวอ่ะ ก็มันฝังอยู่ในหัวจริงๆ นะ” “ณิชาได้กินข้าวหรือยัง กลางวันก็ไม่ได้กิน” เชนทร์ถามณิชาที่นั่งเงียบกริบมาพักหนึ่ง “เรากินแล้ว เชนทร์ล่ะกินได้มั้ย” “ได้สิ ทำไมจะกินไม่ได้ล่ะ” “ไม่รู้สิ เราเห็นมีแต่กับข้าวธรรมดา กลัวว่าเชนทร์จะไม่เคยกิน” “เราก็คนธรรมดานะ คิดอะไรอยู่เนี่ย” ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู ลืมไปเลยว่าเพื่อนอีกสองคนยังนั่งอยู่ตรงนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD