1 สบตาแรก

1265 Words
เสียงล้อลากของรถเข็นขายของดังแว่วมาตามทางเดินยาวของโรงพยาบาล กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่คุ้นเคยลอยอบอวลอยู่ในอากาศจนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการหายใจ เพียงขวัญกระชับถุงผลไม้ในมือก่อนจะผลักบานประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษเข้าไปเบาๆ ภาพแรกที่เห็นทำให้เธอหลุดยิ้มออกมาบางๆ เพื่อนสาวคนสนิทของเธอนอนอยู่บนเตียงในชุดผู้ป่วยสีฟ้าอ่อน ขาข้างขวายกสูงขึ้นเล็กน้อย บนนั้นมีโครงเหล็กสีเงินวาววับยึดตรึงอยู่กับกระดูกผ่านผิวหนัง แลดูน่าหวาดเสียวจนคนมองอดไม่ได้ที่จะเสียวแปลบไปทั้งตัว “ยัยเปิ้ล... เป็นไงบ้าง” เพียงขวัญเอ่ยทัก พลางเดินเอาของไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง “ก็ยังหายใจอยู่จ้ะเพื่อนรัก” อารีรัตน์ หรือเปิ้ลตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะสดใสเกินจริง “มาซะทีนะ นึกว่าจะปล่อยให้ฉันเหงาตายคาเตียงซะแล้ว” “เวอร์ไปน่า แค่รถติดนิดหน่อยเอง” เพียงขวัญลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ สายตาจับจ้องไปยังโครงเหล็กที่เพื่อนเรียกว่าเอ็กฟิกอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ “แล้วขาที่หักเป็นไงบ้างล่ะ เจ็บมากไหม โอ้โห... ถึงกับมีเสาอากาศส่วนตัวเลยเหรอเนี่ย” เปิ้ลหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็ยังแฝงความเจ็บปวดไว้ในแววตา “เสาอากาศรับสัญญาณไวไฟมั้ง เห็นเขาบอกว่ากระดูกแตกละเอียด ต้องยึดจากข้างนอกแบบนี้แหละ อีกหลายวันเลยกว่าจะได้เอาออก” “ทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็หาย” เพียงขวัญยื่นมือไปลูบแขนเพื่อนเบาๆ เป็นการปลอบใจ “อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวฉันลงไปซื้อให้” “ไม่อ่ะ อาหารโรงพยาบาลรสชาติจืดชืดจนลิ้นฉันจะกลายเป็นกระดาษอยู่แล้ว แต่ก็ต้องทนกินไปก่อน” เปิ้ลถอนหายใจ ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายขึ้นมาอย่างมีเลศนัย “แต่แก... ฉันมีเรื่องจะเมาท์” “เรื่องอะไร” “เรื่องคุณหมอเจ้าของไข้ฉันน่ะสิ” เปิ้ลทำตาลอยฝัน “แกเอ๊ย... หล่อมากแม่! หล่อแบบวัวตายควายล้ม หล่อจนฉันลืมเจ็บขาไปเลยอ่ะ สูงโปร่ง ไหล่กว้างๆ ใส่เสื้อกาวน์แล้วโคตรเท่ ตอนเขามาตรวจนะ ฉันแทบอยากจะขาหักอีกข้างเลย” เพียงขวัญส่ายหัวอย่างระอา “เพ้อเจ้อจริงๆ เลยนะแกเนี่ย อยู่ในสภาพนี้ยังจะมาเคลิ้มอีก” “เอ้า ก็มันเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของคนป่วยนี่นา” เปิ้ลเถียง “แต่เขาดูนิ่งๆ ขรึมๆ ไปหน่อยนะ พูดน้อย ถามคำตอบคำ หน้าอย่างกับไปโกรธใครมา แต่ไม่เป็นไร ฉันให้อภัยในความหล่อของเขาได้” ขณะที่เพื่อนสาวกำลังพร่ำเพ้อถึงคุณหมอสุดหล่อในจินตนาการ ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดเข้ามาอย่างแรงโดยไม่มีการเคาะบอกล่วงหน้า ปัง! ร่างสูงในชุดสครับสีเขียวเข้มสวมทับด้วยเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดก้าวเข้ามาในห้อง กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจางๆ ที่เย็นและสะอาด ปะปนมากับกลิ่นยาฆ่าเชื้อ สร้างความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้นมาในบัดดล ชายคนนั้นไม่ได้มองใครอื่นนอกจากคนไข้บนเตียง ใบหน้าคมคายติดจะเรียบเฉย ดวงตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นดูดุดันและเย็นชา จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักลึกที่เม้มสนิทเป็นเส้นตรง ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าราวกับพระเจ้าปั้นมาอย่างตั้งใจ แต่กลับฉาบไว้ด้วยความเย็นชาจนน่าขนลุก “จะยกขาไปถึงไหนครับคุณอารีรัตน์” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น เรียบสนิทไร้ซึ่งอารมณ์ “ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าให้วางไว้บนหมอนในระดับที่พอดี ไม่ใช่ยกสูงจนเลือดไปเลี้ยงไม่สะดวก” เปิ้ลสะดุ้งเล็กน้อย รีบจัดท่าทางตัวเองใหม่ หน้าที่เคยระรื่นเมื่อครู่ซีดลงทันที “ขะ...ขอโทษค่ะคุณหมอ พอดีเมื่อยนิดหน่อย...” หมอคนนั้นไม่สนใจคำแก้ตัว เขาวางแฟ้มประวัติคนไข้ลงบนโต๊ะปลายเตียงเสียงดังปึก! ก่อนจะเดินเข้ามาข้างเตียง ก้มลงสำรวจโครงเหล็กที่ขาของเปิ้ลด้วยสายตาของผู้เชี่ยวชาญ นิ้วเรียวยาวที่สะอาดสะอ้านของเขาค่อยๆ สัมผัสรอบๆ หมุดเหล็กที่ฝังอยู่บนผิวหนังของเพื่อนเธออย่างระมัดระวัง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเฉียบขาด เพียงขวัญนั่งนิ่งราวกับถูกสาป เธอรู้สึกได้ถึงรังสีอำนาจบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวผู้ชายคนนี้ เขาสั่งการทุกอย่างด้วยสายตาและการกระทำ โดยไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดมากมาย บรรยากาศในห้องที่เคยผ่อนคลายเมื่อครู่ พลันหนักอึ้งและตึงเครียดขึ้นมาทันที นี่สินะ... คุณหมอที่เปิ้ลเพ้อถึง หล่อ...ก็จริงอย่างที่เพื่อนว่า แต่เป็นความหล่อที่อันตรายเหลือเกิน “หมุดไม่มีการอักเสบ ถือว่าโอเค” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเปิ้ล “ช่วงนี้พยายามอย่าขยับเยอะ ถ้าปวดมากให้กดเรียกพยาบาล อย่ากินยาแก้ปวดพร่ำเพรื่อ เข้าใจไหม” “ขะ...เข้าใจค่ะ” เปิ้ลตอบเสียงอ่อย ตอนนั้นเองที่สายตาคมกริบคู่นั้นตวัดมาทางเพียงขวัญเป็นครั้งแรก มันเป็นสายตาที่ว่างเปล่าในตอนแรก เหมือนมองผ่านอากาศธาตุ แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นพินิจพิเคราะห์อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ราวกับกำลังประเมินค่าอะไรบางอย่าง เพียงขวัญรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว สายตาของเขา...มันไม่ได้หยาบคายแบบโจ่งแจ้ง แต่มันลึกล้ำและกดดันจนทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าเขา เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย สบตากับเขาตรงๆ อย่างไม่ยอมแพ้ เพื่อแสดงให้รู้ว่าเธอไม่ได้หวาดกลัวสายตาคู่นั้น แม้ว่าหัวใจข้างในจะเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอกก็ตาม ในแววตาของเขาฉายแววประหลาดใจขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาดังเดิม มุมปากหยักยกขึ้นเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น คล้ายจะเยาะหยัน แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว “ถ้าไม่มีญาติคนอื่นมาเฝ้า ก็ช่วยดูแลคนไข้ด้วย อย่าให้ดื้อทำอะไรแผลงๆ” เขาหันไปพูดกับเปิ้ลอีกครั้ง แต่หางตายังคงจับจ้องอยู่ที่เพียงขวัญ “พรุ่งนี้ผมจะเข้ามาดูแผลอีกที” พูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกจากห้องไปทันที ทิ้งให้บรรยากาศอันน่าอึดอัดค่อยๆ คลายตัวลงช้าๆ ทันทีที่ประตูห้องปิดลง เปิ้ลก็ถอนหายใจออกมาดังเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันมาคว้าแขนเพียงขวัญแล้วเขย่าอย่างตื่นเต้น “แกเห็นไหม! แกเห็นไหมขวัญ! นั่นแหละหมอภาคย์ หล่อไหมล่ะ หล่อทะลุเสื้อกาวน์ออกมาเลยใช่ไหม!” เพียงขวัญยังคงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ภาพสายตาคมกริบคู่นั้นยังคงติดอยู่ในหัว “อืม... ก็...หล่อดี” “แค่หล่อดีเองเหรอ! นี่มันระดับเทพบุตรจุติมาเกิดชัดๆ ถึงจะปากร้ายไปหน่อยก็เถอะ แต่ฉันยอมพลีชีพเลยนะคนนี้” เพียงขวัญไม่ได้ตอบอะไร เธอยังคงรู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เกาะกุมหัวใจอยู่...ความรู้สึกหวาดหวั่น ไม่ปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกัน...ก็มีความท้าทายบางอย่างซ่อนอยู่ ผู้ชายคนนั้น...หมอภาคย์... เขามีบางอย่างที่ทำให้สัญชาตญาณของเธอกรีดร้องว่าอันตรายแต่ลึกๆ แล้ว...หัวใจโง่ๆ กลับปฏิเสธไม่ได้เลยว่า... เขาคนนี้น่าค้นหาเหลือเกิน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD